กระทรวงแรงงานแจงชัด แนวทางขึ้นทะเบียนแรงงาน 4 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ หลังประกาศก.มหาดไทยและประกาศก.แรงงานมีผลบังคับใช้
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันนานาประเทศ รวมทั้งประเทศไทยมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ซึ่งรัฐบาลโดยการนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีนโยบายเปิดประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ทั้งในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคบริการมีความต้องการจ้างแรงงานเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้กำลังแรงงานเข้มข้น ซึ่งบางส่วนจำเป็นต้องจ้างงานแรงงานข้ามชาติ ส่งผลให้เกิดการแสวงหาการมีงานทำ และการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติ ทั้งในลักษณะที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนกิจการ โดยเบื้องต้นกระทรวงแรงงานได้รับทราบข้อมูลจากนายจ้าง/สถานประกอบการว่า ยังมีความต้องการแรงงานประมาณไม่น้อยกว่า 120,000 คน
นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงแรงงานจำเป็นต้องมีมาตรการสนับสนุนนายจ้าง/สถานประกอบการ และภาคการผลิตให้สามารถจ้างแรงงานข้ามชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องซึ่งประสงค์จะทำงานสามารถอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการทำงานได้ เพื่อฟื้นฟูประเทศในมิติต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยให้แรงงานข้ามชาติสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ยังมีสถานะไม่ถูกต้องด้วยเงื่อนไข และปัจจัยต่าง ๆ แต่ประสงค์จะทำงานอย่างถูกต้อง ดำเนินการตามแนวทางที่กรมการจัดหางานกำหนด เพื่ออยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 66 และเมื่อได้รับอนุญาตทำงานและตรวจลงตราถึงวันที่ 13 ก.พ. 66 แล้ว หากประสงค์จะทำงานต่อไป สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 68 โดยขออนุญาตให้อยู่และทำงาน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ปี ครั้งแรกไม่เกิน 13 ก.พ. 67 ครั้งที่ 2 ไม่เกิน 13 ก.พ. 68 ซึ่งแรงงานข้ามชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องดังกล่าวจะต้องทำงานอยู่กับนายจ้างก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ในส่วนแรงงานสัญชาติเวียดนามต้องมีหนังสือเดินทางที่มีอายุและมีรอยตราประทับทุกกรณี
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า แรงงาน สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ประสงค์ทำงานและมีนายจ้างถูกต้องตามกฎหมายต้องดำเนินการดังนี้ 1. นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว (Name list) ต่อกรมการจัดหางาน พร้อมด้วยรูปถ่ายปัจจุบันของคนต่างด้าว ภายใน 15 วัน หลังประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้ 2. ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว ภายในระยะเวลา 60 วัน หลังเสร็จสิ้นกระบวนการยื่น Name List โดยนายทะเบียนจะออกใบรับคำขออนุญาตทำงานและ QR Code สำหรับชำระค่าธรรมเนียมผ่านธนาคารกรุงไทย เป็นค่ายื่นคำขอฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ 900 บาท หลังจากนั้นธนาคารกรุงไทยจะออกใบเสร็จรับเงินให้แก่นายจ้าง และให้คนต่างด้าวใช้ใบรับคำขออนุญาตทำงานและใบเสร็จรับเงินคู่กันเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้รับการผ่อนผันให้ทำงานได้ จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย 3. คนต่างด้าวใช้ใบรับคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวพร้อมกับใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียม แสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม 4. นายจ้างนำคนต่างด้าวไปดำเนินการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล ตรวจสุขภาพ 6 โรค จัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ และออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ภายในวันที่ 13 ก.พ. 66
ทั้งนี้คนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 ก.พ. 66 แล้ว หากประสงค์จะทำงานต่อไปถึงวันที่ 13 ก.พ. 68 ให้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานก่อนที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นอายุไม่เกิน 120 วัน พร้อมกับยื่นขอตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป (VISA) ก่อนที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวสิ้นอายุ โดยนายทะเบียน จะอนุญาตให้ทำงานคราวละ 1 ปี รวม 2 ครั้ง ถึงวันที่ 13 ก.พ. 68
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี