ภายหลังจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พ.ศ…. รัฐสภา ไปตกลงกันมาแล้ว หลังการพิจารณากฎหมายลูกแล้วเสร็จทั้งหมด
คงเหลือเพียงประเด็นสูตรการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ คุยเคาะแล้ว จึงมีมติออกมาว่า ปรับแก้ 2 มาตรา ได้แก่ เพิ่มมาตรา24/1 และแก้ข้อความในมาตรา26
เพื่อให้สอดรับกับสูตรคำนวณ “ปาร์ตี้ลิสต์” แบบ “หาร500” ที่ได้ถูกพลิกเกมในวาระ2 ผ่านมติของรัฐสภามาได้แบบงงๆ เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ที่ผ่านมา
แม้ก่อนหน้านี้ สูตรหาร100แทบจะ “นอนมา” ตลอด จนกระแส “แลนด์สไลด์” จาก “พรรคเพื่อไทย” หลอนบรรดาผู้มีอำนาจจนต้องหาทางแก้ลำด่วน
รูปเกมจึงออกมาดั่งที่เห็น กระนั้นก็ตาม “ประธานรัฐสภา” ได้บรรจุวาระดังกล่าวแล้วเสร็จ ในช่วงต้นสัปดาห์ของเดือนส.ค.นี้ ก็จะเข้าสู่การโหวตลงมติในวาระ3 ในประเด็นนี้ ที่แขวนมาจากสัปดาห์ที่แล้ว ก็คงต้องมาลุ้นกันอีกเฮือก
ในกมธ.ฯเสียงข้างน้อย พรรคเล็ก ที่หนุนดันสูตรหาร500มาตลอด จากที่จะจมกลางทะเล แต่กลับโผล่เข็นมาเข้าฝั่งได้อย่าง “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ พูดดักทางเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
“แนวโน้มการแก้กฎหมายลูกน่าจะจบลงที่การหาร 500 เพราะการโหวตวาระ 3 จะโหวตหาร 100 ไม่ได้ ถ้าจะหาร 100 ต้องคว่ำวาระ3 ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการคว่ำ ส่วนจะมีการพลิกเกมหลังจากผ่านวาระ3 หรือไม่คงต้องติดตามต่อไป”
ย้อนมองบรรดาซีกพรรคขนาดกลาง ค่อนไปขนาดใหญ่ ไม่ว่า จะเป็น ประธานกมธ.ฯ อย่าง “สาธิต ปิตุเตชะ” จาก “พรรคประชาธิปัตย์” เลขานุการกมธ.ฯ “นิกร จำนง” จาก “พรรคชาติไทยพัฒนา” และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลายๆคน เริ่มทำใจยอมรับแล้ว
ในเมื่อผ่านวาระ2 กันมาแบบ 500 ก็ต้องจำใจเข็นให้ถึงยอดสุด แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม ก็ถือว่า ทำหน้าที่ได้ตามกติกา เล่นกันแบบแฟร์ๆ ไม่มีตุกติก ถือว่า.. “น่านับถือพอตัว”
แต่ที่โผล่แหกคอกดูเหมือนจะทำให้เหล่าบรรดานักเลือกตั้ง รับกันไม่ค่อยได้ก็คือ กระแสข่าวที่ออกมา “บางพรรคการเมือง” จะจูบปากร่วมมือ “ผู้มีอำนาจ” ล้มกติกา แล้วเสนอกลับไปแก้รัฐธรรมนูญใหม่ ให้เป็นแบบ “บัตรเลือกตั้งใบเดียว”
ทำเอาของแสลงอย่างบรรดานักการเมืองร้องยี้กันเป็นแถวๆ แม้แต่ “ส.ว.แต่งตั้ง” บางคน ยังต้องออกมาเตือน “ระวังจะเสียผู้เสียคน”..!
สภาสูงมองตรงกันเป็นการสมคบคิดในการชิงความได้เปรียบเข้าสู่ “อำนาจ” โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน แม้จะดูเป็นไปได้ยาก แต่ก็คงจะมีการส่งซิกกันจริง อย่างน้อยๆก็เพื่อเป็นการ “โยนหินถามทาง” สวนกระแส “แลนด์สไลด์” มันยังคงหลอนก้องอยู่ในรูหู
ร้อนถึงพรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง “พลังประชารัฐ” ถูกมองเป็นจอมบงการให้ “บางพรรค” สมคบสุมหัว “ผู้มีอำนาจ” เตรียมกระทำการบางอย่างเพื่อคว่ำกติกาที่ปูทางมาจนเข้าล็อค เมื่อ “นิโรธ สุนทรเลขา”ประธานวิปรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ ต้องออกมาปัดพัลวันอย่ามา “ป้ายสี” กัน ยืนยันยึด “สูตรหาร500” ที่ผ่านวาระ2 มาพ่วงกับ “บัตรเลือกตั้ง2ใบ” ที่ได้เคาะลงกติกาประเทศไปแล้ว
ในที่สุดก็ออกมาสยบกระแสต้าน ขีดเส้นกติกาการเลือกตั้งหาร 500 ต้องจบลงก่อนวันที่15ส.ค.นี้ ที่จะครบอายุของกฎหมายตามกรอบ 180 วัน สอดคล้อง “หมอระวี” ที่ออกมาฟันธงมี2ทางเลือก คือ 1.โหวตไฟเขียว 500 แล้วไปจบปลายทางที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” หรือ 2.โหวตคว่ำแล้วกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ ถ้าจะมีพลิกเกมอีกรอบ เห็นทีคงจะต้องเสียเวลาเดินหน้าประเทศอีกยกใหญ่ ฉะนั้นห้วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ “อย่ากระพริบตา” สูตรหาร 500 ไปต่อหรือพังพาบ
ขณะเดียวกันเส้นไทม์ไลน์การเมืองดูเหมือนจะปูทางให้เข้มข้นมากขึ้น เพราะเวลาในการพิจารณากติกาเพื่อให้ตอบสนองบรรดานักเลือกตั้งอย่างกลมกล่อมที่สุดแล้วนั้น เผอิญไปใกล้เคียงกับวาระครบการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี8ปี ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะบรรจบในวันที่23ส.ค.65 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158
อุณหภูมิร้อนฉ่า ไฟลุกพรึบ “การเมืองภาคประชาชน” ก๊วนของ “ตู่ จตุพร พรหมพันธ์” อดีตประธานนปช. แท็กทีมกับอดีตอริทางการเมืองอย่าง “ทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ” อดีตแกนนำคปท. ในนามกลุ่ม “ประชาชนคนไทย” เริ่มขยับเขยื้อนออกมาโหมโรงเช่นกัน
ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ “ บิ๊กตู่” จะรอดหรือร่วง “ตู่ จตุพร” ส่งสัญญาณสัมผัสที่ 6 “ พล.อ.ประยุทธ์” จะรอดจากการวินิจฉัย หลังเพิ่งผ่านพ้นศึกซักฟอกมาได้ นั่นเป็นเพียงความเห็น ของจริงต้องอยู่ “ศาลรธน.” เท่านั้น
ในห้วงเดือนส.ค.นี้ จึงมี 2 ความเข้มข้น ปรากฏการณ์ 2 ประเด็นร้อน 1.ต้องจับตาดูโหวตวาระ3 “สูตรหาร 500” จะโหวตออกมาทิศทางใด ถ้าถูกคว่ำ ทุกอย่างแทบจะถูกรื้อใหม่หมด แน่นอนย่อมกระทบกับการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้อย่างสาหัส และ2.การชี้ชะตาของศาลฯกับวาระ “บิ๊กตู่8ปี” ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องลุ้นกันอย่าได้กระพริบตาเป็นอันขาด
ถือว่า เข้าสู่โหมด “ชี้ชะตาทางการเมือง” อย่างแท้จริง ทั้งทางภาค “แก้กติกาประเทศของฝ่ายนิติบัญญัติ”การตัดสิน “ตัวผู้นำฝ่ายบริหาร” จากฝ่ายตุลาการ
แถมการเมืองภาคประชาชน รวมถึงภาคท้องถนน ที่ฮึ่มๆก่อตัวเป็นม็อบ ก็ต่างต้องจับตาดูอยู่ไม่กระพริบ เปรียบเสมือนน้ำเดือดๆแต่ละสายที่รอวันประทุ ผลของมันต่างกระทบกับสถานการณ์บ้านเมืองทั้งสิ้น
“รัฐบาลบิ๊กตู่” ที่รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา จากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจมาได้หมาดๆ กำลังจะหลังพิงฝาอีกครั้งกับแรงกดดันทางการเมืองโหมเข้ามาระลอกที่ 2
สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร การเมืองไทยจะถูกชี้ชะตาออกมาในรูปแบบไหน รับรองปลายสิงหามีเดือดแน่ๆ...!!!
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี