ผบ.ตร.เผยเข้มปลอดภัยประชุมเอเปกคืบกว่า 90% เตรียมเปิดศูนย์อำนวยการร่วม 14 พฤศจิกายนรองผบ.ตร.เชิญหน่วยข่าวกรองถกการข่าวความมั่นคง ติดตามสถานการณ์ ประเมินภัยคุกคามด้านต่างๆ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมขอความร่วมมือชุมนุมพื้นที่ที่แจ้งไว้ กรณียื่นหนังสือถึงผู้นำจัดพื้นที่รองรับไว้ที่ ก.ต่างประเทศ ด้านตำรวจภูธรภาค7 กวาดล้างอาชญากรรม จับหมื่นคดี-อาวุธปืนอื้อ ผู้ต้องหา10,605คน
เมื่อวันที่ 10พฤศจิกายน ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดินเมือง (บน.6) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลัง เดินทางมาส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางไปเข้าร่วมประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่าได้มีการรายงานการเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุม ผู้นำ (เอเปค 2022) ซึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไรไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ขณะนี้มีความพร้อมเกือบทุกด้านแล้วกว่า 80-90%
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เน้นเรื่องการซักซ้อมการดูแลความปลอดภัย เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก่อนถึงวันจริง ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน ในส่วนของปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ ในช่วงระหว่างการประชุมเอเปค ขณะนี้ตำรวจ ได้ดำเนินการระดมกวาดล้าง ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน และปัจจุบันก็มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของอาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข กทม.ได้มีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและจะมีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมอย่างเป็นทางการ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในวันที่ 14พฤศจิกายน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีมาตรการดูแลกลุ่มที่จะมาเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงประชุมเอเปค ในทางการข่าวได้มีการเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบความชัดเจนเรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ แต่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอให้ใช้ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่แสดงออกทางกิจกรรม จึงอยากขอร้องให้ทุกอย่างดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย เพราะการประชุมเอเปกในครั้งนี้มีความสำคัญกับประเทศในฐานะที่เราเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเอเปค2022 ซึ่งกว่าไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำต้องใช้เวลานาน เป็น 20 ปี จึงต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่อยากให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเพราะส่งผลต่อชื่อเสียงของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะในช่วงเวลานั้นผู้นำประเทศต่างๆ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศและนักธุรกิจ จะเดินทางมา จึงอยากให้เกิดความเรียบร้อยและความประทับใจในการประชุม
เวลา 13.30น.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.และพล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. เชิญหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหารและพลเรือน เพื่อประชุมด้านการข่าวความมั่นคง ติดตามสถานการณ์ และร่วมกันประเมินภัยคุกคามด้านต่างๆ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวและการสืบสวน (CCOC) เริ่มตั้งแต่วันที่ 15ต.ค.65 โดยมี 4ภารกิจสำคัญ ได้แก่ 1.การตรวจสอบจุดสูงข่มในพื้นที่ กทม.สถานที่พัก หอประชุม เส้นทางต่างๆ 2.การตรวจสอบและเก็บรวบรวมใบหน้าบุคคลและทะเบียนยานพาหนะ 3.การเตรียมข้อมูลด้านการข่าว จำนวน 25สถานที่ ตลอดจนการป้องกันเหตุร้ายต่างๆ 4.การแสวงหาความร่วมมือภาคประชาชนและการจัดทำโครงการ Stop Walk & Talk ผลการดำเนินการที่ผ่านมาสามารถตรวจสอบ และเก็บข้อมูลด้านการข่าวสถานที่ได้กว่า 100,000 แห่ง ข้อมูลจากโครงการ Stop Walk & Talk กว่า 220,000 ข้อมูล และตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตลอดเส้นทางหลัก เส้นทางรอง จำนวน 113 จุด (เฉพาะพื้นที่ บช.น. 46 จุด ภ.7 จำนวน 48 จุด ภ.8 จำนวน 19 จุด)
ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการประชุมครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งข้อมูล เบาะแส สิ่งผิดปกติต่างๆ ทั้งบุคคล ยานพาหนะ หรือการกระทำที่ต้องสงสัยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบตลอด 24 ชั่วโมง โทร.191 หรือ 1599 ทั้งนี้ หากการแจ้งเบาะแสดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน อันนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา โดยจะพิจารณามอบรางวัลนำจับให้ผู้แจ้งเบาะแสหรือในการให้ข้อมูลกรณีดังกล่าว ในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุมขอความร่วมมือให้จัดการชุมนุมในพื้นที่ที่แจ้งการชุมนุมไว้ กรณีต้องการยื่นหนังสือถึงผู้นำแต่ละประเทศ จัดพื้นที่รองรับไว้ที่กระทรวงต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา จึงขอความร่วมมือจากทุกกลุ่มให้ทำกิจกรรมตามกรอบของกฎหมาย
ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 (ผบช.ภ.7) เปิดแถลงข่าวว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัด 8 จังหวัด และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ระดมออกปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยกำหนดเป้าหมายเน้นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน โดยผิดกฎหมาย และการจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลโดยผิดกฎหมาย ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมของกลาง เกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด จับกุมรวม 1,334 คดี ผู้ต้องหา 1,336คน จำแนกเป็นอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 799 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 276กระบอก กระสุนปืนขนาดต่างๆ 3,486 นัด ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุม 7,430 คดี ผู้ต้องหา 7,415คน จับกุมบุคคลตามหมายจับได้ 1,783 คดี ผู้ต้องหา 1,781 คน สรุปผลการจับกุมทั้งสิ้น 10,620 คดี ได้ผู้ต้องหา 10,605คน
พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวอีกว่า การระดมกวาดล้างอาชญากรรมครั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 7 สนองนโยบายด้านความปลอดภัย จึงระดมกวาดล้างอาชญากรรมๆเน้นไปที่อาวุธปืน และยาเสพติด ก่อนการประชุมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน พร้อมกำชับผู้กำกับต้องอยู่สถานี ห้ามลา และให้ฝ่ายป้องกันปราบปรามทุกสถานีไปให้คำแนะนำ ให้ความรู้การสังเกตบุคคล ต้องสงสัย และสิ่งของต่างๆ ที่วางทิ้งในสถานที่สำคัญ ให้ชาวบ้าน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง หอพัก บ้านเช่า โรงแรม อพาร์ตเมนต์ ช่วยเป็นหูเป็นตา เพื่อป้องกันคนร้ายที่อาจลักลอบเข้ามาก่อสถานการณ์รุนแรง สำหรับอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน หลังพิสูจน์ทราบและสรุปขั้นตอนทางคดีแล้ว จะเสนอขออนุมัติทำลายทิ้ง ส่วนปืนที่มีทะเบียน จะตรวจสอบ พิสูจน์หลักฐาน ยิงเก็บเกลียวแล้วขึ้นบัญชีไว้ว่าเคยมีการนำไปก่อเหตุที่ใดบ้างหรือไม่
“ให้ รอง ผบช.ฝ่ายปราบปราม คุมด้านป้องกัน โดยกำชับให้ตั้งจุดตรวจ หรือด่านถาวร 2จุดบนถนนสายหลักถนนเพชรเกษมพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์และจ.กาญจนบุรี ที่มีพื้นที่ติดชายแดน ส่วนถนนสายรองให้ทุกสภ.ทั้ง 8จังหวัด ตั้งจุดตรวจ เน้นอาวุธปืน วัตถุระเบิด และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ กำชับร้านค้าเคมีภัณฑ์ที่จำหน่ายวัตถุซึ่งอาจนำไปประกอบวัตถุระเบิด หากมีบุคคลแปลกหน้า หรือต้องสงสัยผิดปกติ ให้รีบแจ้ง 191 ทันทีเพื่อให้ชุดสืบสวน ปราบปรามและชุดเฉพาะกิจพิเศษเข้าไปดำเนินการ”พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี