‘คนเก่าดีกว่าก็เอากลับมาให้ได้’
‘บิ๊กตู่’ฟาดฝ่ายค้าน
ตอบโต้เดือดซักฟอกวันแรก
‘พท.’อัดล้มเหลวพินาศทุกมิติ
รุมขย่ม‘อนุทิน’ปมกัญชาเสรี
ดองวัคซีนแอสตราฯ55ล้านโดส
‘เสี่ยหนู’โต้เก็บไว้ฉีดเสริมภูมิ
ย้ำระบบสาธารณสุขไม่ล้มเหลว
ฝ่ายค้านเปิดซักฟอกยุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” วันแรกถล่ม“บิ๊กตู่”ไร้ความสามารถล้มเหลว ครอบงำพังพินาศทุกมิติ อย่าดันทุรังบริหารประเทศ อย่าอยู่เป็น“รัฐบาล608” ทำลายชาติ หั่นทิ้งวงจรอุบาทว์-เห็บสูบเลือดชาติทำลายระบบรัฐสภาขู่ถึงศาลแน่ นายกฯลุกแจง เชือดกลับ“ผู้นำฝ่ายค้าน” นิ่มๆ เห็นว่า“คนเก่า”ดีกว่าก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน เหน็บคนฉลาดที่สุดอยู่ที่ไหนลั่นไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง งงเปิดโหวตซักฟอกนอกสภาฯ“เพื่อไทย-ก้าวไกล-ประชาชาติ”รุมถล่ม“อนุทิน”เต็มๆ ปมกัญชาเสรี“สุทิน”ปูดแฉมี
’นักการเมืองใหญ่’ข้ามฝั่งทำธุรกิจ ปท.เพื่อนบ้าน‘ก้าวไกล’ซัดจงใจเปิดช่อง กม.ไร้สภาพคุม ทำปชช.เสี่ยงด้านสุขอนามัย‘ประชาชาติ’ซัด‘อนุทิน’ปล่อย เปิดเสรีกัญชาสุดโต่งโจ๋งครึ่ม แฉขาย‘ช่อดอก’แพงระยับกิโลละ 2แสนถึง1ล้านขณะที่‘อนุทิน’ยืนยันระบบสาธารณสุขไทย ไม่ได้ล้มเหลว ย้ำนโยบายกัญชาไม่ขัดกม.ระหว่างปท. แจงวัคซีนไว้เสริมภูมิ’ทวงสัญญา‘ร้อยนึงเอากองเดียว’
เมื่อเวลา09.24น.วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ที่รัฐสภาได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 33 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาวาระด่วนคือ ญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา151 จำนวน 11 รัฐมนตรีวันแรก ตามที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกับคณะจำนวน 186 คนเป็นผู้เสนอ ภายใต้ยุทธการ“เด็ดหัว สอยนั่งร้าน”
โดยมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1ทำหน้าที่ประธาน ทั้งนี้ ทางสภาผู้แทนฯได้นัดประชุมในเวลา 08.30น.แต่องค์ประชุมไม่ครบกึ่งหนึ่งคือจำนวน 239 คน ทำให้ยังไม่สามารถเปิดการประชุมได้ จนกระทั่งเวลา09.24น.องค์ประชุมครบกึ่งหนึ่ง นายสุชาติจึงเปิดการประชุมได้พร้อมชี้แจงข้อบังคับการประชุมให้ที่ประชุมรับทราบ
ผู้นำฝ่ายค้านขย่ม‘บิ๊กตู่’ไร้ภาวะผู้นำ
เวลา09.41น.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.)ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้อ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและอภิปรายขยายความในญัตติตอนหนึ่งว่าความเจ็บปวดและความทุกข์ยากของประชาชนถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดระยะเวลา 8 ปีที่บุคคลชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ความปรารถนาในอำนาจ ความอยากอยู่ในตำแหน่งไปตลอดกาลของนายกฯ คนนี้ การบริหารแบบคุยโวที่ผ่านมาทั้งหมดตลอด8ปีคือความบกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลวของตัวท่านเองแต่เพียงผู้เดียวและความสิ้นหวังที่เกิดขึ้นกับประชาชนในขณะนี้มันยากเกินความสามารถเกินสติปัญญาของท่านที่จะแก้ไข ไม่ควรดันทุรังบริหารประเทศต่อไปอีกแล้ว คาดหวังจะเห็นจากนายกฯตระหนักถึงจิตสำนึกความเป็นมนุษย์ รู้ผิดชอบชั่วดีว่าไร้ศักยภาพ ไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิงในการบริหารจัดการแก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชน คาดหวังว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะเกิดความสำนึกรู้ว่าท่านควรจะยุติบทบาทนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ประวัติศาสตร์จะจารึกถึงความล่มสลายที่ท่านได้ก่อขึ้นต่อไป
ร่วมตัดวงจรอุบาทว์เห็บที่สูบเลือด
นพ.ชลน่าน กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกความจริงต้องถูกเปิดเผย ความเสียหายที่สร้างไว้ต้องถูกตีแผ่ ทุกความผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลว การก่อทุจริตต้องถูกเปิดโปงและนำไปสู่การดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมนำคนผิดมาลงโทษ เราจะร่วมกันตัดวงจรอุบาทว์เห็บที่สูบเลือดประเทศเพื่อความอิ่มเอมของตนและพวกพ้องจะต้องถูกกำจัด พรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอใช้เวลาทั้งสิ้น 4 วัน 45 ชั่วโมงอย่างคุ้มค่าทุกวินาที เพื่อหยุดสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ หยุดการทำลายชาติ เพื่อชี้ให้สภาแห่งนี้เห็นถึงภัยร้ายที่เกิดขึ้นมาตลอด 8 ปี หวังว่าสิ่งที่พวกเราได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะทำให้ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่านั่งร้านที่พวกท่านพยายามค้อมหัวยอมเป็น ให้กับรัฐบาลนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวง และถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมมือกันยุติความเสียหายเหล่านี้และเริ่มต้นใหม่กับรัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง
อวยกลุ่มราษฏรเปิดโหวตคว่ำรบ.
อีกทั้งตนขอขอบคุณกลุ่มราษฎรที่เปิดกล่องลงมติไม่ไว้วางใจเป็นมติมหาชน หากเห็นมติมหาชนจะเปลี่ยนใจมาลงมติไม่ไว้วางใจร่วมกับฝ่ายค้าน พล.อ.ประยุทธ์และพวก มีที่มาไร้ความชอบธรรม เข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน นั่นคือการปล้นอำนาจของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ ผลักดันตนเองเข้ามาเป็นรัฐบาลเถื่อน ฉีกรัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดของประเทศ และยังรักษาอำนาจด้วย กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญที่น่าอดสูใจอย่างยิ่ง เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างกองกำลังในสภาให้ซ้ายหันขวาหัน โหวตรักษาอำนาจให้ตนได้ตามอำเภอใจ จนรัฐบาลเถื่อนของตนนั้นอยู่รอด สร้างความล่มสลายให้ประเทศต่อเนื่องยาวนานเกือบ 8 ปี
อย่าดันทุรังบริหารจนชาติพังพินาศ
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่ายอมรับเถิดว่ารัฐธรรมนูญปี60ที่เกิดจากนิติบริกรที่พล.อ.ประยุทธ์เลือกเข้ามาจัดทำรัฐธรรมนูญจนได้ดั่งใจเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ ดึงประเทศถอยหลังนับสิบๆปี เป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายระบอบการเมืองไทย ทำลายประเทศและอนาคตของลูกหลานของเราทั้งหมด เป็นเพียงเพราะความอยากอยู่ต่อในอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ อย่างไร้สำนึก ไร้ความชอบธรรม โดยไม่ใส่ใจต่อความพินาศของเศรษฐกิจสังคม ซึ่งเป็นผู้นำไร้ความสามารถ ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ ใช้ปากบริหารประเทศ เพราะชีวิตของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจรู้จักแต่กองกำลังในค่ายทหารจึงมักคัดเลือกบุคลากรที่คุ้นเคยเหล่านี้เข้ามาทำงานในด้านต่างๆแบบผิดฝาผิดตัว เป็นผู้นำที่สร้างความพินาศ ล้มเหลวให้กับประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข การเมือง คอร์รัปชั่นจนระบบประเทศพังพินาศล้มเหลว
ขู่ถึงศาลแน่ทำลายสภา/ครอบงำชี้นำ
นพ.ชลน่านยังยกตัวอย่างภาพการพิจารณางบประมาณปี2566 เห็นชัดเจนว่าช่วงใกล้เลือกตั้งจัดงบกระจุกตัว จัดให้แต่ฝ่ายเองและพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด การริดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนที่จะต้องได้รับความยุติธรรม แต่กลับจับติดคุกทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา บังคับใช้กฎหมายล้นเกิน ดึงสถาบันมาเป็นคู่ขัดแย้ง กล่าวหาคนเห็นต่าง ไม่จงรักภักดี ทั้งที่จริงตัวท่านเองแอบอิงใช้ประโยชน์เพื่อต้องการอยู่ในอำนาจ การสถาปนา สภากล้วย จงใจเป็นปฏิปักษ์ทำลายระบบรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เรื่องนี้ถึงศาลแน่นอน
อีกทั้งยังครอบงำชี้นำพรรคการเมืองที่สมยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก้าวก่ายแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติสั่งการสูตรคำนวณส.ส.หาร 500 มีการต่อรองทางการเมืองมากมาย เพื่อทำงานพรรคการเมืองคู่แข่งให้การยึดอำนาจมาไม่เสียของ เหมือนจับหนูตัวเดียวแต่เผาบ้านตัวเอง ตนยังเชื่อมั่นศาลรัฐธรรมนูญพรรคร่วมรัฐบาลและส.ส.ท่านใช้วิธีการแบบนี้พรรคกลางและพรรคเล็กตายหมด ตนแนะนำยังมีเวลาไปใช้ศาลรัฐธรรมนูญทักท้วงว่า การแก้ไขมาตรา 23 ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ถึงศาลแน่ และจะมีใครบางคนถูกสอย เสียงในสภาฯไม่ชนะศรัทธาประชาชนแน่นอน คนดูถูกอำนาจประชาชน จะถูกสั่งสอนในสนามเลือกตั้ง
ไล่รัฐบาล608ทำลายประเทศชาติ
“ผมขอร้องไปยังเพื่อนสมาชิกเรามาจากประชาชนต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชน เพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง ผมหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพวกเราจะได้มาเจอกันณ แห่งนี้และหวังว่าคนที่นั่งอยู่บนบังลังก์ควรจะไปจากสภาฯแห่งนี้เพราะท่านไม่เคยให้เกียรติสภาแห่งนี้ ไปได้แล้วครับ ท่านอย่าอยู่เพื่อเป็น 608 ทำลายประเทศชาติ”นพ.ชลน่าน กล่าวทิ้งท้าย
‘บิ๊กตู่’งงเปิดโหวตซักฟอกนอกสภา
เวลา11.10น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงว่าวันนี้รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาพบและรวมกันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่มีชื่อว่าสปายะสภาสถานหมายถึงเป็นสถานที่ที่ประกอบกรรมดี ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ยามใดที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย พระมหากษัตริย์ทรงสร้างสถานที่เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจไพร่ฟ้าประชาชนและหลอมรวมจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวและรวมพลังกันฟันฝ่าอุปสรรคให้ประชาราษฎร์อยู่รอดปลอดภัย บ้านเมืองสงบสันติจนถึงทุกวันนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่จะช่วยกันขบคิด ถกแถลงเพราะเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ส่วนที่เป็นฝ่ายข้างนอกก็ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหนที่ไปลงคะแนนลงมติข้างนอก ตนไม่เคยได้ยินแบบนี้ไม่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดิน
ตอกย้ำแก้โควิดผลงานรัฐบาล
“วันนี้มีปัญหามากมาย ที่ตั้งโจทย์หัวข้อมา หรืออาจจะฟังไม่หมดฟังไม่เข้าใจ เพราะอาจจะใช้อวัยวะข้างเดียวฟัง ไม่ได้ฟังสองข้าง ถ้าฝ่ายค้านพูดมา ผมก็ขอพูดบ้าง เพราะค่อนข้างจะพูดรุนแรงอยู่เหมือนกันเราจึงจำเป็นต้องละทิ้งฐิถิ อคติ ผลประโยชน์ส่วนตัวไว้ข้างหลัง และยึดถึงประโยชน์ของส่วนรวมคนในชาติเป็นที่ตั้ง ถ้าเรามีความรักสามัคคีกันไม่ขัดแย้งกัน ปัญหาทุกอย่างแก้ได้หมด ถ้ามีความเข้าใจซึ่งกันและกัน”พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
นายกฯกล่าวถึงการแก้ปัญหาโควิด-19ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่าได้รับการชื่นชมในสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการและสามารถเปิดประเทศได้อย่างยั่งยืน ทำให้มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจก็ดีขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีนี้ มีนักท่องเที่ยวแล้ว 2.2ล้านคนและโครงการไทยเที่ยวไทย 6.8 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบ4.3แสนล้านบาท นี้คือ ผลงานรัฐบาล
“การอภิปรายครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่ผมและรัฐมนตรี ได้ยินมาหลายครั้งและพูดแต่เรื่องเดิมๆแต่ก็พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น นายกฯไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกฉลาดที่สุด อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” นายกฯ กล่าว
ลั่นไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่าย้อนกลับไปเมื่อ10กว่าปีที่แล้ว ตนไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งหรือวิกฤตต่างๆ ขอให้ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิดและคนที่ติดคุก ยืนยันว่าตนไม่ได้ต้องการให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เมื่อตนเข้ามาบริหารประเทศก็ต้องการผลิกโฉมประเทศไทย ทั้งการประกาศวิสัยทัศน์ของประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ผลักดันยุทธ์ศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และส่งเสริม12อุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมทั้งชี้แจงว่าที่เคยบอกว่า2ปี ไม่ใช่ต้องการขออยู่ในตำแหน่ง แต่หมายถึง นโยบายต่างๆที่วางไว้จะเริ่มเห็นผลออกมา
ย้ำปมพรก.อัดกลับบริหารไม่เป็น
นายกฯชี้แจงว่าสำหรับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือใช้ทหารมาทำงาน หากมีความจำเป็นก็ต้องดำเนินการ ส่วนกลไกในสมช.มีรองนายกฯและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบอยู่ในคณะกรรมการทั้งหมดและไปตรวจสอบดูว่ามีทหารอยู่กี่คนในคณะกรรมการชุด ที่ตั้งขึ้นมาซึ่งสมช.มีหน้าที่ดูแลความมั่นคงและภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ทุกๆเรื่องและมีหน้าที่ในการกำหนดยุทธศาสตร์ คุณบริหารไม่เป็นเอง คุณไม่ใช้เพราะคุณไม่ไว้ใจเขา ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีทหารหรือตำรวจดูแล จะนั่งอยู่ตรงนี้ได้หรือไม่
ขณะที่ข้อกล่าวหา เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าราคาแพง จนทั้งแผ่นดิน ทุกคนทราบดีว่าสาเหตุเกิดจากอะไรและอยากให้ฝ่ายค้านเสนอแนวทางแก้ปัญหาซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้ครู หนี้ กยศ.รัฐบาลในอดีตเคยทำหรือไม่รัฐบาลได้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดถึง55ล้านบัญชีซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อเสียงแต่เป็นการช่วยผู้ที่มีปัญหาให้อยู่รอดได้และพัฒนาไปสู่ความพอเพียงและยั่งยืนได้รวมถึงดูแลผู้ป่วยโควิดและวัคซีนต่างๆใช้วงเงินไปแล้ว1.5แสนล้านบาท
ซัดคนเก่าดีกว่าก็เอากลับมาให้ได้
“สรุปแล้วที่ท่านพูดมาทั้งหมด ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมดและไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ผมจำเป็นต้องพูดตรงนี้เพราะท่านว่าผมทำอะไรไม่สำเร็จสักเรื่อง ผมจำเป็นต้องชี้แจงและขอให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ท่านแรงมา ผมก็พยายามแรงน้อยกว่าท่าน เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า ท่านต้องการให้ผมโมโห ให้เกียรติกันดูที่คำพูด ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่นก็ต้องให้เกียรติคนอื่น ถ้าโจมตีลักษณะให้ร้าย พูดจาส่อเสียด ดูแล้ว ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ผมไม่อยากฟังในสภานี้แต่ผมให้เกียรติสภา”
“ผมไม่ได้พูดว่าตัวเองเก่งที่สุด ท่านเป็นหมอฉลาดกว่าผม แต่โชคดีที่ผมไม่ไปรักษากับท่านและผมก็ทราบดีว่า ท่านชื่นชมคนที่ทำงานมาก่อนดีกว่าผม ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน”นายกฯย้ำ
‘สุทิน’ถล่ม‘บิ๊กตู่-หนู’ปล่อยกัญชาเสรี
เวลา11.25น.นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)อภิปรายขอใช้สิทธิ์กล่าวหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุขและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เนื่องจากร่วมกันกำหนดนโยบายให้มีกัญชาเสรีนำมาซึ่งเกิดการละเมิดกติกาโลก และกฎหมายประเทศ รวมถึงรัฐธรรมนูญและมติรัฐสภาไทย อีกทั้งยังละเลยละเว้นไม่ออกมาตรการควบคุมกัญชาสิ่งที่ควรจะมี และควรจะเป็นนำความเสียหายต่อประเทศชาติ
ผู้ปกครองโอดเด็กปุ๊นกลางห้องเรียน
ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านเกือบเดือนมีผู้ปกครองเด็กเป็นห่วงลูกหลาน บอกให้ส.ส.สุทินพูดหน่อยว่าไม่คุ้มนะให้ปลูกคนละเท่านั้นเท่านี้ต้น ลูกหลาน พวกเราไม่ตายหมดหรือรวมถึงครูบาอาจารย์ถามว่าปล่อยได้อย่างไร เพราะเด็กวันนี้พี้กัญชากลางห้องเรียนแล้วยังมีหมอแพทย์แผนไทย นักกฎหมายไม่น้อยมาพบตน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเอ็นระดับประธานองค์กรปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศมาพบตนที่ไทยขอให้พูดหน่อยหากกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดก็จะผิดไปทุกเม็ด นายกฯปฏิเสธไม่ได้ นโยบายนี้เป็นเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาล นายกฯจึงจำยอมเป็นนโยบายของรัฐบาลต่อมา
ปัดสวะอย่าโยนบาปสภาฯปล่อยผี
นายสุทินอภิปรายว่าเมื่อรู้ว่ากัญชามีประโยชน์ก็เรียกร้องใช้ทางการแพทย์ ซึ่งครม.เข้าใจผิดว่าปี2020เรื่องการย้ายกัญชาจากประเภทที่4ไปอยู่ประเภทที่ 1 คือ เป็นประเภทยาเสพติดร้ายแรง แต่อนุโลมให้ใช้ทางการแพทย์และวิจัยเท่านั้นจะมาสูบ เสพ ขายตามถนนไม่ได้ เพราะถือเป็นการสันทนาการและมีกฎหมายอื่นควบคุมอีกหลายมาตรา เมื่อไทยมีการปรับในปี 2563ประชาชนเข้าใจผิดว่ารัฐสภาไทยเห็นดีเห็นงามปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดนั้นไม่ใช่ ที่จริงรัฐสภาไม่ได้ปลด แต่คนปลด คือ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขจนมีผลทำให้วันที่ 9 มิ.ย.65กัญชาถูกปลดปล่อยไม่เป็นยาเสพติดโดยละเมิดกติกาโลกเพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด ส่วนมติของสภาคือให้กระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณา หากจะเพิกถอนใดๆให้เป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขอย่ามาโยนความผิดให้สภาฯ
ส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชงที่เรายกมือทั้งสภาฯนั้นเพราะท่านปลดล็อคแล้วแต่ไม่มีอะไรควบคุม เราก็เรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุม ไม่มีทางเลือก ก็ต้องยกมือให้ วันนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในชั้นกมธ. วันนี้กระทรวงสาธารณสุขเลยเถิดไปถึงอุตสาหกรรมและสันทนาการ ที่ผ่านมาหลายคนท้วงติงแต่น้ำท่วมปากเช่นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อดีตเลขาธิการอย.ก็ขอถามพล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องดันให้เสร็จเพราะกลัวพรรคร่วมถอนตัวหรือไม่
เย้ยเอากัญชาเป็นจุดขายได้ขี้ยาแทน
นายสุทินกล่าวว่ากัญชามีประโยชน์แต่ก็มีโทษ ต้องชั่งน้ำหนัก ถ้าปล่อยกัญชาเสรีต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น แม้จะมีร่างพ.ร.บ.ฯออกมาก็ยังไม่ได้ควบคุม เพราะยังให้เสพเสรีอยู่ ไม่มีมาตรการแยกสารสกัดที่ชัดเจน ที่บอกว่าเราจะรวยเพราะกัญชา ต้องตั้งหลักดูดีๆเจตนาดีแต่คิดว่าไม่ใช่ ถามว่าปลูกแล้วจะไปขายที่ไหน วันนี้ทั่วโลกถือเป็นยาเสพติด พกไปโดนจับทันที ถ้ามาทำเป็นยาก็โอเค การปลูกกัญชาเพื่อแปรรูปเป็นยาส่งออกนอกประเทศไม่ง่าย ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวต้องกำหนดยุทธศาสตร์ว่าจะขายอะไรกลุ่มเป้าหมายคือใคร หากจะเอากัญชาเป็นจุดขายก็ได้ขี้ยามาแทน เกิดปัญหาสังคมตามมา กัญชาจะบานทั่วประเทศเด็กเสพได้แต่ห้ามซื้อ ผู้ปกครองวิตกว่าจะกันเด็กออกจากกัญชาได้หรือ ห้ามนำมาโรงเรียน แต่ที่บ้านกลับปลูกได้ ก็แก้ปัญหาไม่ได้วันนี้ปล่อยกัญชาเสรีที่บ้าน ไปเสพติดครัวเรือน
ปูดนักเมืองใหญ่ทำไร่กัญชาที่ลาว
นายสุทิน ระบุอีกว่า“มีข่าวลือว่ามีนักการเมืองใหญ่ข้ามไปทำไร่กัญชาที่ประเทศลาวและมีบริษัทยักษ์ใหญ่วางระบบธุรกิจไว้หมดมีการวางแผนไว้ก่อนทำและมีบริษักยักษ์ใหญ่ประเทศญี่ปุ่นแอบมาตกลงกับนักการเมืองไทยด้วยมีข่าวเครือซิโน-ไทย ลุยธุรกิจกัญชง ผมก็เข้าไปดูว่าใช่หรือไม่ และพบว่าไม่ใช่ข่าวโคมลอยเพราะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ คนถือหุ้นเยอะคือครอบครัว ชาญวีรกูล แต่รัฐมนตรีเขาก็แสดงทรัพย์สินแล้วว่าโอนหุ้นไปหมดแล้ว ส่วนจะบริหารทางอ้อมอย่างไรผมไม่รู้”
เปิดคลิปหาเสียงนโยบาย’บ้องเสรี’
นายสุทินยังเปิดคลิปวิดีโอขณะนายอนุทินปราศรัยหาเสียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงหนึ่งถึงนโยบายกัญชาเสรีว่า“เราจะเปลี่ยนงบลับต่างๆให้เป็นงบลงทุนจะเปลี่ยนเสียงปืนเป็นเสียงเครื่องจักรและเสียงหัวเราะของทุกคนที่พรรคภูมิใจไทยจะให้พ่อแม่พี่น้องปลูกกัญชาเป็นยาพารวย เป็นยารักษาโรค พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าวันนี้กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป ปลูกได้บ้านละ 6 ต้นเมื่อปลูกแล้วสามารถนำไปขาย ปรุงอาหาร รักษาโรคและพี้สูบกันเองได้ แต่อย่าพกพาไปที่อื่นเด็ดขาด” พร้อมทั้งเปิดภาพประชาชนกำลังสูบกัญชาจากบ้องอย่างเสรี
ไม่ปล่อย‘บิ๊กตู่-อนุทิน’อยู่ต่อ
“ที่ผมพูดมาทั้งหมดหากนายกฯไม่เห็นด้วยให้ทำเรื่องกัญชาเสรีก็ไม่สำเร็จและถามว่าธุรกิจเหล่านี้ เชื่อมโยงกัญชงกัญชาอย่างไร รัฐบาลแจกกล้าต้นกัญชา ผมและพรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้านแต่นโยบายไม่มีปัญหาต้องอยู่กรอบการแพทย์และวิจัย เราสามารถทำได้โดยไม่มีผลกระทบโดยเอาคงไว้ในบัญชียาเสพติด ส่วนวิสาหกิจชุมชนต้องทำโรงเรือน ขอให้ศึกษาดีๆก่อนเดินหน้าเพื่อความปลอดภัยผมจึงขอไม่ไว้วางใจให้นายอนุทินและนายกฯอยู่บริหารประเทศชาติต่อไป แค่นี้ก็ขนหัวลุกแล้วและยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนขอให้คิดกันให้ถ้วน”นายสุทินย้ำ
“ก้าวไกล”ฉะเสี่ยหนูจงใจเปิดช่องกม.
เวลา12.48น.นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข เรื่องกัญชาเสรีว่า อยากให้รับข้อเท็จจริงเบื้องต้น3ประการคือ1.กัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล 2.กัญชา มีทั้งประโยชน์และโทษ3.กัญชาถ้าจะนำเอามาใช้ในการพี้ปุ้นหรือ นันทนาการจะต้องระมัดระวังโทษ เหมือนบุหรี่หรือเหล้า ถ้ายอมรับ3อย่าง เราก็จะไปต่อกันได้ จุดยืนตนกับพรรคสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ ถ้าพูดถึงปลายอุโมงค์ การนันทนาการ การเปิดคาเฟ่กัญชาเราไม่คัดค้าน สิ่งที่เราต้องการคือการควบคุมให้ถูกต้องเหมาะสมรัฐต้องดูแลสุขภาพคนสูบและคนที่ไม่ได้สูบด้วย
“ดังนั้นประกาศกระทรวงสาธารณสุข จึงเป็นประกาศที่ใช้ไม่ได้จริงและขอถามว่าตั้งแต่ออกประกาศมานายอนุทินได้ใช้อำนาจตามประกาศนี้กี่ครั้ง ทั้งนี้ตนทราบว่ามี ส.ส.บางท่าน ไปใช้ที่ดินหลังบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลูกกัญชากันเยอะแยะ แต่ปรากฏว่าอย.ก็ไม่ซื้อก็เลยต้องออกมาทำให้เกิดช่องว่างแบบนี้หรือไม่ ผมมีเอกสารการตรวจราชการของกระทรวงสาธารณสุขที่ให้มีคลินิกกัญชาในแต่ละโรงพยาบาลเป็นการสร้างดีมานด์การใช้กัญชา แต่ถามว่าหมอใช้กัญชาในการรักษาจริง หรือไม่ ก็ไม่ได้ใช้”นพ.วาโย ย้ำ
กระทบทั้งในและระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ประเทศไทยอยู่ในยุคกัญชาทางการแพทย์ ตั้งแต่ก่อนนายอนุทินเข้ารับตำแหน่งแล้วคนที่ทำให้กัญชาของประเทศไทยเข้าสู่ยุคกัญชาทางแพทย์ ไม่ใช่นายอนุทิน แต่พอปลดล็อกกัญชาเดือนเดียวปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลกระทบทั้งในและระหว่างประเทศแล้ว การควบคุมก็ใช้ไม่ได้จริง การขออนุญาตประชาชนขอไม่ได้ คงจะมีแต่นายทุนใหญ่เท่านั้นที่ขอได้ สิ่งที่ทำมาทั้งหมด ไม่ได้สนับสนุนทางการแพทย์
ยันกก.โหวตคว่ำไม่ไว้วางใจ‘อนุทิน’
“สรุปรมว.สาธารณสุขเอาชีวิต เอาอนามัยของประชาชนมาเสี่ยงโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเกิดความเสียหายขึ้นจริงแล้วตามที่ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยระบุเสี่ยงต่อการเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เสี่ยงต่อการเกิดความสูญเสียและความเสียหายทางการทูตและรมว.สาธารณสุขจงใจทำให้เกิดช่องว่างของกฎหมาย เพราะสิ่งที่แก้ได้ง่ายที่สุดคือออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อยืดระยะเวลาออกไปหรือยกเลิกกระบวนการนั้นก็ได้ แต่ไม่ทำ ด้วยเหตุผลทั้งหมด ผมและพรรคก้าวไกลจึงไม่สามารถลงมติให้ความไว้วางใจกับนายอนุทินได้”นพ.วาโย ย้ำ
‘ประชาชาติ’อัด‘หนู’เสรีกัญชาโจ๋งครึ่ม
เวลา13.45น.นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายขอไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพราะไร้คุณธรรม ไร้จิตสำนึก ที่สนับสนุน ผลักดันให้มีการเปิดเสรีกัญชาสุดโต่งรวมถึงนายกฯเกี่ยวข้องด้วยที่ปล่อยให้เกิดเสรีกัญชามาไกลขนาดนี้ แม้จะถูกกฎหมายแต่ผิดหลักของศาสนาอิสลาม พี่น้องใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ยอมรับในเรื่องใช้กัญชา ประเทศไทย ถือเป็นชาติเดียวในโลกที่เปิดเสรีกัญชาสุดโต่ง ในต่างประเทศที่เปิดกัญชาเสรียังกำหนดให้สามารถพกพาได้ไม่เกิน3กรัม เพื่อใช้เฉพาะส่วนตัว
แฉขายช่อดอกแพงกิโลละ2แสน-1ล้าน
นายกูเฮงยังระบุว่าที่น่าเสียใจคือ สภาไทยถูกหลอกว่าใช้เพื่อทางการแพทย์ ไม่ใช้สันทนาการ วันนี้มีการจำหน่ายเฉพาะช่อดอก อย่างที่ถนนสีลม ถนนข้าวสารและทองหล่อ ขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละ2แสนถึง1ล้านบาท ทั้งที่ช่อดอกมีค่า THCสูงถึง20 เปอร์เซ็นต์แต่สภาฯไทยยังมานั่งถกเถียงกันว่าค่า THC ต้องไม่เกิน0.02เปอร์เซ็นต์ซึ่งข้อเท็จจริงไม่มีใครไปวัดได้ และขายกันโจ๋งครึ่ม
ข้อใจสธ.ดูแลสุขภาพ ไม่ใช่รายได้
อีกทั้ง ยังเห็นว่าหน้าที่ของรมว.สาธารณสุขที่ดูแลเรื่องสุขภาพคนไทย ไม่ใช่มาดูเรื่องรายได้ ถามว่ามีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นอะไร มีพรรคพวกของท่านเกี่ยวข้องหรือไม่ ขอเตือนว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนเรื่องกัญชาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาชนไม่เอาแน่นอน เรื่องนี้ยังเกี่ยวไงศักดิ์ศรีคนไทยด้วย นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวประเทศไทยทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเขายังเตือนว่าถ้ามาเที่ยวไทยแล้วกลับประเทศเขาอย่าพกกัญชากลับมาด้วย
พท.ซัดรัฐดองแอสตร้าฯ55ล้านโดส
เวลา15.30น.นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทยอภิปรายถึงความล้มเหลวการแก้วิกฤติโควิดของนายอนุทินว่ารัฐบาลพยายามสร้างภาพควบคุมโรคโควิด-19ได้ขณะนี้มีโรงพยาบาลรัฐหลายแห่งปฏิเสธการรับผู้ป่วยพยายามคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเพื่อให้เข้าสู่โรคประจำถิ่น บอกว่า มีผู้ติดเชื้อต่อวัน3,000คน ความจริงติดเชื้อวันละไม่ต่ำกว่า5หมื่นคนจนแพทย์หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลบอกความจริงแก่ประชาชน ขณะที่การรักษาก็มีปัญหาพอไปรพ.สต.ก็ได้ยาแก้ปวด แก้แพ้ ฟ้าทะลายโจร ไม่ได้ยาโมโนพิลาเวียร์อ้างว่าหมดในกลุ่มไลน์แพทย์ยืมยากันให้วุ่นไปหมด พอไปถามรัฐมนตรีบอกว่ายามีเหลือเฟือ ซึ่งมีความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงยาโมโนพิลาเวียร์ ผู้หลักผู้ใหญ่เข้าถึงได้ง่ายได้เร็ว แต่ชาวบ้านเข้าไม่ถึง
ส่วนการจัดซื้อวัคซีนโควิดว่า ขณะนี้มีวัคซีนแอสตราเซเนกาค้างสต๊อกอยู่30ล้านโดสวงเงิน10,000ล้านบาทที่รอวันหมดอายุเพราะไม่สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอนได้ แทนที่จะเลิกสั่งวัคซีนดังกล่าว แต่ครม.กลับแค่ลดจำนวนการสั่งซื้อ ยังซื้อมาเติมตลอดปี ล่าสุดสั่งเพิ่มมาอีก22ล้านโดส รวมเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา55ล้านโดสเป็นวงเงินกว่า17,000ล้านบาทที่จะเกิดความเสียหาย การบริหารโควิดของรัฐบาลล้มเหลวจากการประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอาจมีทุจริตร่วมด้วยไม่สามารถไว้วางใจนายอนุทินได้
‘อนุทิน’สวนอย่าเล่นการเมืองด้อยค่า
ต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุขลุกชี้แจงยืนยันว่า ระบบสาธารณสุขไทย ไม่ได้ล้มเหลว ขณะนี้ฉีดวัคซีน140ล้านโดสมากกว่า70%ของประชาชน วัคซีนทุกชนิดลดความรุนแรงจากหนักเป็นเบาลดการเสียชีวิต หากได้วัคซีนครบถ้วนแต่บางคนถึงการณ์อันควร บางคนอายุมาก โรคเยอะจากนี้การสูญเสียจะลดลง แต่ที่นพ.สุรวิทย์ พยายามด้อยค่าวัคซีนที่ผลิตจากจีน วัคซีนแอสตราเซเนกานั้นอย่าแค่มีคนทำสไลด์ให้แล้วมาพูดเป็นถึงแพทย์แต่ทำไมมีทัศนคติเปลี่ยนไป ข้อมูลหากใครได้รับวัคซีน3เข็มขึ้นไปไม่พบการเสียชีวิตจากโควิดโดยตรงและไม่มีวัคซีนรอวันหมดอายุ มีแต่วัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันส่วนยารักษาโควิดมีเพียงพอ สิ่งที่พวกท่านควรทำคือไปขอร้องประชาชนให้มาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด ข้อมูลที่นำเสนอเป็นเท็จอย่าไปด้อยค่ายา วัคซีนเพื่อตอบสนองการเมือง ถือว่าโหดร้ายเหี้ยมโหดมากขอให้เว้นเรื่องสาธารณสุขสักเรื่อง
ทวงสัญญา‘ร้อยนึงเอากองเดียว’
“ถ้ามองเป็นเรื่องบาดหมางการเมืองให้เป็นเรื่องระหว่างเรา อย่าเอาประชาชนมาเกี่ยวข้อง มีคนเคยพูดว่าถ้าฉีดวัคซีนถึง100ล้านโดสภายในปี2564ร้อยบาทเอาแค่กองเดียว แต่วันที่21ธ.ค.2564 ฉีดครบ100ล้านโดสแล้ว นพ.สุรวิทย์ ทราบหรือไม่ ความจริงเตรียมของไว้แล้วแต่คิดไปคิดมาเอาไปทิ้งในที่สมควรดีกว่าไม่ฝากท่านไป”นายอนุทินกล่าว
แจงกลับซื้อวัคซีนไว้‘เสริมภูมิ’
นายอนุทินชี้แจงว่าส่วนการซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกามาเยอะเพราะต้องฉีดภูมิเสริมอีกมาก วันนี้บริษัทแอสตราเซเนกา ออกคำชี้แจงมาแล้วว่าบูสเตอร์โดสของแอสตราเซเนกาให้ภูมิคุ้มกันได้73% ประสิทธิภาพ ไม่ต่างจากวัคซีนMrNAขณะที่เรื่องการให้ยารักษาโควิดนั้นขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยจะให้ยาอะไร โดยดูตามอาการ ประชาชนเลือกยาเองไม่ได้ ถ้าหมอบอกให้กินกัมกิ๊กเพี่ยง ก็ต้องกิน ทุกอย่างดูตามอาการ ต้องเคารพการวินิจฉัยแพทย์ การมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเพราะเราผ่อนคลายมาตรการทุกอย่าง แต่การรวมกลุ่มกันควรใส่หน้ากากต่อไป
ยันกัญชาไม่ขัดกม.ระหว่างปท.
นายอนุทินยังชี้แจงถึงการควบคุมการใช้กัญชายืนยันว่าการควบคุมการใช้กัญชา ไม่มีช่องว่างทางกฎหมายในการบังคับใช้กฎหมายเพราะเขียนคุมไว้หมดแล้วนโยบายรัฐบาลไม่มีการสนับสนุนให้ใช้เพื่อสันทนาการ ในร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชงในชั้น กมธ.ก็ไม่มีการใช้เพื่อสันทนาการจะพยายามเร่งออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาให้ออกมาบังคับใช้โดยเร็วจะผลักดันให้เสร็จภายในสมัยประชุมนี้ มั่นใจจะควบคุมการใช้กัญชาได้ ขณะนี้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ มีพร้อมจะดำเนินคดีกับพวกไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ล่าสุด รมว.สาธารณสุขมาเลเซีย ก็ประกาศใช้กัญชาทางการแพทย์ในประเทศและขอมาดูงานในประเทศไทย เรื่องกัญชา เราไม่ต้องปฏิบัติตามประเทศอื่น เราก็ทำตามของเราได้ ข้อกังวลการใช้กัญชาอาจขัดข้อตกลงระหว่างประเทศนั้น ยืนยันไม่ขัดข้อตกลงระหว่างประเทศ หากนำมาใช้ทางการแพทย์
หึ่งพรรคเล็กเรียก1-2ล้านแลกโหวต
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวกลุ่มพรรคเล็กว่า ยังมีการพูดคุยต่อรองเจรจากับรัฐมนตรีที่มีรายชื่อถูกอภิปราย โดยมีการเรียกรับเงิน1-2ล้านบาท แลกกับการยกมือให้ โดยรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยก็ถูกเรียกรับเงินเช่นกัน แต่ไม่ได้จ่ายเงินให้ เนื่องจากมั่นใจว่ารัฐมนตรีของพรรคไม่ได้ทำอะไรผิด อีกทั้งยังมั่นใจในเสียงของพรรคตัวเองและงูเห่าจากพรรคฝ่ายค้าน ล่าสุด กลุ่ม16 มีการหารือกันว่าอาจจะลงมติไม่ไว้วางใจ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ซึ่งตอนแรกมีจำนวน 5คน ตอนนี้เพิ่มเป็น 6คน โดยยังไม่สามารถประเมินได้ว่าคะแนนลงมติแต่ละคนจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้มีรายงานว่า การลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จะผ่านการไว้วางใจแน่นอน เพราะนายสุชาติ ได้จ่ายเงินให้กลุ่ม16 เพื่อเคลียร์ตัวเองกับนายกฯเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึง นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ก็เคลียร์ตัวเองแล้ว ยกเว้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ซึ่งคาดว่า รัฐมนตรีที่จะได้คะแนนน้อยที่สุดคือ พล.อ.อนุพงษ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี