‘อนุชา’ชี้‘เดี่ยว13’หลายส่วนไม่เหมาะสม

วิจารณ์รบ.เกินเลย

ถ้าใส่อคติสังคมจะเกิดความเคลือบแคลง

‘จตุพร-ทนายนกเขา’ชื่นชม‘โน้ส อุดม’

รุมอัด‘ศรีสุวรรณ’ร้องบก.ปอท.แก้เกี้ยว

พท.เบรกไม่เปิดตัว‘เศรษฐา’ชิงนายกฯ

“อนุชา” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ย้ำปรับ ครม.เป็นอำนาจ นายกฯ ชี้“เดี่ยว 13” วิจารณ์ไม่เหมาะสม ไม่รู้นายกฯดำเนินคดีหรือไม่ “ศรีสุวรรณ” บุกบก.ปอท.เข้าร้องเรียน หลัง “โน้ส” เดี่ยวไมโครโฟน วิจารณ์ “ลุงตู่”ขณะที่เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย “แบะท่า” ยันไม่ขัดรวมกับ“สร้างอนาคตไทย”

ชี้ต้องเคลียร์อุดมการณ์ให้ชัด ลั่น ต้องไม่เป็นนั่งร้านให้‘เผด็จการ’ ด้าน’เพื่อไทย’ลีลา ยังไม่เปิดตัว‘เศรษฐา’นักธุรกิจดัง นั่งแคนดิเดตนายกฯ อ้างรอ กก.บห.เคาะ ‘ชลน่าน’เย้ยรัฐบาลอยู่ยาวไปเลย ปรับครม.ไร้ประโยชน์ เลือกตั้งประชาชนตัดสิน

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนพรรค พปชร.ที่มี 2ตำแหน่งที่ว่างลงหลังพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ต้องการให้ปรับ ครม.ว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี เมื่อถามย้ำว่า พรรค พปชร.จะปรับ2ตำแหน่งที่ว่าง เพื่อเสริมทัพก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ นายอนุชาย้ำว่า เป็นเรื่องของพรรคและเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกฯ

ส่วนที่ทางฝ่ายค้านเตรียมเสนอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาเหตุการณ์กราดยิง จ.หนองบัวลำภู ในการร่วมกันหาทางป้องกัน นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลมีความพร้อมอยู่แล้วหากจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่การพิจารณาของประธานรัฐสภามากกว่า ขณะที่รัฐบาล โดยนายกฯได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน เพื่อทำงานอย่างเต็มที่ หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจ ยืนยันว่า รัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่

ชี้เดี่ยว13วิจารณ์ ไม่เหมาะสม

นายอนุชา ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีของ นายอุดม แต้พานิช หรือโน้ส อุดม ที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บนเวทีเดี่ยวไมโครโฟน13 ว่า เป็นธรรมดาในเรื่องความคิดเห็นทางการเมืองในระบบประชาธิปไตย ถ้าหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีอคติ หรือพูดเอาสนุก เพราะศิลปินเป็นเหมือนเซเลป ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมติดตามให้ความสนใจ อีกทั้งแต่เดิมทีศิลปินไม่ออกมาพูดเรื่องการเมือง เพราะเป็นผู้ทรงอิทธิพลเรื่องความคิด จึงต้องไปพิจารณาว่า อะไรเกิดขึ้นอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่อุดม แต้พานิช ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้นมองว่า เหมาะสมหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ถ้าความคิดเห็นของทุกคนมีเจตนาบริสุทธิ์ ก็เป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตย และตนเองมองว่ามีหลายส่วนที่ไม่เหมาะสม ในฐานะที่เรามีรัฐบาล หรือผู้นำ บางอย่างที่พูดมีความเกินเลยไปบ้าง แม้’อุดม’ จะเคยวิพากษ์วิจารณ์หลายรัฐบาล แต่เราเห็นได้ว่า มันต่างกัน การวิจารณ์มีความแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเหมือน

ส่วนนายกฯจะดำเนินคดีหรือไม่ นายอนุชา ระบุว่า ตนเองยังไม่ทราบในรายละเอียด ซึ่งนายกฯได้ดูการแสดงครั้งนั้นอย่างคร่าวๆ เห็นเพียงการวิเคราะห์ของสังคมที่แบ่งเป็นฝักฝ่าย ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย”ศิลปิน เมื่อก่อนไม่มีใครมาทำแบบนี้ เพราะเป็นผู้ที่ทำให้สังคมได้คิดเห็นไปในมุมมองได้หลายอย่าง เพราะมีชื่อเสียงที่ต้องระมัดระวัง”อนุชา กล่าว

‘ศรีสุวรรณ’พร้อมร้องเรียนเอาผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าภายหลัง โน้ส อุดม แต้พานิช เดี่ยวไมโครโฟนวิจารณ์รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายประเด็น ส่งผลให้เกิดดราม่าในโลกออนไลน์นั้น ก่อนที่ โน้ส อุดมโพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจติดแฮชแท็ก #กูสะดวกแบบนี้

ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ภาพถ่ายด้านหน้ากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)และติดแฮชแท็ก#กูก็สะดวกที่จะร้องเรียนแบบนี้ พร้อมระบุข้อความ“จัดการกับคนที่หากินกับการบิดเบือนและบลูลี่คนอื่น”

‘วรงค์’ซัดหลอกตัวเอง-สร้างดำเป็นขาว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #การเมืองไทยวันนี้ วันนี้การเมืองไทย ลงมาเล่นกันทั้งตระกูล ถ้าลงมาเพื่อประโยชน์ชาติยังพอรับได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆกลับพยายามสร้างขาวให้เป็นดำ สร้างดำให้เป็นขาว กล้าแม้จะหลอกตนเอง มีหรือที่คนเหล่านี้ จะไม่กล้าหลอกประชาชน บิดเบือนกล่าวหา แม้แต่กระบวนการยุติธรรม แต่ตอนคดีซุกหุ้น หรือลืมถุงขนมที่ศาล กลับไม่พูดถึง กล้าที่จะพูดว่าไม่มีเผด็จการรัฐสภา แต่ออกกฏหมายลักหลับ ตีสามตีสี่ โดยใช้เสียงข้างมาก เพื่อประโยชน์ตนเอง ไม่เรียกเผด็จการรัฐสภา สงสัยต้องเรียก ประชาธิปไตยใบสั่ง ประเทศไทยยังคงวนเวียนกับการเมืองน้ำเน่าของบางตระกูล ที่สร้างคนโกงให้เป็นคนเก่ง พวกข้อสอบรั่วให้เป็นเทพธิดาให้พวกติดยาให้เป็นผู้ชี้นำประเทศ เห็นด้วยกับคำที่ว่า ที่ใดมีการกดขี่ที่นั้นย่อมมีการต่อสู้ ที่ใดมีคนโกหก ที่นั่นต้องมีความจริง ที่ใดที่คนโกงที่นั้นต้องมีการปราบโกง เราต้องไม่ยอมให้การเมืองอยู่ใต้ตระกูลโกง โกหกและกดขี่

หัดย้อนดูอดีตขับเครื่องบินขับไปโกงไป

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มีคนมาค่อนแคะว่า ประเทศไทยมี รปภ.ขับเครื่องบิน ไม่มีความรู้ จึงพาประเทศไปไหนไม่รอด แต่ไม่เคยนึกย้อนกลับไปว่า ประเทศไทยเคยมี รปภ.ขับเครื่องบินมาก่อน ขับไปโกงไปจนรวย แล้วหนีไปเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนเสียงอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้รวยเพราะฝีมือบริหารแต่อย่างใด ต่อมามีน้องสาว รปภ.มาขับแทน ก็ทำน้ำท่วมเครื่องบินและยังทำข้าวสารเน่าฯลฯหนีไปอีกคน รปภ.คนปัจจุบันเคยทำงานให้นักบินทั้ง 2คน เห็นข้อบกพร่อง จึงขับเครื่องบินอย่างระมัดระวัง โดยใช้วิธีตั้งคณะกรรมการหลายๆชุดมาเป็นที่ปรึกษาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ประเทศชาติจึงรอดมาได้ จน7ปีแล้ว ดีนะที่การแก้ไขปัญหาโควิดสำเร็จลงแบบดีเยี่ยม ไม่งั้นคงเอาไปพูดว่า การแก้ปัญหาโควิดพังเพราะไปเอาช่างก่อสร้างมาดูแล แต่ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดปกติ ที่มีคนพูดแบบนี้ เพราะขนาดพระมาขับจานบินเค้ายังเชื่อเลยครับ

พท.ยังไม่เปิดตัว‘เศรษฐา’ชิงนายกฯ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวเตรียมเปิดตัว นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดัง เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ว่า พรรคยังไม่ได้กำหนดถึงขั้นนั้น เรื่องนี้ต้องคุยกันก่อนและต้องมีกระบวนการ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ยังไม่ได้นำเสนอถึงเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเสนอชื่อ นายเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นายประเสริฐกล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะจะเป็นการชี้นำ ต้องเป็นรูปแบบความเห็นของ กก.บห.และแจ้งไปยังพรรค รวมถึงสส.ด้วย ถามอีกว่า ได้ประเมินหรือไม่ว่าชื่อของ นายเศรษฐา ซึ่งเป็นนักธุรกิจจะสามารถขายได้ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน เพราะประชาชนอาจจะชอบนายกรัฐมนตรีอีสาน หรือคนของตระกูลชินวัตร มากกว่า นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงระดับ กก.บห.อย่างไรก็ตาม ต้องรอความชัดเจนก่อน

‘ชลน่าน’โยนแหล่งข่าวช่วยเปิดตัว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมเปิดตัว นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจชื่อดัง เป็น1ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.ว่า ยังไม่มีความชัดเจน พรรคยังไม่มีการพูดคุยกันเลย ส่วนจะมีการพูดคุยในช่วงเวลาใดนั้น ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการ ย้ำว่าคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) รวมถึงทีมยุทธศาสตร์ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ทั้งนี้ นพ.ชลน่านกล่าวติดตลก พร้อมแซวผู้สื่อข่าวกลับว่า“ผมเห็นมีเพียงแค่แหล่งข่าวกล่าวว่าเท่านั้น ผมคงต้องไปถามอีกทีหนึ่ง เขาช่วยเปิดตัวตลอดเลย”

อยู่ยาวไปเลย-เลือกตั้งปชช.ตัดสินเอง

นายสมคิด เชื้อคง สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมจะปรับ ครม.โดยระบุกับพรรคร่วมรัฐบาลให้รออีกนิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะปรับหรือไม่ปรับ ครม.ก็มีผลเท่าเดิม เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร เป็นเพียงแค่แก้ปัญหาให้พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น ที่สำคัญตราบใดที่นายกฯยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งไม่มีประโยชน์อะไร แล้วไม่จำเป็นต้องยุบสภาฯ แล้ว เพราะจะยุบหรือไม่ยุบก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งอายุสภาฯเหลืออีกแค่5เดือน ดังนั้นเชิญอยู่กันตามสบาย อยากอยู่ก็อยู่ไป ประชาชนรอการเลือกตั้งครั้งใหม่เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากประชาชนเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นคำตอบให้รัฐบาลชุดนี้ว่า สิ่งที่พวกท่านทำมาทั้งหมดตอบโจทย์ประชาชนหรือไม่

นายสมคิดกล่าวถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.ที่ปรากฏชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยด้วย ว่า เป็นรายชื่อที่คาดการณ์กันไว้ แต่อย่าเพิ่งไปตื่นเต้นอะไร เพราะอาจจะมีคนอื่นเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมอีกก็เป็นได้ เพราะพรรคพท.มีบุคลากร คนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งอยากเข้ามาร่วมงานกับพรรคจำนวนมาก ดังนั้นขอให้ใจเย็นๆ พรรคพท.เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบ3ชื่อแน่ๆ

พรรคไทยสร้างไทยไม่ขัดรวม’สอท.’

ที่บริเวณอนุสรณ์สถาน14ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม.น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงยุทธศาสตร์การเลือกตั้งว่า หากการคำนวน สส.ใช้สูตรหาร100 โอกาสที่พรรคใหม่และพรรคเล็กจะได้ สส.ถึง25คนตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ชื่อที่เสนอเป็นแคนดิเดทนายกฯมีผลตามกฏหมายได้ยากมาก ทำให้แต่ละพรรคต้องรวมกันถึงจะมีโอกาสมากขึ้น แต่การรวมกันต้องพูดคุยกันอีกเยอะ เพราะหากเป็นปลาคนละน้ำก็รวมกันลำบาก

เมื่อถามว่า พรรคไทยสร้างไทยกับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จะรวมกันได้หรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค สอท.กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ก็เคยทำงานร่วมกันมา โดยสมัยพรรคไทยรักไทย คุณหญิงสุดารัตน์ ดูแลด้านสาธารณสุข สังคม และยาเสพติด นายสมคิด ดูแลด้านเศรษฐกิจและร.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ดูแลด้านกฎหมาย แต่ นายสมคิดเองก็เคยเข้าร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาก่อน จึงต้องดูว่า ที่แยกตัวออกมาจากรัฐบาลเป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์หรืออุดมการณ์ไม่ตรงกัน หากเป็นเพราะอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจจะรวมกันได้ เพราะพรรคไทยสร้างไทยมีจุดยืน ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการ หากจุดยืนตรงกันก็สามารถคุยกันได้และการพูดคุยจะไม่ทำอย่างลับๆ ล่อๆ แน่นอน

รำลึก14ตุลา’ชลน่าน’ชี้ฝังแนวคิดปชต.

ที่อนุสรณ์สถาน 14ตุลา แยกคอกวัว มูลนิธิ14ตุลา ได้จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 14 รูป บริเวณด้านหน้าอาคารอนุสรณ์สถาน14ตุลา พร้อมพิธีกรรมศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม วางพวงมาลา กล่าวรำลึกเหตุการณ์ 14ต.ค.2516 โดยมีผู้แทนพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วม

โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค พท.เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย วางพวงมาลาร่มรำลึกถึงวีรชนจากเหตุการณ์14ตุลาคม2516 เหตุการณ์ปราบปรามเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลปลดปล่อยนิสิต นักศึกษา อาจารย์และนักการเมืองที่ถูกจับกุมฐานเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกรัฐบาลตั้งข้อหาว่า กระทําการผิดกฎหมาย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอคารวะและรำลึกถึง วีรชน14ตุลาทุกคนด้วยจิตศรัทธา การต่อสู้ของวีรชนผู้กล้า ทั้งที่เปิดผู้วายชนม์และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แม้วันนี้ผ่านมา 49 ปีจากเหตุการณ์ดังกล่าว การเมืองไทยจะมีกลไกประชาธิปไตยที่ไม่แท้จริง เป็นประชาธิปไตยที่เป็นเพียงรูปแบบ แต่จากประสบการณ์ของวีรชนผู้กล้าหาญในวันนั้น ได้ก่อรูปร่างสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ฝังแน่นในหัวใจประชาชนส่งต่อสืบทอดมาถึงคนรุ่นนี้

วนเวียนอยู่กับยึดอำนาจ-ลต.-ร่างรธน.

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่าขอระลึกถึงและสดุดีทุกดวงวิญญาณของวีรชนในเหตุการณ์14ตุลา แม้ผ่านมาเกือบ50 ปี แต่การเมืองไทยวนลูปเดิมคือ‘ยึดอำนาจ-ร่างรัฐธรรมนูญ-ผู้นำทหารตั้งพรรค-มีการเลือกตั้ง’ มาถึงจุดนี้ สังคมไทยได้เรียนรู้มากมายจากคณะ“3ป.”เรียนรู้ว่า ผู้มีอำนาจหวงแหนอำนาจ ได้เรียนรู้ว่าผู้นำที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยมีส่วนสนับสนุนมาจาก สว.250คน ไม่มีความยึดโยงกับประชาชน ทั้งนี้ จากหลายเหตุการณ์การต่อสู้ทางการเมือง บทเรียนต้องไม่กลายเป็นบทลืม ทุกคนเรียนรู้ร่วมกันได้และต้องก้าวเดินไปด้วยกัน

ขุนพลปชป.สู้ศึกเลือกตั้ง4จว.ใต้

มีรายงานข่าวจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ได้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 จังหวัดชายแดภาคใต้ เกือบครบ 100% เหลือเฉพาะเขต 2 จ.ยะลา

ทั้งนี้ ในส่วนของ จ.นราธิวาส ดังนี้ เขต 1 นายวัสสันต์ ดือเระ , เขต 2 นายเมธี อรุณ นักร้องนำวงลาบานูน , เขต 3 นายสุลัยมาน มะโซ๊ะ , เขต 4 นายไซลี เจ๊ะหามะ และเขต 5 นายเจะอามิง โตะตาหยง

จ.ปัตตานี เขต 1 นายสนิท นาแว , เขต 2 นายมนตรี ดอเลาะ , เขต 3 ดร.ยูนัยดี วาบา , เขต 4 นายนาวี หะยีดอเลลาะ จ.ยะลา เขต 1 นายประสิทธิชัย พงษ์สุวรรณศิริ , เขต 3 นายณรงค์ ดูดิง ยังเหลือเขต 2 ที่กำลังทำโพลอยู่คาดว่าในเดือน ต.ค. จะได้ว่าที่ผู้สมัครและจ.สตูล เขต 1 นายซอบรี หมัดหมาน และเขต 2 นายเกตุชาติ เกศา

‘นิพนธ์’มั่นใจกวาดที่นั่งส.ส.ใต้เพิ่ม

ด้าน นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ในพื้นที่ 4 จังหวัด 14 เขต ตนเป็นผู้ดูแล มีคนแสดงตัวขอลงสมัคร ส.ส.เขตละหลายคน ซึ่งล้วนมีคุณภาพ จึงยากในการตัดสินใจเลือก จึงต้องมีการทำโพล เพื่อให้ได้คนที่ประชาชนต้องการให้เป็นตัวแทนประชาชนดีที่สุด มีคุณภาพ ขณะนี้ได้ตัวผู้สมัครเกือบครบ 100% แล้ว

“ผมได้ประชุมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 4 จังหวัดทั้งใหม่และเก่าไปแล้ว ให้แนวทางในการหาเสียง โดยเน้นให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เดินเข้าหาประชาชน เพื่อนำเอาผลงานของพรรคชี้แจงที่สัมฤทธิผล โดยเฉพาะนโยบายการประกันราคาสินค้าเกษตร และการประชาสัมพันธ์เชิงรุก มีเครือข่ายโซเซียล กลุ่มเป้าหมายทุกหมู่บ้าน มั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นจากปี 62 จำนวน 1 คนแน่นอน” นายนิพนธ์ กล่าว