“พล.อ.ประวิตร” ชูนโยบายดันอีสานพื้นที่เศรษฐกิจใหม่เชื่อมโลก เร่งสร้างที่ทำกิน พัฒนาแหล่งน้ำทุกระบบ หนุนปชช.กินดีอยู่ดี
วันที่ 6 ส.ค.65 ที่ลานเอนกประสงค์ฝั่งตรงข้ามชิค ชิค มาร์เก็ต จังหวัดหนองคาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นำทัพสมาชิกพปชร.และ 2 รัฐมนตรีของพรรค ประกอบด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)และรองหัวหน้าพรรคพปชร. พร้อมด้วย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ และคณะส.ส.ของพรรค เยือนถิ่นอีสานเปิดเวทีปราศรัย "พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติ" ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการลงพื้นที่พบปะประชาชนต่อเนื่อง จากที่ได้เตรียมการไว้ 10 ภาคทั่วประเทศ โดยมุ่งสานต่อนโยบายสร้างความกินดีอยู่ดี ไม่หยุดที่จะดูแลประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่แห่งนี้ต้องเร่งแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างทั่วถึง โดยจะผลักดันหน่วยงานที่เป็นกลไกของรัฐดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของพี่น้องกลุ่มเกษตรกรและเพื่อการอุปโภคและบริโภค รวมถึงส่งเสริมอาชีพที่มั่นคงให้กับประชาชน ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความยั่งยืน ทั้งนี้บรรยากาศภายในงานมีประชาชนในพื้นที่และจังหวัดข้างเคียงมาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 10,000 คน
พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดี และดีใจอย่างมากที่ได้มาพบปะประชาชนจังหวัดหนองคาย สิ่งสำคัญที่สุดของพื้นที่นี้คือเรื่องน้ำ เพราะน้ำคือชีวิต เรามีการนำน้ำใต้ดินมาช่วยเหลือประชาชนได้แล้วมากกว่า 9 ล้านครัวเรือน ซึ่งมีเราไม่มีแล้ง เราหมายถึงพลังประชารัฐ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการประกาศว่ามีพื้นที่ภัยแล้งเลย ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา ต่อไปนี้ พปชร.จะทำให้คนอีสานไม่มีแล้ง ไม่มีจน สร้างคนสร้างงาน สิ่งที่รัฐบาลจะทำและพรรคพลังประชารัฐจะทำด้วย
“ทุกครั้งที่ผมเดินทางมาภาคอีสานพี่น้องชาวอีสานมีวัฒนธรรมในการต้อนรับที่อบอุ่นด้วยการผูกผ้าขาวม้ารอบเอวอยากบอกพี่น้องด้วยคำพูดที่มีความจริงใจว่าผ้าขาวม้าเชื่อมโลก ต่อจากนี้อีสานจะเชื่อมโลก เป็นภาพที่รุ่งโรจน์ เป็นภาพที่มีการผลิตสินค้าและการกระจายสินค้า และส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดหนองคาย เนื่องจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้มากที่สุด เชื่อมทั้งโลกด้วยภาคอีสานและเชื่อมทางลางรถไฟความเร็วสูงจากจีนเข้าสู่ สปป.ลาว ทะลุหนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น โคราช สู่กรุงเทพ ลงใต้ไปมาเลเซีย”
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเชื่อมภาคอีสาน ยังมีเรื่องของการเชื่อมทางบกของ 2 มหาสมุทรแปซิฟิคและอันดามันเข้าและการเชื่อมโยง ด้วยเส้นทาง east-west corridor รวมถึงการสร้างทางยกระดับโคราชผ่านลำตะคลองทำถนน 4 เลนเชื่อมต่อจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานได้มากที่สุดในประวัติการณ์ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำดำเนินการทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะในภาคอีสานเชื่อมโลก ทั้งทางบก ทางราง และทางอากาศ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี ที่เป็นสนามบินนานาชาติสามารถบินไปทั่วโลกได้ ขอให้ประชาชนเชื่อใจในพรรคพลังประชารัฐเราใจถึงพึ่งได้ เราทำให้พี่น้องชาวอีสานและทุกคนกินดี อยู่ดี
ด้านนายสุริยะ กล่าวว่า ในฐานะที่รับผิดชอบบริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้าไปขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ภาค อีสาน เพื่อนำความเจริญมาสู่พี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษหนองคาย ซึ่งปัจจุบันได้รับการส่งเสริมการลงทุนมากถึง 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท เป็นกิจการประเภท อาทิ ยางแท่ง พลังงานแสงอาทิตย์ และมีกิจการที่ตั้งขึ้นใหม่รวมกว่า 951 ราย วงเงินกว่า 1,600 ล้านบาท ปัจจุบันมีโรงงานตั้งอยู่ใน จ.หนองคายกว่า 200 โรงงาน มูลค่า 7,300 ล้านบาท มีการจ้างงานกว่า 4,400 คน ซึ่งเป็นการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในทุกมิติ และยังมีโครงการที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสาน อาทิ โครงการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟไทย ลาว จีน การก่อสร้างทางเลียงเมืองหนองคาย คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2566 รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย ซึ่งจะช่วยผลักดันการลงทุนให้เกิดขึ้นในจ.หนองคายได้มากกว่า 3 แสนล้านบาท เชื่อว่ามั่นว่า จ.หนองคาย มีศักยภาพรองรับการค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้เกิดการจ้างงาน ไม่มีการย้ายแรงงานเข้าสู่กรุงเทพ และภาคตะวันออก เพราะพื้นที่ภาคอีสาน จะเป็นพื้นที่เจริญเติบโตของการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชน
ส่วนนายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในด้านการดูแลปัญหาอาชญากรรมด้านเทคโนโลยี ที่ประชาชนได้รับผลกระทบและตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง ของมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้กำชับให้เร่งปราบปรามอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา และยังเดินหน้าพัฒนาการสร้างอาชีพใหม่ด้วยดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำองค์ความรู้ใหม่ๆไปช่วยบริการชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้หมุนเวียนให้กับประชาชน ถือว่าเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี