เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 นายทิวา การกระสัง ทนายความผู้รับมอบจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ไปแจ้งความดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงข่าวว่าจะฟ้องกลับนายศักดิ์สยาม เป็นเงิน 100 ล้านบาท เนื่องจากศาลพิพากษายกฟ้องในคดีอาญาหมายเลข อ. 1063/2564ของศาลอาญานั้น เป็นคนละเรื่องกันกับที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แจ้งความดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ การที่ตน เป็นผู้รับมอบไปแจ้งความดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ นั้นเป็นกรณีที่มีการโพสต์ว่านายศักดิ์สยาม เป็นต้นเหตุของคลัสเตอร์ทองหล่อ ในเดือนเม.ย.64 และนำภาพที่มีการรับประทานอาหารมีนายศักดิ์สยามนั่งอยู่ว่าเป็นต้นเหตุ ซึ่งเป็นภาพเก่า เป็นคนละกรณีกับข้อเท็จจริงในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ. 1064/2564ของศาลอาญา
นายทิวา กล่าวต่อว่า ในคดีดังกล่าว ผู้เสียหายนำข้อเท็จจริงที่จำเลยคือ นายมงคลกิตติ์ ไปโพสต์ในกรณีเจ็ตสกี ซึ่งทำให้ผู้เสียหายเกิดความเสียหาย และมีการไปเผยแพร่ในสำนักข่าวอีก2สำนัก ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าโพสต์ดังกล่าวของนายมงคลกิตติ์ มีการเบลอภาพ และไม่ระบุชื่อโดยตรง ถึงแม้สำนักข่าวจะนำภาพ และข้อความที่นายมงคลกิตติ์ เผยแพร่ใต้ภาพที่เบลอภาพนั้น ก็ไม่มีพยานหลักฐานว่านายมงคลกิตติ์ เป็นผู้ส่งภาพนั้นให้สำนักข่าว อีกทั้งการวิจารณ์ผู้เสียหายก็ไม่ระบุชื่อ ศาลจึงถือว่าเป็นกรณีสงสัย ไม่ประทับรับฟ้อง คดีดังกล่าวเป็นการนำข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง และเป็นข้อความที่จำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความเอง มีข้อเท็จจริงนายมงคลกิตติ์ โพสต์ขอโทษผู้เสียหายจากการกระทำดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการฟ้องเท็จ และผู้เสียหายไม่ใช่นายศักดิ์สยาม ดังนั้น นายมงคลกิตติ์ จะนำข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายศักดิ์สยาม ไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะคดีที่นายศักดิ์สยาม มอบอำนาจให้ตนในฐานะทนายความแจ้งความนั้น มีการระบุชื่ออย่างชัดแจ้ง และเป็นหลายกรณีหรือหลายกรรม ไม่ใช่เฉพาะกรรมที่มีการขี่เจ็ตสกีอย่างเดียว พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการ นายมงคลกิตติ์ ขอเลื่อนไม่ไปรายงานตัวกับพนักงานอัยการโดยอ้างเหตุประชุมสภา
นายทิวา กล่าวต่อว่า หากนายมงคลกิตติ์ เห็นว่าสิ่งที่ตนเอกระทำต่อนายศักดิ์สยาม ในเรื่องคลัสเตอร์ทองหล่อไม่เป็นความผิดและเป็นการวิจารณ์การทำงานของรัฐมนตรีตามที่นายมงคลกิตติ์กกล่าวอ้าง ก็ควรมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมาย ไม่ใช่อ้างเอกสิทธิ์คุ้มครองในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ และการสัมภาษณ์ใดๆ ก็ควรให้สัมภาษณ์ในเรื่องที่เป็นความจริง เนื่องจากในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1036/2564 ผู้เสียหายหรือโจทก์สามารถอุทธรณ์และฎีกาได้ตามกฎหมาย อีกทั้งมีการระบุพยานในสำนวนคดีดังกล่าว ก็เป็นการไต่สวนในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พยานที่ระบุก็ไม่มีการเรียกมาให้การ เป็นเรื่องของกระบวนการในชั้นพิจารณา หากคดีมีมูลไม่ใช่กรณีที่โจทก์เรียกนายศักดิ์สยาม มาเบิกความที่ศาลแล้ว นายศักดิ์สยาม ไม่มาศาลตามที่นายมงคลกิตติ์ให้สัมภาษณ์
นายทิวา กล่าวว่า การเป็นส.ส.ซึ่งเป็นคนของประชาชนที่ได้รับการเลือกตั้งมา ควรจะแถลงหรือให้ข่าวในสิ่งที่เป็นความจริง ไม่ใช่แถลงข่าวบิดเบือนและต้องการให้ตนเองเป็นข่าว หากแน่จริง ก็มามอบตัวสู้คดีที่ จ.บุรีรัมย์ กระผมในฐานะผู้รับมอบอำนาจและในฐานะทนายความ ยินดีต้อนรับและได้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่คดียังไม่เสร็จแล้วมาให้สัมภาษณ์ว่าจะฟ้องคนโน้นคนนี้เรียก 100 ล้านบาท
“ฝากถึงนายมงคลกิตติ์ ว่า ผมในฐานะทนายความ และเป็นคนบุรีรัมย์ พร้อมเสมอสำหรับคดีที่นายศักดิ์สยาม แจ้งความในกรณีคลัสเตอร์ทองหล่อ และภาพที่นำมาเผยแพร่ และควรนำทนายความเก่งๆ มาสักหลายๆ คนสำหรับคดีที่จ.บุรีรัมย์” นายทิวา กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในกรณีที่ตนถูก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ฟ้องร้องดำเนินคดีฐานความผิดหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จำนวน 2 คดีว่า สืบเนื่องจาก กรณีเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 รอบ 2 ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ซึ่งตน ได้ออกมาวิพากวิจารณ์ นายศักดิ์สยาม เมื่อ วันที่ 17 เมษายน 2564 จนนำไปสู่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ประเด็น สาเหตุการแพร่ระบาดโควิด รอบ 2 เมื่อ 3 กันยายน .2564 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ นายศักดิ์สยาม ได้การฟ้องร้องดำเนินคดีที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จำนวน 2 คดี คือ
1.คดีหมิ่นประมาท-พรบ.คอมพิวเตอร์ กรณี เหตุการณ์ที่ขับเจ๊ตสกีกับหญิงสาวผู้หนึ่ง และ เหตุการณ์ที่คริสตัลทองหล่อ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างชั้นอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ ตีสำนวนกลับมาสอบสวนเพิ่มเติม โดยมี นายทิวา การกระสัง เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจ และมีหญิงสาวผู้นั้น เป็นพยานโจทก์ในคดี
2.คดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยมี นายทิวา การกระสัง เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจ
อีกทั้งในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีหญิงสาวผู้นั้น เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มาเที่ยวพักผ่อนขับเจ๊ตสกีที่ทะเล
เมื่อ 12 พฤษภาคม 2564 หญิงสาวผู้นี้ ได้มาเป็น พยานในคดี สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้เป็นโจทก์ฟ้องต่อศาลอาญาดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาพร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 5 ล้านบาท ใน คดีหมายเลขดำที่ อ.1063 /2564 กับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยมี นายทิวา การกระสัง เป็นผู้เรียง-ผู้เขียนหรือพิมพ์ และ ทนายความ ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.30 น. ศาลอาญาได้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง ทั้งฝ่ายโจทก์-จำเลย โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ร่วมเป็นพยาน(แต่ไม่มาเบิกความ) จนเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2565 เวลา 09.30 น. ศาลอาญา ได้มีคำพิพากษา ให้ยกฟ้อง คดีไม่มีมูล ศาลจึงไม่รับฟ้องคดีแพ่งจากโจทก์ได้
“ประเด็น สำคัญแห่งคดี ที่บุคคลผู้นั้น เป็นโจทก์กล่าวหา ว่า ผมได้นำภาพของเธอและ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ไปเผยแพร่ในเว็บไซด์ข่าวออนไลน์ ข่าวชาวบ้าน-Thai TV Social และ เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก CSI LA แต่ปรากฏในการนำสืบพยานในชั้นศาลไต่สวน จำเลย ได้นำเอกสารยืนยัน จาก ข่าวชาวบ้าน-Thai TV Social และ เพจเฟซบุ๊ก CSI LA ว่าภาพที่อ้างถึงนั้น ไม่ได้มาจาก นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เหตุเนื่องจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และ ปรากฏตามสื่อโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งบริษัทฯ ได้นำเสนอข่าวเช่นเดียวกับสื่อสำนักอื่นๆ บริษัทฯ จึงขอยืนยันว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ไม่ได้ส่งข้อมูลภาพดังกล่าวให้แก่บริษัทฯ แต่อย่างใด” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ นายศฤงคาร ข่ายสุวรรณ หรือ ทนายมีน กรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ ฝ่ายกฎหมาย ได้เป็นทนายความประจำตัวให้กับตน ซึ่งทนายมีนซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทนายความมือหนึ่งของพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ไม่เคยว่าความแพ้คดีเลย ดังนั้น จากกรณี ที่ศาลอาญา ชั้นต้น ได้ยกฟ้องในครั้งนี้ จะมีผลต่อคดีที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกันเนื้อหาเดียวกันเปลี่ยนเพียงชื่อโจทก์เท่านั้น ซึ่งถ้าในวันที่ 30 กรกฎาคม นี้ ถ้าโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ จะถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าคดีถึงที่สุดเมื่อใด ตนจะฟ้องกลับ โจทก์ พร้อม ผู้เรียง-ผู้เขียนหรือพิมพ์คำฟ้อง ตาม ป.อาญา มาตรา 175 ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นความจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท พร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 100 ล้านบาท ทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี