ปชป.คัมแบคแน่นอน! ‘จุรินทร์’ปลุกลูกพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง ลั่น ปชป.สร้างผลงานเกิน 52 เสียง เตรียมขยายนโยบายประกันรายได้คลุมทุกกลุ่ม โวส่งออกโกยเงินเข้าประเทศมากกว่าการท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ตุลาคม 2565 ที่โรงแรมอวานี พลัส เกาะลันตา จ.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดสัมมนารัฐมนตรีและส.ส.พรรค
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดงานว่า ถือเป็นโอกาสพิเศษอีกครั้งที่เมื่อปิดสมัยการประชุมสภาฯ ทุกครั้งเราจะมีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองและกำหนดทิศทางการทำงานต่อไป แต่ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งที่เราจะต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพราะสภาฯเข้าสู่ปีสุดท้ายแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องถือว่าคำวินิจฉัยนี้เป็นปัจจัยหนึ่งในการฉายภาพการเมืองไทย แม้จะเป็นการวินิจฉัยเฉพาะตัวนายกฯก็ตาม แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องฉายภาพบางเรื่อง โดยเฉพาะวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯรวมกันไม่เกิน 8 ปี ให้นับหนึ่งตั้งแต่รัฐธรรมนูญนี้มีผลบังคับใช้วันที่ 6 เม.ย.60
“ดังนั้นหากนับนิ้วดูมาวันนี้ก็ 5 ปี 5 เดือน ถ้าต้องไปครบวาระสภาฯ ก็เดือนมีนาคม 66 ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ได้อีกประมาณ 2 ปี รัฐบาลจึงจะยังเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ภารกิจสำคัญของรัฐบาลในช่วงครึ่งปีสุดท้ายนี้ มี 2 เรื่อง คือ 1.การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค และ 2.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีความสำคัญโดยต้องยอมรับว่าขณะนี้ตัวขับเคลื่อนจีดีพีของไทยที่สำคัญคือการส่งออก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สามารถทำงานร่วมกับภาคเอกชนโดยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในปี 2564 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดการส่งออกได้ถึง 8.5 ล้านล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 9 ล้านล้านบาท มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ ขณะที่เครื่องจักรการท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินหน้าได้เต็มสูบเป็นแค่ตัวเสริม ซึ่งต้องรอจนกว่าสถานการณ์โลกจะคลี่คลาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ตามปกติ การท่องเที่ยวจึงจะมาตีคู่กับการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งนโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสิ่งที่ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจฐานรากโดยตรง ซึ่งในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา สามารถเดินหน้าไปได้แม้เราต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิดและสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกก็ตามแต่3 ปีในการร่วมรัฐบาล ประชาธิปัตย์สร้างผลงานเกินตัว เกิน52 เสียงที่มีอยู่
นายจุรินทร์ กล่าวถึง 2 ภารกิจของพรรคฯ 6 เดือนก่อนสภาฯ หมดวาระ คือ ต้องทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลต่อไป ทั้งในทางการเมืองขับเคลื่อนประเทศ บริหารราชหารแผ่นดินในกระทรวงที่รับผิดชอบ ซึ่งต้องเร่งสร้างผลงาน ต่อเนื่องให้เป็นรูปธรรมและยืนหยัดประโยชน์ส่วนร่วมมั่นใจประชาธิปัตย์เป็นแม้จะมี52 เสียง แต่จะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นที่พึ่งหวังประชาชน กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง และประโยชน์สูงสุด ไม่หวั่นไหว และจุดยืนกรรมการบริหารพรรคก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเรื่อง กยศ. กัญชา และทุกเรื่อง ต้องทำในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
นอกจากนี้ต้องเตรียมการเลือกตั้ง เพราะเหลืออีก 6 เดือน ซึ่งพรรคฯก็เตรียมตัวพอสมควรทั้งเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และแต่งตั้ง คณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้ง ตามโครงสร้างไปแล้ว แต่จะมีคณะทำงานอีกชุดจำนวน 15 คน จากกรรมการบริการพรรค 45 คน ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการเพื่อทำงานตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
“เป้าหมายการเลือกตั้ง คือ ส.ส. เดิมต้องกลับมาทั้งหมด โดยพรรคต้องทุ่มเทสรรพกำลัง เอาพวกเรากลับมาในการเลือกตั้งให้ได้ และต้องทำให้ประชาชนยอมรับมากกว่าเดิม เพราะต้องจับมือและเดินไปข้างหน้า ส่วนภารกิจการเตรียมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ต้องเติมในส่วนที่ขาด และต้องตัดสินใจให้ได้ในส่วนที่ยังไม่ได้ ภายใต้กติกาการเลือกตั้งบัตรสองใบ รวมถึงจะมี นโยบายพรรคและนโยบายภาค โดยขยายนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ไปยังกลุ่มอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะทำให้ตกผลึกโดยเชิญทุกคนมาให้ความเห็นก่อนประกาศเป็นนโยบายพรรคต่อไป ซึ่งตนนี้ทำไปบางแล้วแต่ต้องการให้ทุกคนมามีส่วนร่วมด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นได้ให้รองหัวหน้าภาคทั้ง 9 ภาค เตรียมผู้สมัครให้พร้อม โดยส่งรายชื่อผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ มาให้ตนว่าใครมีความเหมาะสม แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปตามนั้น เพราะต้องผ่านกระบวนการพรรคตามขั้นตอน รวมทั้งขอให้รองหัวหน้าภาคสรุปนโยบายภาค แล้วส่งกลับมาให้กรรมการนโยบายและผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคฯ ภายในสองสัปดาห์
“พรรคประชาธิปัตย์ มีว่าที่ผู้สมัครเดินเข้าพรรคหลายคน ทั้ง มีคนรุ่นใหม่ และมีศักยภาพ ทั้งที่เคยเป็น ส.ส. และเป็นคนรุ่นใหม่ มีความตั้งใจ มีศักยภาพร่วมอุดมการณ์กับพรรคฯ ผมอยู่ในพรรคมาหลายยุค เห็นการเตรียมการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่มีความพร้อมไม่แพ้หลายยุค และพร้อมเดินหน้าก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง เพียงแต่ขอให้ทุกคนช่วยกันทุ่มเท หนักแน่น และเป็นเอกภาพ ผมมั่นใจว่าถ้าเราทำได้แบบนี้ การเลือกตั้งเที่ยวหน้าประชาธิปัตย์คัมแบ็กแน่นอน” นายจุรินทร์ กล่าว
จากนั้นเป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.กระบี่อย่างเป็นทางการทั้ง 3 เขต ได้แก่
1.นายธนวัช ภูเก้าล้วน (เคี่ยง) ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กระบี่ เขต 1 อ.เมือง และเหนือคลอง ซึ่งเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และงานกิจกรรมเพื่อสังคมของตระกูล “ภูเก้าล้วน” ที่ตั้งใจจะพัฒนาผังเมืองกระบี่สู่เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจอันดามันเมืองท่องเที่ยวระดับโลกธุรกิจยุคใหม่
2.นายสาคร เกี่ยวข้อง หรือโกแดง ส.ส.กระบี่ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 อ. อ่าวลึก ปลายพระยา และเขาพนม ซึ่งเป็นส.ส.กระบี่หลายสมัย ตัวแทนของกระบี่ตัวจริง แม่ทัพทีมประชาธิปัตย์กระบี่ พัฒนายกระดับสวนยาง และปาล์มยั่งยืน ผ่าพ.ร.บ.ปาล์ม เปลี่ยนผ่านสู่เกษตรกรปาล์มด้วยนวัตกรรม และพัฒนาระบบชลประทานมุ่งหวังพี่ลูกหลานชาวกระบี่หลุดพ้นจากความยากจน
3.น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กระบี่เขต 3 อ.ลำทับ คลองท่อม และเกาะลันตา ดีกรีดุษฎีบัณฑิตปรัชญารัฐศาสตร์การเมือง มหาบัณฑิตเศรษฐศาสตร์นโยบาย จาก อเมริกา เจ้าของธุรกิจสวนปาล์ม ที่ตั้งใจให้คนกระบี่หลุดพ้นจากความยากจนด้วยความรู้และการทำจริง หวังให้คนกระบี่ได้กินอิ่มนอนอุ่น มีความสุข
-005