พท.จี้สอบทุกพรรคเสมอภาค

กกต.อย่าเลือกปฏิบัติ

ปมห้ามแจกของหลัง24ก.ย.

เข้าสู่โหมดเลือกตั้งระวังผิดก.ม.

‘ธนกร’ชู‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’จริงใจ

ลุยทำงานสร้างสรรค์/ไม่ขัดแย้ง

‘สุดารัตน์’ขอเป็นทางเลือกให้ปชช.

พลังประชารัฐยันทำการเมืองสร้างสรรค์ ไม่ขัดแย้งกับใคร พร้อมโชว์สารพัดผลงานในอดีตและสิ่งที่จะทำในอนาคต ยก “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” มีความจริงใจกับประชาชน ด้านเพื่อไทย เหน็บกกต.อย่าเลือกปฏิบัติประเด็นคำเตือนห้ามแจกของหลัง 24 กันยายน ระบุต้องตรวจสอบให้ทุกพรรคอย่างเสมอหน้ากัน ด้าน ปชป.จ่อเปิดตัว 7 ว่าที่ผู้สมัครสส.สุราษฎร์ธานี
เสาร์นี้

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2565  นายสมคิด เชื้อคง สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุการแจกของช่วยน้ำท่วมหรือช่วยโควิด-19 หลังวันที่ 24 ก.ย. ไม่สามารถทำได้เพราะจะถือเป็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และการหาเสียงผ่านป้ายโฆษณาหลังวันที่ 24 ก.ย. ต้องนำมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกฎหมายใหม่ที่เพิ่มมีหลังรัฐธรรมนูญ 2560 เพราะก่อนหน้านี้จะบังคับเฉพาะช่วงมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง กฎหมายใหม่ที่ว่านี้ เรื่องขึ้นป้ายโฆษณาไม่เป็นปัญหา แต่จะมีปัญหากรณีเกิดเหตุฉุกเฉินไฟไหม้ น้ำท่วม สส.สามารถช่วยเหลือได้ตามกรอบที่กฎหมายกำหนด จะมีผลต่อการช่วยเหลือประชาชนแน่นอน แต่ถึงอย่างไร เมื่อเป็นกฎหมายออกมาแล้ว พร้อมทำตาม และเชื่อว่าผู้สมัครสส.คนอื่นๆก็เข้าใจในหลักการนี้ 

“ ฝากกกต.ที่เป็นผู้ประกาศระเบียบนี้ออกมา ให้จับตาการทำพื้นที่ของทุกพรรคการเมือง อย่าเลือกปฏิบัติกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง” นายสมคิด ระบุ.

พปชร.ทำการเมืองสร้างสรรค์

ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยังคงเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนทุกด้านอย่างเต็มที่ ไม่ขอเป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคใดทั้งสิ้น เพราะเสียเวลาแก้ปัญหาให้กับประชาชนเปล่าๆ มั่นใจว่าประชาชนรับรู้ได้ถึงความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผ่านนโยบายต่างๆ มากมาย อาทิ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC), นโยบายทวงคืนผืนป่า, แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย, การปรับภูมิทัศน์ริมคลองหลายสาย, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง, โครงการประชารัฐเพื่อประชาชน เพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุง, รถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางคู่, โครงการรถไฟฟ้าหลายสาย, การแก้ปัญหาโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 อย่างเต็มกำลัง รวมถึงเยียวยาประชาชนอย่างต่อเนื่อง การแก้ไขหนี้ครัวเรือน ครอบคลุมลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ลูกหนี้เช่าซื้อ และลูกหนี้บัตรเครดิต

พรรคพลังประชารัฐขอทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ขอเป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคไหนทั้งสิ้น เพราะประชาชนกำลังรอให้เราเข้าไปช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้อยู่ เราจะเน้นแก้ปัญหา ไม่เน้นแก้ต่าง จะเน้นสะสางงาน ไม่ใช่สะสางแค้น เพื่ออนาคตของประเทศและประชาชน

ปชป.จ่อเปิดตัว7สส.สุราษฎร์ธานี

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 24ก.ย.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการคาราวานพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน Lot 20 ที่อำเภอเมือง จ.สุราษฎร์ธานีแล้ว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สำคัญคือการเปิดตัวผู้สมัคร สส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้ง 7 เขต

ทั้งนี้จากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์สามารถคว้าชัยชนะได้ทั้ง 6 เขตเลือกตั้ง เข้าสภาฯได้ครบทั้ง 6 ที่นั่ง

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง สวนปาล์ม ถือเป็นที่ชื่นชอบของเกษตรกรโดยทั่วไป รวมไปถึงผลงานของนายสินิตย์ เลิศไกรรมช.พาณิชย์ ก็ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการได้เป็นอย่างดี ช่วยขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม และจากการทำงานอย่างหนักของพรรคในเวลา 3 ปีกว่าที่ร่วมรัฐบาลมาจึงมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคจะมีจำนวน สส.มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่จะยังคงสามารถรักษาแชมป์ไว้ได้ครบทั้ง 6 เขต รวมถึงเขตเลือกตั้งใหม่อีก 1 เขตด้วยเช่นกัน

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวถึงกรณีของนายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่เคยเป็นว่าที่ผู้สมัครสส.ระนอง ของพรรคประชาธิปัตย์ ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองว่ายืนยันว่าที่จังหวัดระนอง พรรคยังไม่ได้มีการพิจารณาให้ใครเป็นผู้สมัครสส. เนื่องจากต้องรอผลโพลเปรียบเทียบอีกครั้งเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความเหมาะสมมากที่สุดที่จะเป็นผู้สมัครในนามของพรรค และพรรคได้ใช้แนวทางแบบเดียวกันในการคัดเลือกผู้สมัครในพื้นที่ที่มีผู้สนใจลงสมัครมากกว่า 1 ราย ดังนั้นการลาออกจากพรรคของนายดนัยณัฏฐ์ จึงไม่ถือเป็นเลือดไหลออกแต่อย่างใด

“สุดารัตน์”ควง”ศิธา”ลุยเขตสายไหม

พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค ดร.สมชาย เวสารัชตระกูล รองเลขาธิการพรรค และว่าที่ผู้สมัครสส.เขตสายไหม และดร.รัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม จัดโครงการ “ไทยสร้างไทยสู้ภัยน้ำท่วม” มอบข้าวสาร อาหารแห้ง ให้กับพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่ชุมชนเพิ่มสินถมยา ซอยเพิ่มสิน 1 และหมู่บ้านเอื้ออาทรบางเขน (คลองถนน) บ้านเอื้ออาทรคลองถนนบางเขน

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย จัดโครงการ “ไทยสร้างไทยสู้ภัยน้ำท่วม” เพื่อช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ ไม่เฉพาะแค่กรุงเทพฯ แต่รวมถึงภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ซึ่งได้มอบหมายให้ทีมไทยสร้างไทยในแต่ละพื้นที่ เพื่อดำเนินการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

โดยวันนี้มาเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องเขตสายไหม ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย ให้ความสำคัญกับทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน จึงมีนโยบายดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ เพื่อให้คนไทย “แข็งแรงก่อนป่วย รวยก่อนแก่” ด้วยการต่อยอดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบาย 30บาทสุขภาพดีถ้วนหน้า นโยบายปฏิรูปการศึกษาเรียนฟรีมีคุณภาพจนถึงปริญญาตรีและนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000บาท ซึ่งทั้ง 3นโยบายไม่ใช่โครงการประชารัฐประชานิยม ที่มามุ่งแจกเงิน แต่เป็นนโยบายที่สร้างความยั่งยืนให้พี่น้องประชาชน

ยุติการเมือง2ขั้ว-เป็นทางเลือกให้ปชช.

คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า การสร้างพรรคไทยสร้างไทย เป็นภารกิจสุดท้ายที่ตนจะทำ ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ประชาชนทุกข์และยากลำบากมากที่สุด ตลอด30ปีที่ทำงานการเมือง ยังไม่เคยเห็นบ้านเมืองตกต่ำมากเท่านี้ ตนไปทั่วประเทศทุกคนเข้ามากอดเข้ามาร้องไห้ระบายสิ่งที่พบเจอว่าเดินต่อไปไม่ไหว ตนจึงแบกรับภาระความทุกข์เหล่านี้ไว้บนอก จึงคิดทำต่อเพื่อทำพรรคของประชาชนและเพื่อคนตัวเล็ก ไม่ได้ทำพรรคเพื่อคิดว่าอยากได้สส.เท่านั้นเท่านี้ หรือหวังโควต้ารัฐมนตรี แต่ครั้งนี้ต้องการมาร่วมเปลี่ยนประเทศ ช่วยคนตัวเล็กหายจนหมดหนี้และมีรายได้อย่างยั่งยืนให้ได้ ตนไม่เคยมีเรื่องทุจริตโกงกิน หลายนโยบายทำจนสำเร็จ ไม่ใช่ทิ้งกัน 3ปี หรือ 8ปีแล้ว ภารกิจสุดท้ายก่อนจบชีวิตการเมือง ตนพูดคำไหนรักษาสัญญาและคำพูด ไม่ใช่บอกจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน ส่วนวันนี้ใครจะด่าจะว่าอย่างไรไม่โต้ตอบ การเมือง 2ขั้วขอให้มันจบที่ 16ปี ที่เลือกฝั่งหนึ่งก็ติดล็อกเลือกอีกฝั่งหนึ่งต้องติดหล่ม ให้มันจบที่พรรคไทยสร้างไทย ขอเป็นทางเลือกทางรอดประเทศ

สจ.สุราษฎร์ธานีหันซบ”พีรพันธ์”

ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซอยอารีย์ 5 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) , นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และนายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการผู้บริหารพรรค ให้การต้อนรับ ทีมผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี และสมาชิกสภาจังหวัดสุราษฎร์ธานีกว่า 20 เขต รวมเกือบ 40 คน ขณะเข้าเยี่ยมพรรครวมไทยสร้างชาติ ระหว่างเดินทางมาดูงานการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวใน กทม. เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบายหนึ่งตำบล หนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด

นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงแนวความคิดของการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ตนและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคทุกคน ต้องการสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ที่ทำการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของพรรค หรือประโยชน์ส่วนตัวหรือตำแหน่งอะไร เพราะเชื่อว่าถึงไม่มีตำแหน่งก็ทำงานได้ เหมือนที่ตนทำมาตลอด ที่ผ่านมาก็ทำงานหลายอย่าง แต่เห็นว่าทำคนเดียวคงทำได้ไม่หมด หากทำเป็นทีมเป็นพรรคในแนวทางเดียวกัน ก็จะสามารถทำงานให้บ้านเมืองได้มากขึ้น และสิ่งที่ตนเคยทำงานมาเป็นเครื่องยืนยันการทำงานของตนว่าสามารถทำงานในสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้ เช่น กรณี “โฮปเวลล์” ที่สามารถช่วยให้บ้านเมืองผ่านปัญหามาได้ แม้ช่วงนั้นจะมีการเสนอให้ตนไปรับตำแหน่งในรัฐบาล แต่ตนก็ได้ปฏิเสธไปเพราะไม่สามารถทิ้งงานสำคัญของบ้านเมืองได้

นายเอกนัฏ กล่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะไปประชุมจัดตั้งสาขาแรกที่สุราษฎร์ธานีในวันที่ 22 ก.ย.นี้ซึ่งจะมีการเปิดตัวทีมงานและผู้สมัคร สส.ของพรรค โดยตอนนี้มีผู้สมัครเกือบครบแล้ว

ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ที่มาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ สร้างความเท่าเทียมกันของทุกคน

เพื่อไทยลุยหาเสียงจังหวัดร้อยเอ็ด

เวลา 07.00น.ที่ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงโค้งสุดท้ายให้กับ นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย โดยทันทีที่ น.ส.แพทองธาร เดินทางมาถึงมีคณะมวลชนที่สวมเสื้อสีแดงยืนรอต้อนรับ พร้อมมอบดอกกุหลาบ พวงมาลัยดาวเรืองให้กับ น.ส.แพทองธาร ขณะเดียวกันประชาชนยังได้ผูกผ้าขาวม้ารอบเอวให้กับ น.ส.แพทองธาร เพื่อเป็นการต้อนรับตามประเพณีของคนอีสาน พร้อมทั้งกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับท่านนายกฯ”

ทั้งนี้ ระหว่าง น.ส.แพทองธาร เดินรับดอกไม้ที่ประชาชนมามอบให้ ได้กล่าวย้ำกับประชาชนว่า ขอให้เลือกนายเศกสิทธิ์ หมายเลข 2 ด้วย ก่อนเดินทางออกจากท่าอากาศยานร้อยเอ็ด สำหรับ น.ส.แพทองธาร พร้อมคณะประกอบด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทยมีกำหนดการจะลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ เศกสิทธิ์ ในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย. 2565 ซึ่งจะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย.นี้ โดย น.ส.แพทองธาร พร้อมคณะจะเริ่มปราศรัยในเวลา 09.00 น. ที่ อ.โพนทอง วิทยาลัยการอาชีพโพนทอง จากนั้นเวลา 10.30 น. ปราศรัยที่ อ.เสลภูมิ ที่โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม เวลา 13.30 น. ปราศรัยที่ อ.สุวรรณภูมิ โรงเรียนสุวรรณภูมิพิทยไพศาล และปิดท้ายเวทีปราศรัย ในเวลา 16.00 น. อ.เมืองร้อยเอ็ด ที่สาเกตฮอลล์

‘รวมแผ่นดิน’พร้อมส่งผู้สมัคร สส.กทม.

ที่โรงเรียนบางอ้อศึกษา นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล โฆษกพรรครวมแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมเลือกตั้งตัวแทนพรรครวมแผ่นดิน ประจำกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 30 โดยมีมติในที่ประชุมเลือกตัวแทน 3 คน คือ 1.นายวรพงษ์ โชว์พิทักษ์วัฒนา 2.นายสุเมธิน ชีวะธรรม และ 3.นายนพดล เจริญธนบดี ส่วนทางด้านตัวผู้สมัคร สส.กทม.ได้มีการทาบทามแล้วในระดับหนึ่ง รอทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากรับรองตัวแทน กทม. เรียบร้อย พรรครวมแผ่นดินพร้อมส่งผู้สมัคร สส. ทั้ง 33 เขต

“จะมีการเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจ นำเข้าสู่กระบวนการคัดสรร โดยกลั่นกรองจากคุณสมบัติ ตรวจสอบประวัติ เช็คการทำงาน และอีกหลายๆด้าน คาดว่าจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในภาคต่างๆช่วงเดือน ต.ค. แล้วค่อยทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครในแต่ละเขต แต่ละจังหวัดตามลำดับความพร้อมต่อไป” นายคมสัน กล่าว

นายคมสัน กล่าวอีกว่า พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ได้กำชับมาว่าขอให้คณะกรรมการคัดสรรคัดเลือกผู้สมัครที่จะมาทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้จริงๆ และให้เป็นทางเลือกดีๆ แก่พี่น้องประชาชน อีกทั้งทางพรรคได้มอบหมายให้คนรุ่นใหม่ในพรรคจัดงานอีเว้นท์ กิจกรรม ลงพื้นที่รับฟังปัญหา รวมทั้งเฟ้นหาบุคลากรทางด้านเศรษฐกิจ หรือนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ เพราะเราอยากได้คนมีแนวความคิดใหม่ๆ หรือเป็นหัวก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจ ที่จะมาช่วยกันสร้างนโยบาย วางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชาติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันที่ต้องทำได้จริง

“เราอยากได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกความแตกต่างมาเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อร่วมกันทำงานการเมืองอย่างเชิงสร้างสรรค์ ทางพรรคประสงค์ให้คนรุ่นใหม่ รุ่นก่อนหน้า ทุกรุ่นทุกเพศวัยมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย ทิศทางของประเทศไทย ให้คนในแผ่นดินไทยเดินไปด้วยกัน ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ถูกใจตามความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกๆ มิติ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่เพจพรรครวมแผ่นดิน” นายคมสัน กล่าว

‘ภท.’ลั่นกวาดสส.ใต้20ที่นั่ง

นางนาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ในฐานะแม่ทัพพื้นที่ภาคใต้พรรคภูมิใจไทย กล่าวในโอกาสเป็นประธานในการเปิดการแข่งขันประกวดการเต้นไลน์แดนซ์ “เพลงภูมิใจไทย”และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ซึ่งประกอบด้วย เขต 1 นายภุชงค์ วรศรี อดีตประธานสภา อบจ.พัทลุง เขต 2 นายวรท เทอดวีระพงศ์ บุตรชายนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ และ เขต 3 นายประเทือง มนตรี พี่ชายของ ดร.นาทีฯ

นางนาที กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้ใช้นโยบายพูดแล้วทำ ในการขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.พัทลุงนั้นทางพรรคภูมิใจไทยได้ทุ่มเทการพัฒนาในด้านต่างๆจนเห็นผลเป็นรูปธรรมไม่ว่าจะพัฒนาด้านคมนาคม การท่องเที่ยวและกีฬา การดูแลสุขภาพของประชาชนด้านการรักษาพยาบาล การสนับสนุนส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน จนผลงานของพรรคเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งในและต่างจังหวัด โดยเฉพาะการก่อสร้างถนนข้าม ทะเลสาบสงขลา จากพื้นที่ ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง - ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ระยะทางทั้งสิ้น 7 กิโลเมตร วงเงินโครงการรวมทั้งสิ้น 4,841 ล้านบาท ได้วางศิลาฤกษ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565

บอกภท.พูดแล้วต้องทำได้จริง

นางนาที กล่าวอีกว่า จากนโยบายพูดแล้วทำ ของพรรคภูมิใจไทย ทำให้ จ.พัทลุงได้เจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆมาอย่างต่อเนื่องจนเห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคฯได้ที่นั่ง สส.พัทลุง จำนวน 2 เขต แต่ในการเลือกตั้งในสมัยหน้าตนขอให้พี่น้องชาวพัทลุงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ในการเลือกผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยเข้าสู่สภาฯทั้ง 3 เขต ซึ่งตนมั่นใจว่าจากผลงานของพรรคภูมิใจไทยที่ผ่านมานั้น จะได้รับแรงใจ ความศรัทธา ความเชื่อมั่นที่จะส่งผลให้พรรคฯได้ที่นั่ง สส.พัทลุงทั้ง 3 เขตอย่างแน่นอน

“ในส่วนของในพื้นที่ภาคใต้นั้น ในเบื้องต้นดิฉันมั่นใจว่าจะได้ที่นั่ง สส.ไม่น้อยกว่า 16 ที่นั่ง แต่หลังจากที่ตนและคณะ ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยถึงนโยบาย แนวทาง การพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดต่างๆตามนโยบายพูดแล้วทำ ก็ได้รับการต้อนรับและความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชนตามจังหวัดต่างๆเหนือการคาดคิด ดังนั้น จึงมั่นใจว่าการเลือกตั้งในสมัยหน้าพรรคภูมิใจไทยจะสามารถคว้าชัยชนะการเลือกตั้ง สส.ในพื้นที่ภาคใต้มากกว่า 20ที่นั่งอย่างแน่นอน” แม่ทัพพื้นที่ภาคใต้พรรคภูมิใจไทย กล่าว