เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการนับวาระของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากได้เป็นนายกฯต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำหน้าที่ได้อีกเพียง 2 ปี ว่า การจะอยู่ในวาระได้ต่อไป จะต้องเสนอตัวเข้าสู่ระบบการเลือกตั้ง เช่น เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ถ้าพรรคการเมืองนั้นได้รับการเลือกตั้งมากว่าร้อยละ 5 หรือ 25 เสียงขึ้นไปจึงจะมีสิทธิเสนอชื่อ
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาหลังจากนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะยุบสภาถึงร้อยละ 90 จากเดิมที่เคยประเมินไว้ร้อยละ 80 โดยมีสองปัจจัยที่จะทำให้เกิดการยุบสภา คือ 1.ผู้มีอำนาจเห็นว่าตัวเองได้ประโยชน์ เพราะเตรียมองคาพยไว้หมดแล้ว การจัดระบบทุกอย่างพร้อม รวมถึงเงื่อนไขของกฎหมาย ถ้าเกิดให้อยู่จนครบวาระ ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคภายใน 90 วัน และจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่ถ้าเกิดมีการยุบสภาส.ส.ต้องสังกัดภายใน 30 วัน และจัดการเลือกตั้งภายใน 45 - 60 วัน ซึ่งจะเห็นว่ามีเวลาหาเสียงมากกว่าการปล่อยให้อยู่ครบวาระ ด้วยเหตุนี้ผู้มีอำนาจถ้าเลือกได้ก็จะไม่อยู่ครบวาระ
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า 2.ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นมากกว่าเดิม เพราะประชาชนนับเลขเป็น รับรู้ได้ อีกทั้งศาลยังใช้ช่องว่างทางการฏฎหมายวินิจฉัย วันนี้จำเลยของสังคมนอกจากพล.อ.ประยุทธ์แล้ว สังคมต้องไปมองที่ศาลรัฐธรรมนูญด้วย เรื่องเหล่านี้จะทำให้เกิดความไม่สงบ อันเนื่องมาจากความเรียกร้องให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
"ทางที่ดีที่สุดเขาจะต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ไม่น่าจะมายึดอำนาจไม่ใช่มาสร้างสถานการณ์ ข้อเรียกร้องของประชาชนไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยการยุบสภา เขาไม่ได้เรียกร้องให้มายึดอำนาจ เพราะฉะนั้นกลไกที่จะทำให้เขามายึดอำนาจ ประชาชนเขาจะไม่ทำ ยกเว้นจะมีคนสร้างสถานการณ์ทำเหตุการณ์ให้สมอ้างกับการทำรัฐประหาร ซึ่งจะทำให้ประเทศล้าหลัง เป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่นอน" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ
เมื่อถามว่า มีความเป็นได้หรือไม่ที่จะมีการยุบสภาหลังประชุมเอเปก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากเสร็จการประชุมเอเปกช่วง 19 - 20 พ.ย.มีความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาช่วงปลายเดือน พ.ย.หรือต้นถึงกลางดือน ธ.ค.แล้วไปเลือกตั้งในเดือน ก.พ.66
- 006