ประเด็น “ร้อนระอุทะลักเดือด” ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้อนรับเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก ของสมัยประชุมที่ 2 ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นสมัยประชุมฯ “โค้งสุดท้าย” ก่อนที่จะครบอายุสภาฯ รูดม่านปิดฉากในช่วงสิ้นเดือนก.พ.2566
ประเด็นเดือดดาลที่ว่านั้นคงหนีไม่พ้น ข้อพิพาท “ร้าวลึก” พรรคร่วมรัฐบาลกับศึก “เกาเหลาสายเขียว” ระหว่าง “พรรคภูมิใจไทย” กับ “พรรคประชาธิปัตย์” โดยมี “ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ….” เป็นตัวประกันในการ “แก่งแย่ง แข่งขัน ห้ำหั่น เชือดเฉือน” กันทางการเมือง
“เท้าความ” กันพอสังเขปเล็กน้อย ให้เข้าใจภาพรวม แบบไม่ต้องลงรายละเอียดยิบย่อยมากนัก ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่ค้างเติ่งรอการกลับเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้งในสมัยประชุมนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อสมัยประชุมที่แล้ว ช่วงกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา สภาฯมีมติ “ถอน” ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่กำลังพิจารณาในวาระ2 กลับไปทบทวนใหม่
เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น “ศึกไม่กินเส้น” ระหว่างภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ ที่เป็นหนึ่งในพรรคที่มีส่วนทำให้ร่างฯต้องถูกถอนออกไป บรรดาส.ส.ของพรรคมองว่าเนื้อหาที่เพิ่มจากเดิม45มาตรา เป็น95มาตรา ไม่ได้เป็นไปตามที่ใช้ “เพื่อเฉพาะทางการแพทย์” เท่านั้นและยังทำให้เกิด “กัญชาเสรีสุดขั้ว” อีกด้วย
นั่นทำให้เลยเถิดไปถึงขั้นว่าจะพิจารณาให้กัญชากลับไปเป็น “ยาเสพติด” อีกหรือไม่ ทั้งที่ไฟเขียว “ปลดล็อค” ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่5 มาแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา นั่นจึงทำให้กฎหมายกัญชา กลายเป็น “สุญญากาศ” จนทุกวันนี้
แต่ขอข้ามที่ว่า เมื่อตีกลับไปทบทวนแล้วให้พรรคที่คาใจอย่างประชาธิปัตย์ ชงข้อเสนอกลับมาใหม่ ไปเลย เพราะดูจะไม่ใช่ประเด็นหลัก เหมือนเป็นแค่เกมยื้อเวลา เพราะเรื่องนี้มองกันลึกๆแล้วมันมากกว่าแค่จะมาขวางกันในเรื่อง “ตัวบทกฎหมาย”
แต่อาจเป็นรอยร้าวที่สั่งสมกันมาก่อนหน้านี้ซักระยะว่าด้วยการ “ชิงแย่งพื้นที่ปักธงส.ส.” ของ2พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะทาง “ภาคใต้” เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งรอบหน้าในอนาคตอันใกล้นี้
แต่ก่อนที่จะมาเข้าสู่ประเด็นชิงแย่งพื้นที่ส.ส.ฯ ขอกลับเข้ามาทางฟากฝั่ง “ภูมิใจไทย” ไล่ตั้งแต่หัวหน้าพรรค อย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ไปจนถึง “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เป็น “ประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ” ตลอดจนส.ส.ในพรรค
ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ” 95 มาตรา เขียนมาอย่าง “คลอบคลุม รอบคอบ รัดกุม” อย่างดีจากความเห็นทุกฝ่าย ถือเป็นกฎหมายที่จะช่วยเข้ามากำหนด ควบคุม โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน หรือใครที่ฝ่าฝืนทำไม่ถูกต้อง และยังเป็นการสลายสุญญากาศในช่วงนี้อีกด้วย
ไหนบอกว่า ต้องการ “กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น” และการควบคุมที่เข้มข้น ไม่ให้กัญชามันเสรีสุดขั้วเราก็ทำกฎหมายออกมารองรับแล้ว แล้วทำไมถึงมาขวางให้มันยังเป็นสุญญากาศอยู่ ต้องการอะไรกันแน่
หากกฎหมายนี้ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมนี้ ใครที่ขวางจะต้อง “รับผิดชอบ” ตอบสังคมให้ได้ นี่คือเสียงจากบรรดาภูมิใจไทย ส่งไปถึงประชาธิปัตย์ จนเป็นรอยร้าวถึงทุกวันนี้
สัปดาห์ที่ผ่านมาเราจึงเห็นวิวาทะเดือดๆจาก ทั้ง “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือเป็นแกนนำในศึกเกาเหลาสายเขียว จากทั้ง “ศุภชัย ใจสมุทร” ฟากภูมิใจไทย ที่เป็นประธานกมธ. โต้กลับมาแบบทันควัน
ลามมาจนถึงระดับหัวหน้าพรรค “อนุทิน” กับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ก็ “ฟาดปาก”กระทบชิ่งถึงกันไม่เบา จนฝ่ายหนึ่ง “ข้องใจ” ถึงขั้นถามตรงๆว่า “ปชป. รับงานใครมา”
ขณะที่อีกฝ่ายตอบกลับว่า “รับงานประชาชนมา” พร้อมสวนคืนว่าขอให้ไป “ย้อนถามตัวเอง อย่าใช้แต่อารมณ์” จนสุดท้ายมาจบที่การเอาคืนอีกดอก “เอาเวลาไปดูแลเสาไฟฟ้าดีกว่า” ก็ถือว่ามันส์บันเทิง เจ็บๆแสบๆคันๆตามสไตล์ “การเมืองไทย” แต่แฝงไปด้วย “นัยยะ” มากมายที่สื่อตรงไปถึงการเลือกตั้งรอบหน้า
นั่นทำให้บรรดาสื่อมวลชนสงสัยแคลงใจ ลามกระทบไปถึงประเด็น การช่วงชิงพื้นที่ส.ส.ทางภาคใต้ อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ เพราะที่ผ่านมา ภูมิใจไทย ลงไปตีเจาะฐานเสียง ปักธงตั้งเป้ากวาดส.ส. ทั้ง “แลนด์สไลด์” ทั้ง “ตอกเสาเข็ม” อย่าง “ไม่เกรงใจ” รังใหญ่ฐานที่มั่นที่ประชาธิปัตย์เคยฟูมฟักมาแต่ครั้ง “อดีต”
จนทำให้เกิดเป็นประเด็น “มารยาททางการเมือง” ที่บรรดาส.ส.ของทั้ง2พรรคออกมาฮึ่มๆใส่กัน ในฐานะ “พรรคร่วมรัฐบาล” ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าความร้อนแรงในมุมของ “ภูมิใจไทย” มีมากขึ้นเรื่อยๆ นโยบายกัญชา ที่เป็นนโยบายหลักใช้สร้างชื่อขึ้นมา เริ่มกระหึ่มติดหู เข้าไปอยู่ในใจประชาชน
ภูมิใจไทยมองว่า ไม่จำเป็นต้องมีมารยาททางการเมืองอะไร เพราะเราเน้นทำงานให้ประชาชน ตามสโลแกน “พูดแล้วทำ” ก็วัดกันไปเลยว่าประชาชนจะเลือกใครในการเลือกตั้งรอบหน้า ขณะที่การทำงานในพรรคร่วมกับประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐบาล ก็เป็นอีกส่วน เรียกได้ว่า ช่วยไม่ได้ ถ้า “จะเด่นจะดัง” ด้วยผลงานเข้าตาประชาชน
ยึดคติตั้งมั่นที่ว่า ผู้แทนฯมาจากประชาชน ก็ต้องทำงานหนักตอบแทน แล้วสิ่งเหล่านี้จะตอบสนองออกมาในผลการเลือกตั้งที่จะกรุยทางให้สานต่ออำนาจในการบริหารประเทศ แต่คราวนี้ “อนุทิน” ลั่นแล้วว่า เลือกตั้งรอบหน้า ภท.ขอเป็นแกนหลักเลือกเองบ้าง
แต่ถ้ามองในมุมของ “ประชาธิปัตย์” เอง เขาก็มีสิทธิ์อ้างเรื่องมารยาททางการเมือง ในการร่วมรัฐบาล ก็จะต้องรู้จักหลีกเลี่ยง ไม่ทับทาง ทับซ้อน ทับเส้นกัน และไม่แปลกถ้าเขาจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาฐานที่มั่นในภาคใต้เอาไว้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาธิปัตย์ยังยืนอยู่ได้จนทุกวันนี้
ดังนั้นถ้ามองกันแฟร์ๆ ในเมื่อเกิดศึกเกาเหลาสายเขียวขึ้นมาแล้ว มองในอีกมุมก็คิดซะว่า เป็นการ “คิ้กออฟ” แข่งขันกันทางการเมืองไปเลยดีกว่า วัดกันไปเลยว่าใครจะดีกว่ากัน นโยบายจะแน่กว่ากัน
ถ้าหากกฎหมายกัญชา ได้เข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมนี้ และสามารถผ่านวาระ3ไปได้ และไปเข้าสู่กระบวนการเพื่อนำออกมาบังคับใช้ สถานะความสัมพันธ์2พรรคร่วม ที่ไม่เคยเป็น “คู่กัด” กันมาก่อน ก็คงจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะมีการเคลียร์ใจตกลงกันแล้ว
แต่ดูทรงแล้วขณะนี้ ยัง “แข็ง” ใส่กันทั้ง2ฝ่าย โอกาสถูกขวาง ถูกดอง จนหมดสมัยประชุมฯในต้นปีหน้า แล้วกฎหมายที่ไม่ได้เข้าสู่การพิจารณา ก็ต้องตกไปโดยปริยาย ก็มีโอาสเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะไม่ใช่แค่ประชาธิปัตย์ที่ขวางอยู่ แต่ยังมี “พรรคฝ่ายค้าน” อย่าง “พรรคเพื่อไทย” ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
ถ้าออกหน้านี้ก็คงชัดเจนว่า การช่วงชิงพื้นที่ส.ส.ในภาคใต้ จะมีส่วนสำคัญที่ ภูมิใจไทย กับประชาธิปัตย์ จะต้องมาขับเคี่ยวกันแย่งพื้นที่ “ด้ามขวาน” กฎหมายกัญชา ก็คงจะถูกปรับไปเป็นนโยบายหาเสียงอีกครั้งของภูมิใจไทยที่จะมาสานต่อ
อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบที่ไปตอบประชาชนได้อีกด้วยว่า “พรรคเราผลักดันมาจนเต็มที่แล้วแต่ถูกขวางจนไม่ถึงฝั่งฝัน คงต้องไปถามพรรคที่ขัดขวางเอง ว่าเขาจะมีคำตอบให้อย่างไร” เป็นการโยนความกดดันไปให้พรรคที่ปักหลักขวาง
ซีกประชาธิปัตย์เอง ก็คงจะมีคำตอบไว้สำหรับชี้แจงสังคมไว้แล้วว่าทำไมถึงต้องขัดขวาง จากนี้ต่อไปจึงน่าติดตามอย่างยิ่งว่าสุดท้ายท้ายสุดแล้ว “เดิมพัน” ของทั้ง2พรรค จากต้นเหตุคือ “กฎหมายกัญชา” ที่ไม่ลงรอยหาจุดร่วมไม่ได้ ส่งผลถึงการช่วงชิงพื้นที่สำคัญในการเลือกตั้งทางภาคใต้
อาจจะเป็นจุดชี้ขาดของทั้ง2พรรคว่า ความสัมพันธ์ในอนาคตจะยังพอมีลู่ทางไปด้วยกันได้หรือไม่ รอยร้าวจะได้รับการสมานมั้ย หรือในอนาคตเราอาจจะได้เห็น2พรรคนี้ “อยู่กันคนละขั้ว” ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็น ฝั่ง “รัฐบาล” กับ “ฝ่ายค้าน” ก็เป็นได้
ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ขยักแรกคงต้องจับตาก่อนว่า “กฎหมายกัญชา” ที่รออยู่ในวาระสมัยประชุมนี้ จะได้คัมแบ็คกลับมาพิจารณาหรือไม่ ศึกครั้งนี้อย่ากระพริบตาเป็นอันขาด..!!!
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี