พปชร.ลั่นฐานเสียงปึ้ก
เลือกตั้งใช้บัตรกี่ใบก็ได้
‘สมคิด’อัดแก้ใช้ใบเดียว
หวังสกัดคนหนุน‘พท.’
“นิโรธ” ชี้ปมบัตรใบเดียวอีกไกลไม่มีใครพูดเรื่องนี้กัน ลั่นพปชร.แบบไหนก็ได้ มั่นใจฐานเสียงปึ๊ก’รงค์’ชี้กระแสบัตรใบเดียวยังไม่ใช่แนวพรรค‘พท.’ฉะเห็นสภาเป็นแค่ที่รองรับความต้องการตัวเอง ติงอย่าทำหลายครั้ง สงสาร ปชช.เหน็บเห็นส.ว.-นักการเมืองบางคนเจ้าหลักการ สุดท้ายก็กลืนน้ำลายคำตามใบสั่ง ‘นิกร’เผย‘ปธ.รัฐสภา’บรรจุ‘กม.ลูก’เข้าระเบียบวาระแล้ว ระบุคุย3วิปลงตัว ขอขยับพิจารณาเร็วขึ้น เชื่อปิดจ็อบ3ส.ค.นี้ ไม่หวั่นเกมสกัดยื้อเลยกรอบ180วัน
เมื่อวันที่ 28กรกฎาคม นายนิโรธ สุนทรเลขา สส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม (วิป) รัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวส.ส.ซีกรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวว่า เป็นการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา ยังไม่มีใครหยิบเรื่องนี้มาพูดกันอย่างเป็นทางการ และส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ไกลเกินกว่าจะพูดคุยกัน เพราะตอนนี้บัตรเลือกตั้งสองใบ ฝ่ายนิติบัญญัติกำลังพิจารณาเรื่องการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ต้องเดินไปตามนั้น การจะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวต้องไปแก้รัฐธรรมนูญจึงมองว่าไกลเกินกว่าจะพูดกัน และส่วนตัวมองว่าพรรคพลังประชารัฐจะบัตรเลือกตั้งแบบไหนก็ได้เพราะเรามั่นใจในฐานเสียงของพรรค
ต้องรอความเห็นออกมาเป็นมติพรรค
ด้าน นายรงค์ บุญสวยขวัญ สส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไม่เห็นด้วยกับการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เพราะจะเป็นประโยชน์เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ว่า คำว่าพรรคพลังประชารัฐ นาย ก. นายข.คนที่อยู่ภาคไหนก็เป็นพรรคพลังประชารัฐ ทุกคนต่างมีมุมมองว่าการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียวหรือสองใบ มันจะได้ประโยชน์หรือไม่ได้ประโยชน์บนพื้นฐานความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความคิดเห็นที่ออกมาเป็นทัศนคติส่วนบุคคล ก็ต้องเคารพความคิดเห็นที่หลากหลายแต่ละคนที่สะท้อนความเห็นออกมาถือว่า ยังไม่ใช่ความเห็นทางการของพรรค ความคิดเห็นอย่างเป็นทางการของพรรคยังไม่ปรากฏออกมา เพราะพรรคมีกลไกที่จะพิจารณาเรื่องต่างๆแล้วค่อยออกมาเปิดเผย สำหรับเนื้อหาว่าจะสนับสนุนหนึ่งใบหรือสองใบหากจะเกิดขึ้น พรรคต้องพิจารณาบนหลักการที่เป็นไปตามระบบประชาธิปไตยอันปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญ
พท.ฉะสภาแค่รองรับความต้องการตัวเอง
ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวที่จะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว ว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่คิดง่ายแต่ทำไม่ง่าย เนื่องจากระยะเวลาเหลือน้อย และเพิ่งมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นระบบบัตรเลือกตั้งสองใบไป แล้วอยู่ดีๆวันดีคืนดียังไม่ได้ใช้อะไรเลย จะย้อนกลับไปจุดเดิม ถามว่าจะตอบคำถามสังคมอย่างไร ในเมื่อตอนแก้เป็นระบบบัตรเลือกตั้ง2ใบ ก็มีบทเรียนมาจากบัตรใบเดียวที่มีปัญหา จึงมีการแก้ไขให้ประชาชนมีทางเลือก เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ซึ่งก็พูดกันเช่นนี้ทุกพรรค แล้วจะกลับลำใหม่เหรอ ซึ่งอันนี้ยิ่งกว่าครอบงำ เพราะทั้งรัฐบาลและสว.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บัตรใบเดียวมีปัญหา มันเขย่ง ถ้าจะย้อนกลับไปอีก ผมว่าใครที่คิดเรื่องนี้ย้อนกลับไปคิดเรื่องที่ตัวเองทำเก่าๆ ไว้ ผมไม่เห็นด้วย ส่วนเขาจะทำได้ไม่ได้ไม่ใช่หน้าที่ผม อยากทำอะไรก็ทำ เพียงแต่ว่าถ้าคิดและทำเช่นนี้แสดงว่ามีรัฐสภาไว้แค่ที่รองรับและสนองความต้องการของตนเองใช่หรือไม่ ไม่ใช่รัฐสภาของประชาชน ฉะนั้น คนที่คิดเรื่องนี้ก็ต้องกลับไปนอนคิดใหม่
บัตร1ใบหรือ2ใบแล้วแต่ผู้มีอำนาจ
เมื่อถามว่า แล้วการแก้ให้กลับไปเป็นระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว มีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า อยู่ที่คนมีอำนาจ บ้านเมืองนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่เรายืนอยู่ในหลักการว่า เราไม่เห็นด้วย พรรค พท.ไม่ได้สนใจว่าจะบัตรกี่ใบ แต่อะไรที่ถูกต้องและเสียงส่วนมากว่าอย่างไรเราก็ไปตามนั้น ไม่ใช่ว่าวันหนึ่งฝ่ายคุมอำนาจบอกว่าตัวเองจะเสียงเปรียบ ให้คิดใหม่ พรุ่งนี้คิดออกมาแล้วบอกมันไม่ดี เอาใหม่ ทั้งนี้ก็อยากฝากบอกผู้มีอำนาจไปคิดให้ละเอียดว่าจะทำอย่างไร จะกีดกันอย่างไร จะขัดขวางอย่างไร ไปคิดให้ละเอียดแล้วทำทีเดียว อย่าทำหลายครั้ง สงสารพี่น้องประชาชนที่เขาติดตาม
ถามต่อว่า บัตรเลือกตั้งใบเดียวสำหรับพรรค พท. มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร นายสมคิด กล่าวว่า ข้อดีคือ นับคะแนนโดยตรงได้ แต่ข้อเสียคือพี่น้องประชาชนไม่มีทางเลือก ซึ่งหากกลับไปเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียวก็เท่ากับว่าท่านปิดโอกาสประชาชนอีกครั้ง ตนไม่เห็นด้วย แต่ใครอยากทำเราก็ห้ามเขาไม่ได้เพราะเขามีอำนาจ มีเสียงข้างมาก เขาทำอะไรก็ได้ บ้านเมืองเราไร้กติกา สร้างความเสื่อมเสียให้รัฐสภาเปล่าๆ
เมื่อถามถึง สูตรคำนวณสส.บัญชีรายชื่อ ที่อาจจะพลิกกลับไปหาร 100 มองว่ามีนัยยะทางการเมืองอย่างไร นายสมคิด กล่าวว่า จะหาร 100 หรือ 500 ก็ไม่เสียเปรียบและได้เปรียบเท่าไหร่ แต่หลักการคือกฎหมายเสียหาย ถามต่อว่า มองว่าเป็นเกมสกัดพรรค พท.อีกหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า แน่นอน คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ต้องการจะเอาเปรียบ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะหารอะไรพรรค พท.เราก็ไม่ได้ซีเรียส หารอะไรเราก็พร้อมสู้ ไม่ว่จะหาร 100หาร500 หรือหาร1,000 คุณออกกฎหมายมาถ้าประชาชนไม่เลือกก็ไม่มีประโยชน์ พวกที่เขาคิดเขาคิดกันอย่างไร ฉะนั้น พวกเราจึงไม่ได้ใส่ใจว่าจะหารเท่าไหร่ เราก็เฉยๆ เพียงแต่เราอายที่หลักการกฎหมายหรือหลักการแก้ไขกฎหมายในสภาถูกย่ำยีจนไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น คนที่คิดทำเรื่องเช่นนี้หากไม่คิดละอายก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เห็นสว.และนักการเมืองบางคนเจ้าหลักการ แต่ทุกคนกลืนน้ำลายแล้วทำในสิ่งที่ถูกสั่งการมา
‘นิกร’เผยปธ.บรรจุวาระกม.ลูกแล้ว
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกมธ.ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมมาตราในร่างพรป.ให้สอดคล้องกับสูตรคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อ ที่มติรัฐสภาเห็นชอบให้ใช้จำนวน 500คนหาค่าเฉลี่ยแทนจำนวน 100คนเสร็จแล้ว ว่า กมธ.ได้เสนอร่าง พ.ร.ป.ฉบับแก้ไขให้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาแล้วและได้บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว อยู่ในวาระที่3 แต่เนื่องจากว่า มีร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.…. ค้างการพิจารณาอยู่ ที่เหลือการพิจารณาอยู่หลายมาตรา ซึ่งอาจจะต้องปรับให้อภิปรายกันให้น้อย เพื่อพิจารณาให้เสร็จในวันที่ 2 สิงหาคม และจะขอเสียงข้างมากของรัฐสภาขอเลื่อนวาระ ร่างพรป.มาพิจารณาต่อ และคิดว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะเหลือเพียง 9 มาตรา และมีปัญหาไม่กี่มาตรา คาดว่าจะเสร็จทันในวันที่ 3สิงหาคมนี้
“เมื่อช่วงเช้าช่วงเข้าเฝ้าถวายพระพรฯ ที่ท้องสนามหลวงได้มีโอกาสพูดคุยกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรค พท.ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1เพื่อขอเลื่อนวาระ ร่างพรป.ขึ้นมาพิจารณาแล้ว จากนั้นจึงได้เรียนผลการหารือร่วมกันกับนายชวนต่อ เพื่อให้พิจารณาร่างพรป.ฯเสร็จทันสัปดาห์นี้” นายนิกร กล่าว
ต้องเดินหน้าคลอดกม.เสร็จตามเป้า
เมื่อถามว่า จะพิจารณาทันกรอบเวลา 180วัน ที่จะครบในวันที่ 15 สิงหาคมหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า “ทันแน่นอน ถ้าเสร็จวันนั้น วาระ3 ก็ตามนั้นเลย เพราะเหลือการพิจารณาเพียง 9 มาตรา เชื่อว่าวันเดียวเสร็จ คือวันที่ 3สิงหาคม จึงไม่ติดกรอบ 180วันอีกแล้ว จากนั้นประธานรัฐสภา จะส่งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือหน่วยไหนก็แล้วแต่“เมื่อถามว่า กังวลว่าจะมีเกมสกัดยื้อเวลาทำให้พิจารณาไม่ทันกรอบหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ไม่มี เพราะผู้ที่สกัดได้มีเพียง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธาน กมธ.และตน ที่เป็นเลขากมธ.ซึ่งเป็นผู้ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งว่า จะต้องทำงานให้เสร็จ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับหาร500 คือเราต้องส่งให้ขึ้นฝั่งให้ได้และต้องไปข้างหน้า ส่วนจะข้ามฝั่งไปอีกฝั่งได้หรือไม่ เราไม่รู้ และเชื่อว่าจะไม่ต้องไปยึดร่างของครม.ที่เสนอมาเป็นสูตรหาร100
‘สามารถ’สวน’พิธา’พูดให้สร้างสรรค์
นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ในกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาวิจารณ์สถานการณ์ในประเทศพม่าว่า’วันนี้ผมคงต้องออกมาพูดให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ส่งข้อมูลมาให้ผมว่า นายพิธา ไปจุ้นสถานการณ์ในพม่า ผมมองว่า นายพิธา ชอบหาเหาใส่หัว แต่ถ้าเป็นการทำที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงผมก็เห็นด้วย แต่ผมเห็นว่า นายพิธา มักชอบพูดแสดงความเห็นหรือเคลื่อนไหวแต่ละเรื่องมีแต่สร้างความวุ่นวายให้กับสังคม เช่นเรื่องล่าสุดไปวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในพม่า ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ผมอยากจะบอกนายพิธาว่า แต่ละประเทศนั้นก็มีกฏหมายที่แตกต่างกัน การกระทำในประเทศนึงอาจไม่ผิดกฎหมาย แต่ไปกระทำในอีกประเทศก็ผิดกฎหมาย การที่ นายพิธา เป็นถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล น่าจะมีจิตสำนึกต่อชาติบ้านเมืองมากกว่านี้ ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน ผมขอหยิบยกคำใกล้ตัวมาสะท้อนให้ นายพิธา เห็นภาพจำที่ใกล้ขึ้น คือ คำว่าไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้า ผมจึงอยากเตือน นายพิธา อย่าทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ให้เป็นแบบอย่างให้กับเยาวชน ผมคิดว่า นายพิธา ควรมองผลประโยชน์ของชาติมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมืองของ นายพิธา เอง นาย สามารถ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี