ห้ามจัดเลี้ยง-แจกเงิน-จ่ายค่ารถ
กกต.ยํากฎเหล็ก
ยึดตามแนวกติกาเลือกตั้งปี2562
กมธ.กิจการสภายังข้องใจ
เรียกกกต.เข้าชี้แจง28ก.ย.นี้
สร้างอนาคตไทยจี้ทำให้ชัด
ประวิตรเดินสายเพชรบูรณ์
ชาวบ้านเชียร์ลั่น‘ลุงป้อมสู้สู้’
เลขาฯกกต.ย้ำกฎเหล็กข้อห้ามคุมหาเสียงเลือกตั้ง 180 วัน ห้ามจัดเลี้ยง-แจกเงิน-จ่ายค่ารถค่าที่พัก ยึดตามกติกาปี’62 แต่มีระยะเวลามากขึ้น ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังทำตามหน้าที่ ในขณะที่กมธ.กิจการสภา ยังข้องใจ เชิญ กกต.อธิบายรายละเอียด-ขั้นตอนให้ชัดเจน ด้าน“บิ๊กป้อม” หอบรัฐมนตรีลุยเพชรบูรณ์ เป็นประธานอุ้มพระดำน้ำ ช่วยประชาชน ระบุมาในนามรัฐบาล ชาวบ้านเชียร์ลั่น “ลุงป้อมสู้สู้”
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวย้ำถึงประกาศใช้ระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) (ฉบับที่ 3) ว่า ไม่น่ามีข้อกังวลอะไร ทั้งทางฝั่ง กกต. และพรรคการเมือง ซึ่งประเด็นดังกล่าวสรุปใจความสำคัญได้ ดังนี้ กกต.ออกระเบียบฯ บนหลักการเพื่อประโยชน์แห่งความเที่ยงธรรมและเรียบร้อย ไม่ได้คำนึงว่าพรรคไหนจะได้อะไร ทุกคนอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน 2.ระเบียบวิธีหาเสียงใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 แต่ต่างตรงที่เงื่อนเวลาจาก 60วัน เป็น 180วัน แก้ไขเพิ่มเติมเพียงกรณีปัจจุบันยังไม่มีเขตเลือกตั้ง เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และกรณีบังคับใช้กับผู้ที่ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งด้วย 3. การหาเสียง ให้ศึกษาจากระเบียบ กกต. ฉบับที่ 1-4 หากดูทั้ง 4 ฉบับ ท่านจะไม่มีคำถาม กกต.มีการประชุมชี้แจงตัวแทนพรรคและผู้อำนวยการในแต่ละจังหวัดแล้ว จึงต้องไปถามตัวแทนพรรคว่าทุกปัญหาที่คนสงสัยจะมีอยู่อีกหรือไม่ โดยจะไม่พูดซ้ำ เพราะได้ชี้แจงไปหมดแล้ว
ห้ามจัดเลี้ยง-ให้ทรัพย์สิน
นายแสวง ยังกล่าวว่า กิจกรรมของพรรคการเมืองทุกอย่างต้องเดินไปตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อเข้าระยะเวลา 180 วันที่ยาวนานขึ้นนั้น พรรคการเมืองต้องระมัดระวังขึ้น เพราะโครงการของพรรคบางอย่างต้องไปดำเนินการกับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยห้ามจัดเลี้ยง ให้ทรัพย์สิน สนับสนุนค่ายานพาหนะหรือที่พัก นอกเหนือจากนี้ อย่างอื่นพรรคก็ดำเนินการได้ตามปกติ
ส่วนการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อพรรคร่วมรัฐบาล นายแสวง กล่าวว่า กฎหมายมีพร้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องไปแก้ไขอะไร ซึ่งข้อเท็จจริงก็ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป แต่หลักการ คือ รัฐมนตรีและข้าราชการถ้ามีอำนาจหน้าที่ดูแลประชาชนก็ทำได้ โดยต้องระมัดระวังในการไปในตำแหน่งหน้าที่ สำหรับการลงพื้นที่ของ ส.ส. เช่น กรณีเกิดภัยพิบัติ จะต้องระมัดระวังและทำได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ส.ส. มีอำนาจอะไรที่จะไปดูแลประชาชนแบบนั้น ตนจะไม่บอกว่าใครทำอะไรได้ แต่ขอให้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีอำนาจหน้าที่ กฎหมายก็จะคุ้มครอง
ต้องใช้กติกาเดียวกัน
เลขาธิการ กกต. ยังกล่าวถึงเจตนารมณ์ของระเบียบฯ ว่า เป็นเรื่องของสภาฯ ที่ออกกฎหมายมาแล้ว กกต. ออกกฎเกณฑ์ตาม ซึ่งตัวหลักการของกฎหมายต้องการให้มีการแข่งขันระหว่างผู้สมัครและพรรคการเมืองอย่างเที่ยงธรรม อยู่ในกรอบเวลาและกติกาเดียวกัน ส่วนการใช้ป้ายในการหาเสียง สามารถใช้ตามปี 2562 ทุกพรรคการเมืองเข้าใจ ไม่เคยมีปัญหา สำหรับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า เมื่อเข้าสู่โหมดหาเสียง ประชาชนก็ต้องติดตามศึกษาแต่ละพรรค ว่าจะเลือกผู้แทนคนใดไปทำงานให้ชาติบ้านเมืองต่อไป
กมธ. เรียกเลขากกต.ชี้แจง
นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. กมธ.ได้นัดประชุมและเชิญนายแสวง บุญมี เลขากกต. เข้าหารือเพื่อพิจารณาถึงแนวทางการหาเสียงเลือกตั้งของส.ส.ในช่วงระยะเวลา 180 วันก่อนครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร
โดยเฉพาะภารกิจในบทบาทหน้าที่ของส.ส.ในการพบปะประชาชน เข้าร่วมประเพณีต่างๆ ซึ่งหลังจากหารือกับเลขาธิการ กกต.แล้วจะนำรายละเอียดที่ได้แจ้งเวียนไปยังกมธ.สามัญทุกคณะ เพื่อแจ้งให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ป้องกันการถูกร้องว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
นอกจากรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายเลือกตั้งที่แก้ไขบางส่วน หลักการที่ทำไม่ได้ คือ สัญญาว่าจะให้ หรือทำให้ แต่การทำหน้าที่สส.ในบทบาทของกมธ.นั้น จำเป็นต้องสอบถามเพื่อให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ครบถ้วนทุกประเด็น เช่น ฤดูกาลประเพณี ทอดกฐิน หากจะทำบุญตามประเพณีทำได้หรือไม่ หากทำได้ในวเงินเงินเท่าไร อย่างไรก็ดียอมรับว่า ระเบียบ กกต.ที่ออกมามีความหนักใจ เพราะกติกาที่ออกมาทำให้ต้องตีความ
บิ๊กป้อมกำชับลูกพรรคปฎิบัติตาม
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ได้กังวลอะไร แต่ก็ไม่ประมาท โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กำชับให้สมาชิกพรรค โดยเฉพาะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคระมัดระวังเรื่องกฏ 180วันของ กกต.อย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ช่วยหลือประชาชนนั้นรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐได้ทำมานานแล้ว จากนี้จึงอาจจะต้องระมัดระวังหรือเข้มงวดในสิ่งที่ทำไม่ได้ เช่น การแจกของเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนก็เท่านั้นเอง
ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคจะชี้แจงประกาศ กกต.ให้กับ สส.ทุกคนทราบในการประชุมพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 28กันยายน เวลา 15.00น.ด้วย
ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
“พรรคไม่รู้สึกกังวลอะไร แต่อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นเท่านั้นเอง เพราะที่ผ่านมารัฐบาลลงพื้นที่ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้พึ่งจะมานึกได้ว่าห่างหายจากการช่วยประชาชนไปนานเพราะมัวแต่เล่นเกมการเมืองในสภาฯ แล้วก็มาเร่งรีบลงพื้นที่ช่วยประชาชนเอาตอนนี้ ซึ่งถ้าใครมองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันนั้น ก็เท่ากับการยอมรับว่า ที่ผ่านมาตัวเองทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ น้อยกว่าคนอื่นใช่หรือไม่ แต่ถ้าได้ทำมาตลอด ก็เพียงแค่ศึกษาข้อกำหนดที่วันนี้ กกต.กำหนดออกมาอย่างชัดเจนแล้วให้เข้าใจ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แล้วผลงานที่ทำมานั้นจะทำให้ชนะใจประชาชนเอง”นายธนกร กล่าว
สอท..’จี้’กกต.’ทำความชัดเจนทุกกรณี
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ประธานภาคกรุงเทพฯ และนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค ร่วมเปิดศูนย์ประสานงานเขตมีนบุรี โดยมีนายพันธุ์ปิติ โพธิ์วิจิตร เป็นผู้ประสานงานในพื้นที่ พร้อมเรียกร้องกกต.ว่า ควรรีบให้ความชัดเจนในทุกๆ เรื่อง ไม่เช่นนั้นทั้งประชาชนและพรรคการเมืองจะเกิดความสับสนได้ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง กฎกติกาการหาเสียง ป้ายหาเสียง หรือแม้แต่การหาเสียงด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถ้า กกต.ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ฝ่ายที่ได้เปรียบก็คือรัฐบาล และผู้มีอำนาจของรัฐ เพราะขณะนี้สามารถทำทุกอย่างได้ในนามของรัฐ แจกของได้ ลงพื้นที่ได้ ขึ้นป้ายได้ แต่ในขณะที่พรรคอื่นๆ ทำได้แค่เพียงเยี่ยมเยียน แสดงความเห็นใจ แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนได้เลย
นายสันติ กล่าวว่า ผู้นำประเทศต่อจากนี้ไป จะต้องมีความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจให้ได้ ตนมั่นใจว่าพรรคสร้างอนาคตไทย มีบุคลากรมืออาชีพและมีประสบการณ์ที่จะสามารถนำนโยบายของพรรค โดยเฉพาะกองทุนสร้างอนาคตไทย มาช่วยเหลือให้ประชาชนกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง
‘ดอน’ยันคดี8ปีไม่กระทบถกเอเปค
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่77 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ในวันที่ 30 กันยายนนี้ จะมีผลต่อความเชื่อมั่นต่างชาติหรือไม่ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของบุคคลนั้นๆ ที่ต้องเข้าใจสถานการณ์ และแง่มุมทางกฎหมาย เพื่อประเมินว่าจะมีผลต่อฐานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อไปหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อการจัดประชุมผู้นำเอเปคในเดือน พฤศจิกายนนี้หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีผลต่อการจัดประชุมเอเปคที่สามารถดำเนินต่อไป เราจะไม่พยายามนำเรื่องนี้มาโยงสำหรับทุกๆ ประเทศ สิ่งที่ดีที่สุดคือความมีเสถียรภาพ ความสงบเรียบร้อย และประเทศสามารถก้าวต่อไปอย่างราบรื่น ซึ่งประชาชนต้องได้ประโยชน์กับสิ่งเหล่านี้ และนั่นก็เป็นความเชื่อมั่นตั้งแต่แรกหลังจากที่ผมรับรู้หรือเรียนรู้เรื่องราวที่สัมพันธ์ สารพัดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ จนมีข้อสรุปของตัวเองว่า สิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศ และกับประชาชนคือ สถานการณ์ในประเทศต้อมีความราบรื่น”นายดอนกล่าว
นายดอนกล่าวด้วยว่า ปล่อยให้กฎหมาย กติกา และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นตัวชี้ขาด แต่อย่าให้ความต้องการแก่งแย่งอำนาจ หรือความรู้สึกใดๆ มาผสมผสานจนทำให้ความสงบเรียบร้อยหายไป จนไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและคนในชาติ
บิ๊กป้อมเยือนเพชรบูรณ์
เข้าวันเดียวกัน .พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ไปรวจราชการในพื้นที่จ.เพชรบูรณ์
โดยภารกิจแรก เวลา10.00 น.พล.อ.ประวิตร เป็นประธานในงานอุ้มพระดำน้ำ ที่ท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จากนั้นเดินทางไปศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ เยี่ยมชมการดำเนินงานโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติงาน พร้อมมอบนโยบายแก่ผู้ปฎิบัติงาน ที่ห้องประชุมเมืองราด
ในช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ เดินทางสักการะพระพุทธมหาธรรมราชา เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ฯ จากนั้นเดินทางต่อไปที่เทศบาลเมืองหล่มสัก และเทศบาลตำบลตาลเดี่ยว เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และรับฟังปัญหาอุทกภัยและแนวทางการแก้ไข ที่สะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก และเยี่ยมประชาชนพร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่หอประชุมอำเภอหล่มสัก ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯช่วงเย็นวันเดียวกัน
รมต.-ส.ส.พปชร.รอรับร่วมงาน
เวลา 09.45น.พล.อ.ประวิตรและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ มี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เจ้าหน้าที่ และส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อาทิ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ นายจักรัตน์ พั้วช่วย นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ นายเพชรภูมิ อาภรรัตน์ ส.ส. กำแพงเพชร รอต้อนรับ โดยส.ส.พรรคพลังประชารัฐ บางส่วน รอรับอยู่ที่วัดโบสถ์ชนะมาร ผู้สื่อข่าวรายงาน ในการลงพื้นที่จ.เพชรบูรณ์ ใช้รถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กฉ9เพชรบูรณ์ ทั้งนี้ ระหว่างเส้นทาง มีการติดป้ายต้อนรับพล.อ.ประวิตร ในการลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ครั้งนี้ เป็นระยะๆ
ร่วมงานคึกคักชูป้ายรัก’ลุงป้อมสุดใจ’
เวลา 10.30น.ที่วัดโบสถ์ชนะมาร ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีอุ้มพระดำน้ำ โดย พล.อ.ประวิตรจุดเทียนชัยมงคลเพื่อเริ่มประกอบพิธีพราหมณ์ในพิธีอุ้มพระดำน้ำ พร้อมร่วมการเจริญวิปัสสนาด้วยการจับสายสิญจน์ไว้บนฝ่ามือ ทั้งนี้พิธีอุ้มพระดำน้ำเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์หนึ่งเดียวในโลก และเพิ่งทำพิธีเสี่ยงทายดูความสมบูรณ์ของจังหวัด 6 ครั้ง โดยปีนี้เสี่ยงทายได้ทิศเหนือ 3 ครั้ง ทิศใต้ 3 ครั้ง จากนั้นพล.อ.ประวิตร ได้โยนขนมลูกโยน กระยาสาร์ท กล้วย และขนมมงคล เนื่องในวันสาร์ทไทยขึ้น 15 ค่ำเดือน10 อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีประชาชนเข้าร่วมพิธีกว่า 3,000 คน พร้อมมีประชาชนมาถือป้ายข้อความต้อนรับพล.อ.ประวิตร อาทิ “ในน้ำมีปลา บนฟ้ามีนก” “รองนายกลุงป้อม” “ฮักแพงลุงป้อม” ลุงป้อม..สู้..สู้ “รักลุงป้อมสุดใจ” “เรารักประวิตร” เป็นต้น โดยพล.อ.ประวิตรได้ทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง พร้อมทำมือมินิฮาร์ทให้ประชาชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่จัดงานได้มีการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ต้อนรับพล.อ.ประวิตร ระบุว่า “ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ยินดีต้อนรับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานพิธีอุ้มพระดำน้ำประจำปี 2565 จังหวัดเพชรบูรณ์ วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565 “ ขณะเดียวกันยังมีป้ายต้อนรับ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
มาในนามรบ.-มุ่งประชาชนอยู่ดีกินดี
จากนั้นเวลา 12.10 น. พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในระหว่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศกฎเหล็ก 180 วันให้ ส.ส. และพรรคการเมือง เป็นแนวทางปฏิบัติ ว่า การลงพื้นที่ของตน เพื่อดูแลประชาชนเป็นหลัก เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม ตนมาช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้เล่นการเมือง ย้ำว่ามาช่วยเหลือประชาชน ส่วนข้าราชการทุกคนไม่ใช่เจ้านายประชาชน แต่เป็นลูกน้อง ฉะนั้นต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องดูแลให้ประชาชนให้อยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นความประสงค์ของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่าการตรวจราชการครั้งนี้ยืนยันว่ามาในนามของรัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ใช่ ในนามรัฐบาล ผมเป็นรัฐบาล”เมื่อถามย้ำว่ากังวลกับระเบียบของ กกต.ที่ออกมาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล ทำตามระเบียบ กกต.ว่าไปตามระเบียบทุกอย่าง กกต.ว่าอย่างไรก็ทำตามนั้น
เมื่อถามว่าเกรงจะถูกวิจารณ์ในการลงพื้นครั้งนี้เป็นการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า เรื่องการเมืองอะไร เพราะมาในนามรัฐบาล มาตรวจเยี่ยมประชาชน จะกลัวอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการติดป้ายต้อนรับก่อนลงพื้นที่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นป้ายต้อนรับในนามของรองนายกรัฐมนตรี จะมาต้อนรับไม่ได้หรือ โดยผู้สื่อข่าวตอบว่าได้ พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวว่า ถ้าได้ก็จบ
ไม่ต้องห่วงการเปิดตัวสส.
เมื่อถามว่าพรรคการเมืองอื่นเปิดตัวผู้สมัครอย่างครึกครื้น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมตัวอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “โอ้ย ไม่ต้องห่วง ผมทำเอง คุณไม่ได้ทำ เรื่องนี้พรรคมีหัวหน้าภาค ทำอยู่แล้ว”เมื่อถามว่าจากประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ที่มีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวจะเริ่มดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เริ่มดีขึ้นแล้วจากที่ได้รับรายงานจากทุกฝ่ายดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นเดือนที่3แล้ว เมื่อถามว่าได้กำชับอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าไม่ต้องกำชับแล้ว ทุกอย่างดีขึ้นเอง ทั้งการท่องเที่ยวและเรื่องต่างๆดีขึ้น เมื่อถามกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนไหว ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย วาระนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมรับมืออย่างไร พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี