นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5 ระบุว่า เฟสบุ๊คตนเองมีคนติดตามครบ 400,000 คนแล้ว โดยประกาศ ให้หน้าเพจเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน โดยไม่เลือกสี ไม่เลือกข้าง เพื่อเป็นช่องทางเปิดเผยเรื่องราวความไม่ชอบมาพากล คอรัปชั่น อบายมุขทุกรูปแบบ โดยนายชูวิทย์ ยืนยันปกปิดข้อมูลผู้ที่ส่งเรื่องเข้ามา พร้อมอาสารับใช้ประชาชน ด้วยวลีเด็ดทิ้งท้าย "ตราบใดที่ผมยังอยู่ในหน้าที่ ผมก็ทำงานให้คุณ"

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ได้โพสต์รูปตนเอง ใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนคไท หน้าตาขึงขัง พร้อมถือกระดาษ เขียนข้อความว่า "400,000 แล้วครับ" โดยมีสัญลักษณ์ กดไลค์(Like) ข้างๆ ข้อความดังกล่าว และพิมพ์ข้อความตัวใหญ่ ว่า " ใช้ผมเถอะครับ ใช้ให้คุ้ม"

นายชูวิทย์ โพสต์ในเฟซบุ๊คไว้ดังนี้ 

400,000 แล้วครับ

เฟสบุ๊คผมมีจำนวนผู้ติดตามครบ 400,000 คนวันนี้ ผมอยากให้ที่นี่ เป็นเวทีเปิดกว้างสำหรับทุกฝ่าย ได้มาร่วม "แสดงความคิดเห็น" คุณจะสีไหน? พันธุ์ไหน? เป็นใคร? มาแสดงความคิดเห็นกันได้

ทุกความเคลื่อนไหวของสังคม แบ่งปันความคิดเพื่อบ้านเมือง เพื่อสังคมที่ดีกว่า หากคุณต้องการเปิดเผยเรื่องราว ความไม่ชอบมาพากล คอรัปชั่น อบายมุขทุกรูปแบบ ส่งมาให้ผม ผมยินดีเปิดเผยแทนคุณ

ไม่แน่หรอกครับ ตราบใดที่คุณยังอยู่ในประเทศไทย อาจได้พบเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

"ความสุข" มันต้องดั้นด้น จะไปเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง ต้องมีเงิน ต้องเสาะแสวงหา แต่ "ความซวย" มันมาหาเราถึงที่บ้าน

วันหนึ่งคุณอาจต้องใช้ผม

ใช้ผมเถอะครับ ใช้ให้คุ้ม คุณเลือก หรือไม่เลือกผม ตราบใดที่ผมยังอยู่ในหน้าที่ ผมก็ทำงานให้คุณ

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หรือ Davis Kamol เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ที่กรุงเทพฯ หัวหน้าพรรค และ ส.ส.พรรครักประเทศไทย อดีตสมาชิกพรรคสู้เพื่อไทย และอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย
 

ก่อนหน้านี้ เปิดธุรกิจอาบอบนวดหลายแห่งในเครือเดวิสกรุ๊ป และก่อตั้งมูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์ ต่อมาได้เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกมาเปิดเผยเรื่องส่วย เป็นเรื่องที่เกรียวกราว จนได้รับฉายาว่า เสี่ยอ่าง หรือ จอมแฉ จนเกิดผลกระทบกับธุรกิจอาบอบนวด ถูกคดีค้าประเวณีเด็กหญิง อายุต่ำกว่า 18 ปี ในสถานอาบอบนวด

นายชูวิทย์ ได้ก้าวมาสู่วงการเมือง โดยขายหุ้นในอาบอบนวดทั้งหมด แล้วการลงสมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2547 ได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 3 ต่อมาชูวิทย์ นำพรรคต้นตระกูลไทย ที่ตนเองเป็นผู้ก่อตั้ง เข้าร่วมกับพรรคชาติไทยและรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติไทย และได้ลาออกจากพรรคฯในปี พ.ศ.2551เนื่องจากมีความขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในพรรค

ด้วยบุคคลิกของนายชูวิทย์ เป็นที่จดจำได้ง่าย คือพูดจาโผงผาง เสียงดัง ดูจริงจัง และ มีจุดเด่น คือ เปิดโปงพฤติกรรมการทุจริตต่าง ๆ ของตำรวจ เช่น การรีดไถ่ การรับส่วย เป็นต้น เป็นที่เตะตาต้องใจของคนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่สร้างสีสันให้กับวงการการเมือง

ต่อมา นายชูวิทย์ ได้จดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองพรรครักประเทศไทย ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 ซึ่งผลการเลือกตั้ง พรรครักประเทศไทยได้คะแนนเสียงเกือบ 1 ล้านคะแนน ส่งผลให้ได้ ส.ส. เข้าสภาถึง 4 คน ถือเป็นความประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย 

นายชูวิทย์ สมรสกับเคต ดับเบิลยู จอห์นสัน (Kate W Johnson) หญิงชาวแคนาดา-อเมริกัน และมีบุตรด้วยกันสองคน คือ ลีนา กับลีแอน

ต่อมา ชูวิทย์หย่ากับเคตและสมรสใหม่กับงามตา สุขนิรันดร์ มีบุตรด้วยกันสี่คน คือ ต้นตระกูล กมลวิศิษฏ์ (ต้น), เติมตระกูล กมลวิศิษฏ์ (เติม), ตระการตา กมลวิศิษฏ์ (ต๊ะ) และต่อตระกูล กมลวิศิษฏ์ (ต่อ) ตามลำดับ ปัจจุบัน ชูวิทย์กับงามตาแยกกันอยู่