ศาลรธน.ชี้ยังไม่พ้นนายกฯ-เริ่มนับ6เม.ย.60
‘บิ๊กตู่’ได้ไปต่อ
มติ6ต่อ3เสียง/อยู่ได้ถึงปี’68
นายกฯขอบคุณทุกกำลังใจ
ลั่นเดินหน้าพัฒนาประเทศ
ชูกลยุทธ์3แกนชาติรุ่งเรือง
ศาล รธน.วินิจฉัยวาระ 8 ปี “บิ๊กตู่” เริ่มนับตั้งแต่ 6 เมษายน 2560 ช่วงประกาศใช้รธน.ฉบับใหม่ ให้กลับทำหน้าที่นายกฯตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เปิดรายชื่อ 9 ตุลาการ ทั้งฝ่ายเสียงข้างมาก-เสียงข้างน้อย ตัวแทนบิ๊กตู่-ปธ.สภาเข้าร่วมรับฟังคำวินิจฉัย ด้าน “ประยุทธ์” เคารพคำวินิจฉัย-ขอบคุณทุกกำลังใจ รู้ซึ้งเวลา 1 เดือนมีค่ามาก ขอใช้เวลาที่เหลือสร้างความเจริญก้าวหน้าให้บ้านเมือง
ลั่น เดินหน้ามาไกล-ถูกทิศทางแล้ว ต้องช่วยกันทำให้เสร็จ เพื่อพลิกโฉมประเทศ ทีมกม.ขอทุกฝ่ายเคารพคำวินิจฉัยศาล รธน. ย้ำนั่งนายกฯต่อได้ จนกว่าจะครบ8ปี คือ จนถึงปี2568 ตามที่รธน.กำหนดไว้
เมื่อเวลา 09.00น.วันที่ 30กันยายน2565 ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมเพื่อพิจารณาวินิจฉัยและปรึกษาหารือก่อนลงมติ กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา17วรรคสาม ประกอบมาตรา82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ หลังศาลมีมติ 5ต่อ4 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปเมื่อวันที่ 24สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในเวลา 15.00น.โดยมีการถ่ายการอ่านคำวินิจฉัยจากห้องพิจารณาลงมายังห้องสื่อมวลชนที่บริเวณลานชั้น2ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับจะมีการถ่ายทอดสดผ่านยูทูป สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ตร.วางกำลัง300นายคุมเข้มศาลรธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรอบสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญในช่วงเช้าเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมีการกั้นรั้วเหล็ก พร้อมวางกำลังตำรวจกว่า 300นาย โดยรอบศาลรัฐธรรมนูญ โดยพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 (ผบก.น.2) พร้อมตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดหรืออีโอดี ร่วมกับตำรวจ บก.น.2และตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เข้าตรวจสอบความเรียบร้อยรอบบริเวณศาล ก่อนการวินิจฉัยกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน8ปีหรือไม่
เตือนอย่ากระทำการละเมิดกฎหมาย
ต่อมา เวลา 09.50น.พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า ข้อมูลการข่าวขณะนี้ทราบว่ามีกลุ่มผู้จะมารอรับฟังคำวินิจฉัยที่ศาล จึงประสานกับพนักงานศาลเพื่อวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณ พร้อมขยายเขตอำนาจศาลและประกาศให้พื้นที่รอบศูนย์ราชการอาคาร เอ เป็นพื้นที่ควบคุมตั้งแต่วานนี้จนถึงวันที่ 3ต.ค.เพื่อให้การฟังคำพิพากษาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยได้ประสาน บช.น.และสน.ทุ่งสองห้อง วางกำลังตำรวจ 300นาย ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเดียวกันกับการวินิจฉัยทุกครั้งที่ผ่านมา สำหรับผู้ชุมนุมขอให้คำนึงถึงระเบียบ ข้อกฎหมายและคำสั่งศาลที่เกี่ยวข้องต่อการกระทำที่เสี่ยงจะมีความผิดต่างๆก็ขอให้ละเว้น เพราะจะมีโทษตามมา โดยนับตั้งแต่ปี2563 มีการดำเนินคดีกว่า 1,500คน ที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง อย่างไรก็ตาม การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนอยู่แล้ว แต่ต้องอยู่ในกรอบและไม่ไปกระทบกับคนอื่น
ตัวแทน’บิ๊กตู่-ปธ.สภา’เข้าร่วมรับฟัง
เวลา 14.20น.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายผู้รับผิดชอบจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วมฟังคำวินิจฉัย ทั้งนี้ พล.ต.วิระ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ว่าอะไร รอฟังผลคำวินิจฉัยอยู่ที่บ้านพัก สภาพจิตใจของนายกฯ ไม่มีอะไร ปกติ ไม่พูด หรือฝากอะไรเป็นพิเศษ ส่วนตัวมั่นใจในพยานหลักฐานและเอกสารที่ยื่นชี้แจง ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนไม่ทราบ แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล ที่ผ่านมาเราทำทุกอย่างถูกต้องและคิดว่าทำดีที่สุด ทุกอย่างแล้ว เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุย หรือย้ำอะไรหรือไม่ พล.ต.วิระ กล่าวว่า บอกว่าจะรอผลอยู่ที่บ้านพัก และยอมรับคำพิพากษา ซึ่งช่วงเช้าได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงกลาโหมปกติ หากผลออกมาในทางลบ ยังไม่เตรียมและไม่พูดถึงอะไร
ขณะที่ฝ่ายผู้ร้อง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งทีมกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรมาเป็นตัวแทนรับฟังคำวินิจฉัยมติ6ต่อ3บิ๊กตู่ได้ไปต่อ-ยังไม่ครบ8ปี
จากนั้น เวลา 15.00น.คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยตอนหนึ่งว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ครบ 8ปี ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา158วรรคสี่ โดยศาลมีมติเสียงข้างมาก เห็นว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากการนับระยะเวลา 8ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา158 วรรค4 ต้องเริ่มนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ60 มีผลบังคับใช้ ดังนั้น นับจากวันที่ 6เม.ย.60 ที่รัฐธรรมนูญ60 มีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่ 24สิงหาคม65 การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงยังไม่ครบกำหนดระยะเวลา 8 ปีตามรัฐธรรมนูญมาตรา158 วรรคสี่ จึงให้ยกคำร้องดังกล่าว และให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยมีรายงานว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก6ต่อ3เสียง
เปิดรายชื่อตุลาการผู้ลงมติทั้ง9คน
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับมติ 6 ต่อ3เสียงข้างมากนั้น สำหรับ 6เสียงข้างมาก ประกอบด้วย 1.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม, 2.นายปัญญา อุดชาชน 3.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 4.นายจิรนิติ หะวานนท์ 5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์, และ 6.นายวิรุฬห์ แสงเทียน ส่วน 3เสียงข้างน้อย ประกอบด้วย 1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์และ3.นายนภดล เทพพิทักษ์
มติศาลรธน.ชี้‘บิ๊กตู่’เป็นนายกฯไม่ครบ8ปี
ทั้งนี้ สำนักศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารผลประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ ดังนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170 วรรคสาม ประกอบมาตรา82ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170วรรคสอง ประกอบมาตรา158 วรรคสี่ หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 17/2565) ประธานสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้อง) ดำรงตำแหน่งนายกฯครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158วรรคสี่ ที่บัญญัติว่า“นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะ
เป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจาก ตำแหน่ง”เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา170 วรรคสอง ประกอบมาตรา158วรรคสี่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่วันที่ 24สิงหาคม2565จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา82วรรคสอง ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คำร้องเพิ่มเติม ความเห็นเป็นหนังสือและข้อมูลพร้อมเอกสารหลักฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมไว้ในสำนวนและเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา58วรรคหนึ่ง
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ3 ) วินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามความในมาตรา264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2560 นับแต่วันที่ 6 เมษายน2560 ถึงวันที่ 24สิงหาคม2565 ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ครบกำหนดเวลา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2560 มาตรา158 วรรคสี่ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2560 มาตรา170วรรคสอง ประกอบมาตรา158 วรรคสี่
บิ๊กตู่เคารพศาล/ขอบคุณทุกกำลังใจ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน สำหรับกำลังใจและความปรารถนาดี ที่มอบให้โดยตลอด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พิจารณาและตระหนักมากขึ้นว่าจะต้องใช้เวลาอันมีค่า ที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาล ในการติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ มากมาย ที่ได้ริเริ่มเอาไว้ ให้เดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับบ้านเมือง และสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของเรา โดยจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด และใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นในภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ 3 แกน ที่ได้เคยกล่าวไว้ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ของประเทศให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย และนำพาประเทศ ให้ก้าวไปสู่ยุคทองแห่งความเจริญรุ่งเรืองของคนไทยทุกคน ในวันข้างหน้าสืบเนื่องไป
ทีมกม.ขอทุกฝ่ายเคารพคำวินิจฉัย
เวลา 15.30น.พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา17วรรคสาม ประกอบมาตรา82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ ว่า จากคำวินิจฉัยของศาล พล.อ.ประยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี และท่านยังสามารถปฏิบัติหน้าที่นายกฯต่อได้ โดยไม่เป็นห่วงกระแสจากเรื่องดังกล่าว เพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้อธิบายความเห็นแล้วว่าอย่างไร เหตุผลอย่างไรควรรับฟังและจะต้องเคารพ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรด้วย ขอให้ดำเนินการตามนั้น
ครบ8ปีในปี2568ตามรธน.กำหนดไว้
เมื่อถามว่าหากเริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี2560 หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์สามารถดำรงตำแหน่งได้จนถึงปี2568 ใช่หรือไม่หากลงเลือกตั้ง พล.ต.วิระ กล่าวว่า คงต้องเป็นอย่างนั้นเพราะศาลบอกว่านับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้วันที่ 6 เมษายน2560 แล้วต้องนับไปอีก 8ปี ซึ่งจะครบในปี 2568 แต่เวลาไหนที่ท่านไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือช่วงพักก็คงไม่ได้นับรวม ส่วนการลงเลือกตั้งแต่ไม่สามารถอยู่ได้ครบเทอมของ พล.อ.ประยุทธ์นั้นจะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นั้น ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อถามว่าจากคำวินิจฉัยพอใจหรือไม่ พล.ต.วิระ กล่าวว่า เป็นเรื่องดุลยพินิจของศาล เราพยายามทำดีที่สุดในการแก้ไขข้อกล่าวหาตามที่เราอธิบาย เราต้องเคารพคำวินิจฉัยและคำตัดสินของศาล ซึ่งควรจะต้องถือว่าสิ้นสุดคำครหากับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ทั้งนี้ขอให้ทุกคนรับฟังและขอให้เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าท่านยังสามารถเป็นนายกฯต่อได้จนกว่าจะครบ 8ปีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การชุมนุมหลังจากนี้ ไม่น่าต้องห่วง เพราะเจ้าหน้าที่มีวิธีการดำเนินการอยู่แล้ว
‘บิ๊กตู่’ลั่นเดินหน้าพลิกโฉมประเทศ
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า‘พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ ผมขอแสดงความเคารพอย่างสูง ต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน สำหรับกำลังใจและความปรารถนาดี ที่มอบให้ผมมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสให้ผมได้พิจารณาและตระหนักมากขึ้นว่า ผมจะต้องใช้เวลาอันมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาล ในการติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ มากมาย ที่ผมได้ริเริ่มเอาไว้ ให้เดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับบ้านเมืองและสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของเรา โดยผมจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด และใช้ศักยภาพของผมอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นในภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์3แกนที่ผมเคยกล่าวไว้ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
กลยุทธ์3แกนสร้างอนาคตประเทศ
สำหรับเรื่องการเมืองและประเด็นต่างๆรายวันนั้น ผมจะมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชี้แจงทำความเข้าใจต่อไป เรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง ตามกลยุทธ์ 3แกน ก็คือ การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ของประเทศให้เสร็จสมบูรณ์-ทั้งถนน ทางรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ ตลอดจนโครงการอื่นๆ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ ในการสร้างอนาคตของประเทศ อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับประชาชนทั่วประเทศในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำมาค้าขาย การเรียนรู้และอื่นๆ ด้วยการเข้าถึงระบบออนไลน์ได้อย่างทั่วถึง โครงการต่างๆ เหล่านั้น เป็นโครงการที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนริเริ่มและดำเนินการได้ ในสเกลที่ใหญ่และบูรณาการขนาดนี้ โดยผมได้เริ่มต้นโครงการต่างๆ ด้วยความรอบคอบ เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไป จนบรรลุผลสำเร็จและเปิดให้บริการพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด ดังนั้นแม้ว่าบางโครงการจะไปเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเวลาของรัฐบาลอื่น ก็จะต้องสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยความเรียบร้อย ไม่ติดขัด หรือมีอุปสรรคอันใด เพราะโครงการต่างๆ เหล่านั้น มีความสำคัญอย่างที่สุด เป็นเครื่องรับประกันที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและเปิดโอกาสให้คนนับล้านๆ คน สามารถสร้างความรุ่งเรืองให้กับตัวเองได้
ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทำปท.รุ่งเรือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเต็มไปด้วยความท้าทาย โครงการต่างๆ เหล่านั้น ยิ่งมีความสำคัญมากเป็นทวีคูณ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถพลิกฟื้นการทำมาหากินและสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ ในวิถีทางที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต ด้วยการเปิดตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับการค้าขายผลผลิตทางการเกษตรด้วยราคาที่สูงขึ้น การเปิดช่องทางการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ สำหรับสินค้าและบริการอื่นๆ การช่วยให้เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ด้วยต้นทุนที่ถูกลง ตลอดจนช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังช่วยกระจายนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ใหม่ๆได้อีกด้วย ทั้งนี้ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาและในหลายๆ ประเทศ การลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์นั้น เป็นจุดพลิกผันสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศนั้นๆและในทิศทางเดียวกัน เมื่อโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เรากำลังทำอยู่นี้ เสร็จสมบูรณ์ ก็จะสามารถพลิกโฉมประเทศไทย และนำพาประเทศของเรา ให้ก้าวไปสู่ยุคทองแห่งความเจริญรุ่งเรืองของคนไทยทุกคน ในวันข้างหน้าสืบเนื่องไป วันนี้...เราเดินหน้ามาไกลและถูกทิศทางแล้วครับ เราต้องช่วยกันทำให้เสร็จครับ’
‘บิ๊กตู่’เข้ากลาโหมรอลุ้นผลศาลรธน.
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งวันเดียวกันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8ปี โดยในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำบุญตักบาตรตามปกติที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา ก่อนที่เวลา 09.42น.พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อปฏิบัติภารกิจในฐานะรมว.กลาโหม
บรรยากาศด้านหน้ากระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในกระทรวงกลาโหม ทำให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศต้องปักหลักเก็บบรรยากาศด้านหน้าทางเข้ากระทรวงกลาโหมอย่างคึกคัก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าในเวลา 15.00 น. ในพิธีรับและส่งหน้าที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว หมายเลขทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงเช้ารัฐมนตรีและบรรดานักการเมือง ได้ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์ให้กำลังใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ขอบคุณครับ
นายกฯออกจากกห.กลับบ้านพักรอลุ้น
เวลา11.49น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางออกจากศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อกลับไปยังบ้านพักภายในกรมทหารราบที่1 มหาดเล็กราชวัลลภรัก พระองค์ (ร.1 ทม.รอ.)เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในเวลา 15.00น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม มีฝนตกลงมาอย่างหนักช่วงสาย โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้รอจังหวะที่ฝนหยุดตกจึงเดินทางกลับ
‘บิ๊กป้อม’ไม่เจอบิ๊กตู่แต่ให้กำลังใจทุกวัน
เวลา 09.25น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ เมื่อถามว่าได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้คุย จะไปเจอกันยังไง เมื่อถามอีกว่า ได้ให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์อย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้กำลังใจทุกวัน แต่ล่าสุดยังไม่ได้คุย
ไม่มีรายงานม็อบ-ไม่รู้นั่งรักษาการต่อ
เวลา 12.30น.พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีมีรายงานสถานการณ์การชุมนุมเข้ามาหรือไม่ ว่า “ไม่มี ไม่มีอะไร”เมื่อถามว่า 38วันในการรักษาราชการแทนนายกฯเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า “จะมาถามอะไรผม ถามคุณเองสิ” ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า ถือว่าเรียบร้อย คลี่คลายเมื่อถามอีกว่า ถ้ารักษาการฯต่อจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ตนยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไง
เมื่อถามว่าจะไปฟังคำวินิจฉัยศาลพร้อม พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม ก่อนขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล กลับมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5จังหวัด เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ครั้งที่4/2565 ในเวลา 14.00น.
ฝ่ายค้านนัดรวมตัวมอนิเตอร์บ่าย2
เวลา10.30น.ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการนัดหมายของฝ่ายค้านเพื่อรอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เราไม่ได้มีการนัดหมายอะไรกันเป็นพิเศษ แต่ใครมาสะดวกก็มาพบกันในเวลา 14.00น.ที่ห้องผู้นำฝ่ายค้าน และหลังคำวินิจฉัยออกมาแล้วก็จะมีการหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป โดยฝ่ายค้านจะฟังคำอธิบายของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ไม่ว่าจะออกมาแนวทางใด ก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอธิบายเพื่อให้สิ้นกระแสความ หากอธิบายได้ดีมีเหตุผล เราก็คงไม่มีอะไร แต่ถ้ายังมีข้อที่ยังคาใจสังคม เราก็จะพิจารณาดูว่าในเชิงวิชาการเราจะแสดงอะไรให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคต เพื่อให้มีการพูดถึงและแสดงความคิดเห็นบ้าง ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นจะอยู่ในกรอบที่เรายอมรับและไม่ละเมิดต่อศาล
“ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่ธุระที่สส.ต้องมาเขียนคำร้องแล้วยื่นศาลและไม่ใช่ธุระที่ประชาชนจะต้องมาตรึงเครียดจนถึงระดับว่า ต้องมาพูดเรื่องรัฐประหาร หรืออาจจะไม่มีเลือกตั้ง ความจริงเรื่องนี้ผมเตือนมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นเรื่องของพล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเท่านั้นที่จะเสียสละ ถ้าตัดสินใจตั้งแต่ก่อนวันที่ 23ส.ค.ที่ผ่านมา บ้านเมืองก็จะไม่ต้องเดินมาถึงจุดนี้ และยิ่งเกิดอะไรขึ้นจากวิกฤตครั้งนี้คนที่จะต้องรับผิดชอบคือพล.อ.ประยุทธ์ที่นำประเทศมาถึงจุดนี้โดยไม่จำเป็น ไม่ควรทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เสียสละคนเดียวจบ นับเลข 1 ถึง 8 คนเดียวจบ นี่คือกรรมของคนไทยที่ผู้นำประเทศเหนียวเก้าอี้มากเกินไป จึงทำให้ประเทศชาติไปสู่ปัญหา ถ้าลดการติดยึดบ้าง ผมว่าบ้านเมืองไม่วิกฤต และไม่ควรมีวันนี้” นายสุทิน กล่าว
พท.ไม่ห่วงอยู่ต่อ-ผุดกลไกตรวจสอบศาล
ด้านพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์ทันทีหลังคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยเสียงข้างมาก 6ต่อ3เสียง ชี้ว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ครบ 8 ปีตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา158วรรคสี่กำหนด จึงให้ยกคำร้องดังกล่าว และให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายในการตีความที่นักวิชาการกฎหมาย และสังคมต้องร่วมกันคิดว่าหลักคิดและเหตุผลในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีเหตุผล ที่สอดคล้องกับบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงช่วยกันทบทวนถึงบทบาทการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะบทบัญญัติที่ให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันทุกองค์กรนั้น ควรจะมีการทบทวนเพื่อสร้างกลไกการตรวจสอบให้เกิดความเหมาะสมอย่างไร
พรรคเพื่อไทยมิได้กังวลว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปจนถึงครบวาระในเดือนมีนาคม 2566 และยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อีก หลังเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า แต่สิ่งที่พรรคห่วงและกังวลก็คือ ปัญหารากเหง้าที่กลืนกินสังคมไทยที่สั่งสมมาตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อแปดปีที่ผ่านมา จะได้รับการเยียวยาแก้ไขเพื่อให้ประเทศกลับคืนสู่สังคมประชาธิปไตย มีหลักนิติรัฐนิติธรรมโดยแท้จริงอย่างไรและที่น่าห่วงกังวลอีกประการคือ บรรทัดฐานความความถูกต้องของการใช้และการตีความรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเห็นว่าน่าจะมีปัญหาแต่ไม่มีกลไกใดที่จะตรวจสอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นโจทก์ใหญ่ที่ทุกคน ในสังคมต้องช่วยกันคิดและหาทางออกต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี