“จุรินทร์” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เปิดงาน Thai–Saudi Business Matching จับคู่ธุรกิจไทย-ซาอุฯ สร้างประวัติศาสตร์ด้านการค้า การลงทุนเผยปีนี้ตั้งเป้าส่งออกไปซาอุฯ 56,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565เวลา 13.30น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดงาน Thai–Saudi Business Matchingพร้อมด้วย มร.ครารีม อัลอันซี่ กรรมการหอการค้ามณฑลริยาดและหัวหน้าคณะกรรมการด้านการค้าของหอการค้ามณฑลริยาด นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะ ที่สุราลัย ฮอลล์ ชั้น7ไอคอนสยาม
โดย นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของการค้าการลงทุนของประเทศไทยกับซาอุดีอาระเบีย ที่นักธุรกิจของทั้งสองประเทศได้มีโอกาสพบกัน นับตั้งแต่ท่านนายกรัฐมนตรี นำคณะจากประเทศไทยเปิดสัมพันธ์ไมตรีอีกครั้งหนึ่งกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนับจากนี้ต่อไปประเทศไทยจะได้สานต่อความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรูปแบบต่างๆ ทั้งการค้าการลงทุนและด้านอื่นๆ ด้านการค้าถือว่าซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ค้าสำคัญของประเทศไทย และเป็นประเทศที่มีความสำคัญทั้งด้านการเมืองระหว่างประเทศและเศรษฐกิจประเทศหนึ่งของโลก มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียปีที่แล้วมีมูลค่ารวมกันถึง 234,000 ล้านบาท ประเทศไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบียปีที่แล้ว 51,000 ล้านบาท ยังขาดดุลซาอุดีอาระเบียอยู่เยอะ เพราะประเทศไทยนำเข้าพลังงานจากซาอุดีอาระเบียเยอะมาก
สำหรับการส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้ ประเทศไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบียถึง 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.3% และตั้งเป้าว่าปีนี้ประเทศไทยจะส่งออกไปซาอุดีอาระเบียให้ได้ 56,000 ล้านบาท ให้มากกว่าปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 6% ซึ่งซาอุดีอาระเบียสามารถใช้ไทยเป็นประตูการค้าไปสู่อาเซียนและประตูการค้าไปสู่เอเชียตะวันออกได้ รวมทั้งประเทศไทยก็สามารถใช้ซาอุดีอาระเบียเป็นประตูการค้าไปสู่ตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศ GCC (กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือ Gulf Cooperation Council)
นายจุรินทร์ยังได้ขอโอกาสเชิญชวนนักธุรกิจจากซาอุดีอาระเบียที่เดินทางมาเยือนไทยเที่ยวนี้จากมณฑลริยาดถึง 96 ราย 74 บริษัทว่าประเทศไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุนและผู้ค้าจากซาอุดีอาระเบียที่เป็นภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ภาครัฐของซาอุดีอาระเบีย ถ้ามาลงทุนในประเทศไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างน้อยจาก FTA ที่ประเทศไทยทำกับประเทศต่างๆ 18 ประเทศ จำนวน 14 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เปรู ชิลี และฮ่องกง รวมทั้งสิทธิประโยชน์จาก FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบันนี้ ที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกคือ RCEP ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) ซึ่งบังคับใช้แล้วเมื่อต้นปีนี้
และในอนาคตไทยกำลังจะทำ FTA เพิ่มกับบางประเทศ เช่นกลุ่มประเทศ EFTA ที่มีสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ที่ตนไปประกาศนับหนึ่งที่ให้ไอซ์แลนด์ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้ง FTA กับ UK และกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจเสรีการค้า APECในอนาคต ที่จะพัฒนาไปเป็น FTA และประเทศไทยมีข้อตกลงทางการค้ารูปแบบพิเศษจัดขึ้นที่เรียกว่าMini FTA ซึ่งทำ Mini FTA กับมณฑลไห่หนานของจีน มณฑลกานซู่ของจีน รัฐเตลังคานของอินเดีย และเมืองโคฟุของญี่ปุ่นซึ่งนักลงทุนที่มาลงทุนในไทยจะได้ประโยชน์ด้วย
ที่สำคัญเรามีกลไกเรียกว่า กรอ.พาณิชย์(คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์)ซึ่งเป็นเวทีทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนของไทย ซึ่งภาคเอกชนมีสมาชิกประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาโลจิสติกส์ทางเรือ และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งสมาพันธ์เอสเอ็มอี นักลงทุนจากซาอุดีอาระเบีย เมื่อมาลงทุนทำการค้ากับประเทศไทยถ้าติดขัดปัญหาอุปสรรคจะสามารถใช้เวที กรอ.พาณิชย์ ช่วยคลี่คลายปัญหาได้โดยผ่านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
“วันนี้ถือเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งสำหรับ 2 ประเทศ ที่นักธุรกิจซาอุดีอาระเบียจะได้มาพบกับนักธุรกิจไทยเจรจาทางการค้าด้วยกันในรูปแบบ Business Matching ตนหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างกันวันนี้จะนำมาซึ่งการเซ็นสัญญาซื้อขายและการทำ MOU ระหว่างกันในมูลค่าไม่น้อยทีเดียว และปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นกันยายนนี้ตนจะนำคณะนักธุรกิจจากไทยไปเยือนซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งที่เมืองริยาดด้วย ขอต้อนรับนักธุรกิจจากซาอุดีอาระเบียและขอขอบคุณสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่ประสานงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จนเกิดงาน Thai-Saudi Business Matching ขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ก่อนการเปิดงาน Thai – Saudi Business Matching วันนี้ หัวหน้าคณะนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย (มร.ครารีม อัลอันซี่)ในฐานะกรรมการและหัวหน้าคณะกรรมการด้านการค้าของหอการค้ามณฑลริยาดได้นำคณะผู้บริหารของหอการค้ามณฑลริยาดเข้าเยี่ยมคารวะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เพื่อหารือถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันด้วย ซึ่งซาอุดีอาระเบีย เป็นคู่ค้าอันดับที่ 18 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง สินค้าที่ไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบีย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2.ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 3.ผลิตภัณฑ์ยาง 4.อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 5.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี