ผู้หญิงต้องปลอดภัย! "สมศักดิ์"ขอบคุณ ส.ว.ผ่านร่างกฎหมายป้องกันกระทำผิดซ้ำ ชี้"ฉีดให้ฝ่อ"ไม่กระทบสิทธิ ผู้ต้องหาต้องยินยอม ย้ำเน้นฟื้นฟูเฝ้าระวัง 10 ปี ปิดช่องเกิดเหตุสะเทือนขวัญ
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี สมาชิกวุฒิสภาลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง ว่าขอขอบคุณสมาชิกวุฒิสภาทุกคน โดยเฉพาะนายคำนูณ สิทธิสมาน นายวันชัย สอนศิริ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ที่ได้ช่วยกันผลักดันกฎหมายป้องกันกระทำผิดซ้ำนี้ เพื่อช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งจะนับเป็นกฎหมายฉบับแรกที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนเพื่อทำให้สังคมรู้สึกถึงความปลอดภัยจากบุคคลอันตรายมากขึ้น เพราะกฎหมายฉบับนี้ ที่กระทรวงยุติ ธรรมร่วมกับส.ส.ได้เสนอ โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ในการช่วยทำให้ผู้หญิงปลอดภัยจากบุคคลอันตราย ช่วยป้องกันเหตุสะเทือนขวัญไม่ให้เกิดขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ มี 4 มาตรการ คือ มาตรการแก้ไขฟื้นฟู มาตรการเฝ้าระวัง มาตรการคุมขัง และมาตรการคุมขังฉุกเฉินหลังพ้นโทษ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังบุคคลอันตรายที่มีพฤติกรรมกระทำผิดซ้ำ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ที่กระทำผิดโดย ฆาตกรรม การข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำความผิดทางเพศกับเด็ก การทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัส รวมทั้งการนำตัวบุคคลไปเรียกค่าไถ่
“ร่างกฎหมายฉบับนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูผู้กระทำผิด มากกว่าการลงโทษ อย่างมาตรการเฝ้าระวังภายหลังพ้นโทษเป็นเวลา 10 ปี ห้ามเข้าเขตกำหนด การติดกำไลอีเอ็ม รวมถึงมีอาสาสมัครคุมประพฤติช่วยติดตาม หากผู้ถูกเฝ้าระวัง มีพฤติกรรมเสี่ยง ก็จะถูกควบคุมตัวทันที เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรง ส่วนที่มีการปรับแก้เพิ่มเติม ผมมองว่า ไม่ส่งผลกระทบอะไร เพราะสุดท้ายประชาชนได้ประโยชน์ แต่ผมอยากให้กฎหมายนี้เสร็จเร็วที่สุด โดยลดขั้นตอนอะไรได้ต้องรีบทำ ผมไม่อยากเห็นข่าวไม่ดีเกิดขึ้นกับผู้หญิงอีก และจากนี้ ก็จะต้องเร่งให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายนี้ให้ประชาชนรับทราบ” รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่า ร่างกฎหมายป้องกันกระทำผิดซ้ำนี้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้สังคมรับรู้ว่า บุคคลอันตรายที่พ้นโทษออกมานั้น อยู่ตรงไหน จะได้ช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก ส่วนมาตรการทางการแพทย์ที่สามารถให้ยากดฮอร์โมนเพศชาย หรือฉีดให้ฝ่อแก่ผู้กระทำผิด หากแพทย์อย่างน้อย 2 คนเห็นว่า มีความจำเป็นต้องใช้ และได้รับความยินยอมจากผู้กระทำผิดนั้น ตนมองว่าไม่เป็นการกระทบสิทธิ เพราะผู้ต้องหาต้องยินยอมด้วย ซึ่งมีการพิจารณากันอย่างรอบคอบแล้ว แต่อาจจะไม่มีการใช้ถึงขั้นนั้น เพราะหากมีมาตรการเฝ้าระวังแล้ว ที่เสมือนเป็นการปิดช่องก่อเหตุซ้ำ ก็จะไม่ต้องนำมาใช้ เนื่องจากเราได้ป้องกันที่ต้นเหตุแล้ว แต่การมีกฎหมายที่รุนแรงก็ยังจำเป็นเพื่อช่วยป้องปรามได้อีกทางหนึ่ง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี