เมื่อวันที่19 สิงหาคม 2565 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุเนื้อหาว่า “พลเอกประยุทธ์ 5 ปี ลุงตู่ 8 ปี”
พรุ่งนี้หรือชาติหน้าอะไรจะมาถึงก่อนกัน
โดย อัษฎางค์ ยมนาค
………………………………………………..
เรื่องรัฐธรรมนูญให้นายกฯ อยู่ได้ 8 ปี ผมอยากพูดแบบนี้ คือ พูดแบบภาษาชาวบ้านๆ ในสภากาแฟยามเช้า โดยไม่ต้องยกข้อกฎหมายมาชี้แจงอธิบายให้ปวดหัว ว่า
ผมเชื่อมาตลอดว่า นายกฯ รู้อยู่แล้วว่า 8 ปีตามรัฐธรรมนูญปี 60 มันหมายถึงอะไร เพราะตอนร่างกฎหมาย คสช.ก็ยังมีอำนาจอยู่
พูดกันตรงๆ ว่า คสช คงไม่โง่ ปล่อยให้เขียนรัฐธรรมนูญออกมาเล่นงานตัวเองในภายหลัง
ยกตัวอย่างเรื่อง บทเฉพาะกาลที่กำหนด สว.มีอำนาจยกมือเลือกนายกในช่วง(เฉพาะ) 5 ปีแรก ซึ่งฝ่ายประชาธิปไตยจอมปลอมเอามาเล่นงาน โจมตีและปลุกปั่นประชาชนอยู่ตลอดเวลาว่า สว.และรัฐบาล 3 ลุง สืบทอดอำนาจเผด็จการนั้น
ความจริงที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างนั้นเพราะมีจุดประสงค์ เพื่อให้รัฐบาล 3 ลุงได้อยู่ประคับประคองรัฐธรรมนูญ 60 และการบริหารราชการแผ่นดิน ให้เข้าร่องเข้ารอยก่อน รวมทั้งขวางทาง “พรรคเพื่อเอาทักษิณกลับบ้าน”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ อยู่เพื่อถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ และทำให้บ้านเมืองเข้าร่องเข้ารอย กลับคืนสู่ภาวะปกติ
………………………………………………..
ผมไม่เชื่อว่า ลุงตู่ ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง นับตั้งแต่ตัดสินใจทำรัฐประหาร จนลงมาเล่นการเมืองเต็มตัว ด้วยสาเหตุว่า ต้องการมีอำนาจทางการเมืองหรือมีอำนาจปกครองบ้านเมืองหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
แต่ลุงตู่ ลงมาทำรัฐประหารและอยู่เล่นการเมืองต่อ ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากการเลือกตั้งด้วยเหตุผลใหญ่ๆ 3 ประการ คือ
หนึ่ง เพื่อ ประคับประครองและคำจุนให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข คงอยู่สถาพร
สอง เพื่อกำจัดระบอบทักษิณ ที่กัดกินสังคมไทย
สาม เพื่อทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติ
………………………………………………..
เราต้องยอมรับว่า ความวุ่นวายและความแตกแยกในสังคม เป็นสีแดงสีเหลือง สามนิ้วและสลิ่ม มีจุดเริ่มต้นมาจากการสูญเสียอำนาจของทักษิณและความพยายามจะกลับคืนสู่อำนาจของทักษิณ อย่างไม่ลืมหูลืมตา
ม็อบ, พรรคและคณะส้มสามกีบก็เป็นผลพวงต่อมาจากการล่มสลายของระบอบทักษิณ จนมีการปลุกผีซอมบี้คอมมิวนิสต์หลงยุคจากหลุมขึ้นมาอาละวาด
คำถามว่า สังเกตได้จากอะไร ว่า สังคมนิยมคอมมิวนิสต์คืนชีพ
คำตอบคือ สังเกตได้จากยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ มีลักษณะการเรียกร้องความเสมอภาคและสังคมสวัสดิการ เหล่านั้นล้วนอยู่ในรูปแบบของกลุ่มคนที่ฝักใฝ่ระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ มิใช่ประชาธิปไตย
ความเท่าเทียมกันในระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตย หมายถึง ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในการออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าเขาและเธอจะเรียนจบ ป.เอกหรือ ป.6
และทุกคนมีความเท่าเทียมกันในการประกอบสัมมาอาชีพหรือความเท่าเทียมกันในการแข่งขันในการประกอบธุรกิจอย่าเสรี
ในขณะนี้ ความเท่าเทียมกันของระบอบสังคมนิยม หมายถึง ทุกคนมีที่ดินเท่ากัน มีเงินเดือนเท่ากัน มีโอกาสร่ำรวยหรือยากจนเท่ากัน
สังเกตง่ายๆ ว่าระบอบสังคมนิยมจะปลุกปั่นชาวนาและชาวบ้านให้ต่อต้าน ระบบการค้าเสรีและระบบนายทุน
เพราะสังคมนิยม ไม่นิยมให้มีใครรวยกว่าใคร กล่าวคือ ต่อให้คุณมีความสามารถสูงส่งกว่าใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวหรือสร้างธุรกิจขึ้นมาเหนือกว่าใคร เพราะสังคมนิยมคือ ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน รวยหรือจนเท่ากันทุกคน มีที่ดินเท่ากันทุกคน
สังเกตดูว่า พรรค, คณะและม็อบส้มสามกีบ เรียกร้องความเท่าเทียมกันตามรูปแบบสังคมนิยม
นอกจากนี้ พวกที่นิยมระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ มักต่อต้านการนับถือศาสนา ล้มล้างขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี
เห็นหรือไม่ว่า พวกเขาสนับสนุนให้เลิกสอนวิชาศาสนา สนับสนุนให้ยกเลิกการไหว้ การยิ้ม การเรียนพี่เรียกร้อง เรียกลุงป้าน้าอา ให้ยกเลิก ม.112 ซึ่งเป็นกฎหมายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะไม่ต้องการระบอบการปกครองที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์
ใดๆ ต่างๆ เหล่านี้ คือ เรื่องสิทธิเสรีภาพและวิถีความเท่าเทียมกันตามความหมายของ การปกครองในระบอบสังคมนิยม มิใช่เสรีนิยม
………………………………………………..
เสรีนิยมคือ
• ถ้าคุณเรียนเก่ง คุณก็มีโอกาสมากกว่าคนอื่น
• ถ้าคุณทำงานเก่ง คุณก็อยู่เหนือคนอื่น
• ถ้าคุณทำธุรกิจเก่ง คุณก็รวยกว่าคนอื่น
แต่สังคมนิยมคือ
ไม่ว่าคุณจะเรียนเก่งกว่าใคร หรือคุณทำงานเก่งกว่าใคร หรือคุณทำธุรกิจได้เก่งกว่าใคร คุณจะไม่มีโอกาสอยู่สูงกว่าใคร อยู่เหนือใคร หรือรวยกว่าใคร เพราะทุกคนต้องเท่าเทียมกัน
สังคมของโซเวียตและจีนในอดีตคือตัวอย่างของสังคมนิยม ทุกคนมีโอกาสในการศึกษาเท่ากัน มีโอกาสในการประกอบอาชีพเท่ากัน ทุกคนมีที่อยู่มีที่ดินเท่ากัน
แต่ปัจจุบัน โซเวียตที่แตกเป็นรัสเซีย และจีนที่ปกครองโดยระบอบสังคมคอมมิวนิสต์แต่ใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ทำให้มีมหาเศรษฐีชื่อก้องโลกเกิดขึ้นมากมาย
………………………………………………..
ตกลงคุณจะสนับสนุนม็อบ ที่เกิดจากพรรคการเมืองที่ต้องการปฏิรูปประเทศจากเสรีนิยมประชาธิปไตย ให้กลายเป็นสังคมนิยม ด้วยการกล่าวอ้าง”คำว่าฝ่ายประชาธิปไตย” ทั้งที่นิยมสังคมนิยมเต็มรูปแบบอย่างนั้นหรือ ?
คุณไม่อยากมีเสรีภาพกับโอกาสในการที่จะรวยกว่าคนอื่น หรือมีชีวิตที่ก้าวหน้ากว่าคนอื่น ถ้าเกิดคุณมีความอดทน มีความสามารถและมีความขยันมั่นเพียรมากกว่าคนอื่นหรือ ? ซึ่งเป็นสิทธิ เสรีภาพและความเท่าเทียมกันตามวิถีแห่งเสรีนิยม หรือ?
คุณอยากมีเงิน มีที่ดิน มีโอกาสในชีวิต เท่าเทียมกันกับทุกคน ทั้งที่คุณฉลาดกว่า เรียนเก่งกว่า ทำงานเก่งกว่า อดทนกว่า ทุ่มเทกว่า ขยันกว่า คนอื่นมากมาย หรือ ?
ถามจริงๆ
………………………………………………..
ผมเชื่อว่า ลุงตู่ ก้าวขาเข้ามาสู่เส้นทางการเมือง โดยเริ่มต้นจากการทำรัฐประหารและอยู่ต่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะความเสียสละ มิใช่เข้ามาเพื่ออำนาจหรือกอบโกยผลประโยชน์
คนที่ไม่มีอคติและใจไม่บอด ยอมจะจำได้และเข้าใจว่า รัฐประหารในครั้งนั้น เริ่มต้นมาจากนักการเมืองคดโกงจนประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้าน จนในที่สุดบ้านเมืองมาถึงทางตัน
หลักจากรัฐประหาร ลุงตู่ยังต้องอยู่ต่อมาบนเส้นทางการเมืองในขณะนี้ เพียงเพื่อประคับประคองให้การบ้านการเมืองเข้ารูปเข้ารอย
เพื่อให้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน ผ่านพ้นวิกฤติจากระบบทักษิณ ที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดในประเทศนี้มานานกว่า 2 ทศวรรษแล้ว
………………………………………………..
อยากเรียกร้องและเตือนสติ คนข้างกายอละร่วมเดินทางมากับลุงตู่ตั้งแต่ต้น ให้ทบทวนเป้าหมายของการทำรัฐประหาร และการลงมามนสนามการเมืองของลุงตู่และพวกท่านทุกคน ว่า เป้าหมายนั้นคืออะไร ท่านบรรลุเป้าหมายนั้นแล้วหรือยัง
ถ้าสำเร็จแล้ว ก็ถึงเวลาวางมือเพื่อพักผ่อน
ถ้ายังไม่สำเร็จ ก็จงทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จให้จงได้
ลูกผู้ชายชาติทหาร อย่าลืมว่าเคยสาบานตน ยอมสละชีพเพื่อชาติ
ชีวิตเดินทางมาใกล้ถึงปลายทางของชีวิตแล้ว ถ้าหลงทางก็รีบหาทางกลับในทันที
เมื่อถึงวันสุดท้ายของชีวิต ทรัพย์สินเงินทองสมบัติและอำนาจมากมายมหาศาลเพียงใดก็เอาติดตัวไปไม่ได้
ทรัพย์สินเงินทองสมบัติและอำนาจมากมายมหาศาลที่เหลืออยู่หลังความตายของท่าน ลูกหลานและลูกน้องคือผู้ที่จะเสวยสุขกับของเหล่านั้นของท่าน
แต่ชื่อเสียงเกียรติยศและคุณงามความดีที่ท่านได้ทำเพื่อชาติและประชาชนคนส่วนรวม ไม่มีใครเอาไปได้ และจะเป็นในนามของท่านไปตลอดกาลนานเท่านาน
เวลาเหลือน้อยแล้ว คิดให้ได้ ทำให้ไว ใจจะสงบ
………………………………………………..
ไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือไม่ และไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด
ธรรมะของพระพุทธเจ้าคือความเป็นจริงของธรรมชาติ
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในโลกนี้ เกิดมาโดยไม่มีอะไรติดมือมา เมื่อถึงเวลาไปก็ไม่มีอะไรมือไป
มีเพียงบุญและบาปเท่านั้นที่ติดตัวมาและติดตัวไปทุกภพทุกชาติ
ความยิ่งใหญ่ที่มากกว่าความยิ่งใหญ่ใดๆ คือการให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
อำนาจที่มากกว่าอำนาจใดๆ คือ บุญและบาป
ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ คือ ความว่างเปล่า
ความสุขที่มากกว่าความสุขใดๆ คือความสงบ
ความสงบจะนำพาชีวิตสู่นิพาน
นิพาน คือ ความว่างเปล่า
อนุโมทนาสาธุ กับหนทางสว่างที่เกิดขึ้นในใจท่านทุกคน
หลงทางเสียเวลา จะทำอะไรรีบทำให้สำเร็จ เพราะไม่รู้ว่า ห้าปีแปดปี พรุ่งนี้หรือชาติหน้าอะไรจะมาถึงก่อนกัน
- 004
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี