เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับพรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันเตรียมข้อมูลชี้แจงในการอภิปราย ไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 11 คนว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่ละครั้ง ตามประเพณีของพรรคชาติไทยพัฒนาเราจะต้องมีการประชุมก่อนที่จะมีการลงคะแนน ซึ่งทราบว่า จะมีการลงคะแนนกันในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม เพื่อหารือกันก่อนถึงแนวทางที่จะลงคะแนนให้กับผู้ที่ถูกไม่ไว้วางใจจะมีแนวทางเช่นไร
นายวราวุธ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลมา 3 ปีกว่า ได้เห็นและได้ทำงานกันอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาใดๆ การที่จะลงคะแนนอย่างไรเสียก็ต้องรอให้มีการประชุมหารือของพรรคชาติไทยพัฒนาก่อน และถึงแม้ว่า นายกฯและรัฐมนตรี จะถูกอภิปรายมากถึง 11 คน ก็เชื่อว่า เสียงไม่แตกอย่างแน่นอน ไม่น่าจะแตกไปไหน คงไปในทิศทางเดียวกันทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาติไทยพัฒนาเห็นอย่างไรต่อข้อถกเถียงสูตรคิดคะแนนบัญชีรายชื่อ หาร 100 หรือหาร 500 นายวราวุธ กล่าวว่า โดยส่วนตัวในฐานะที่พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นภาพขนาดกลางถึงเล็ก แน่นอนว่า การหารด้วย 500 จะเป็นประโยชน์กับพรรค ส่วนตัวแล้วก็ชอบหาร 500 แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ใช่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ที่สำคัญจะต้องดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย การจะลงคะแนนอย่างไร ไม่อยากให้มีปัญหาตามมาว่า เมื่อเลือกตั้งแล้วจะมีการฟ้องร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือจะมีการฟ้องร้องอย่างไร เราไม่อยากให้มีปัญหา ดังนั้นจะหาร 100 หรือหาร 500 นั้น หากกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญกำหนดไว้เช่นไร เราจะต้องทำตามนั้น หากรัฐธรรมนูญเอื้อให้ทำหาร 500 เราก็ยินดี แต่ถ้ากำหนดว่า เป็น 100 ก็ยืนยันว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ ขอยืนยันว่า ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเองจะปล่อยฟรีโหวตหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คงต้องหารือกันภายในพรรคชาติไทยพัฒนาก่อน แต่เท่าที่พูดคุยกันหลายครั้ง พรรคชาติไทยพัฒนาเองมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันว่า ถ้าโหวต 500 แล้วไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแน่นอนว่า เราเห็นด้วย แต่ถ้าจะต้องโหวต 100 ก็ต้อง 100 ตามนั้นเพราะยึดที่สาระสำคัญตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึงกรณีช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้พรรคชาติไทยพัฒนาเตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครจังหวัดเชียงราย 2 คน นายวราวุธ กล่าวว่า คือนายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ และ นายวันชัย เจียมวิจักษณ์ ซึ่งได้มีการพูดคุยกันมาแล้วระยะหนึ่ง และมีแนวความคิดตรงกันชอบพอกันดี จึงได้มีการแสดงเจตจำนงว่า บ่ายของวันเดียวกันนี้จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา
เมื่อถามว่า จะไม่เป็นปัญหากับพรรคสร้างอนาคตไทยใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ในการเมืองนั้นที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยพรรคชาติไทย เราก็ได้เห็นว่ามีสมาชิกพรรคเราหลายคนไปเป็นสมาชิกพรรคอื่น มีสมาชิกพรรคอื่นมาเป็นสมาชิกของพรรคชาติไทย หรือพรรคชาติไทยพัฒนา หรือแม้แต่ปัจจุบันในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลหลายคนก็เป็นศิษย์เก่าของพรรคชาติไทยทั้งนั้น ดังนั้นการที่จะมีการโยกย้ายถ่ายเปลี่ยนตัวผู้สมัคร หรือส.ส.ตนคิดว่า เป็นเรื่องปกติตามครรลองประชาธิปไตย และเป็นแนวทางการดำเนินการทางการเมืองที่เราเห็นมานาน แน่นอนว่าการเป็นมิตรภาพระหว่างพรรคการเมืองด้วยกันก็ยังคงอยู่ ส่วนเรื่องของผู้สมัครก็เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ว่าจะมีแนวคิดอย่างไร
เมื่อถามว่า จากนี้ไปจะมีการทยอยเปิดตัว สมาชิกใหม่ของพรรคเรื่อยๆใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เรามีการพูดคุยกันอยู่ตลอด พรรคชาติไทยพัฒนาอาจจะไม่หวือหวามากเหมือนพรรคใหญ่ๆพรรคอื่นแต่เราก็จะมีการเปิดตัวเข้ามาเป็นระยะๆตามที่เราได้มีการพูดคุยกันไว้กับหลายๆคน และแน่นอนว่ายังมีเบอร์ใหญ่อีกแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควรกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง เพราะเราคิดว่าอย่างไรก็จะผ่านการประชุมเอเปคไปก่อน อย่างน้อยยังมีเวลา 6-7 เดือน ที่ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง เราจึงคิดว่ายังมีเวลาที่จะค่อยๆทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาในอนาคต
- 004
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี