ชำแหละ‘พปชร.’!คลี่ที่มา‘จุดเสื่อมถอย’ เชียร์‘บิ๊กตู่’แยกตัวลุยเลือกตั้ง
30 พฤศจิกายน 2565 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr มีเนื้อหาดังนี้...
ยังไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับก้าวต่อไปของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ที่ค่อนข้างชัดเจนก็คือ พลเอก ประยุทธ์ ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปทางการเมือง และน่าจะเดินหน้าเข้าแข่งขันเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกครั้ง จนกว่าจะครบ 8 ปีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ยังไม่แน่ก็คือ พลเอก ประยุทธ์ จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพรรคใดเท่านั้น
คาดว่าขณะนี้ พลเอก ประยุทธ์ ยังไม่ตัดสินใจว่าจะยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อไปหรือไม่ คงจะต้องรอให้การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคมีความแน่นอนเสียก่อน จึงจะตัดสินใจ
ผมเองไม่ได้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่แรก เหตุผลเพราะรับไม่ได้กับวิธีการดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐที่ไม่ต่างจากพรรคไทยรักไทยในอดีต คือ ดูดเอาอดีตส.ส.จากพรรคต่างๆมารวมกันโดยไม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพมากนัก ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าทำไปเพื่อให้มีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล และคนกทม.และคนจังหวัดอื่นๆที่ไม่เอาคุณทักษิณเป็นจำนวนมากแม้ไม่ชอบวิธีการดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐเช่นเดียวกับผม แต่เป็นเพราะพวกเขากลัวระบอบทักษิณจะได้กลับมาครอบงำประเทศไทยได้อีก
จึงยอมลงคะแนนให้ ที่ยังดีและยังพอรับได้ก็คือ ยังมีผู้ที่ไม่ใช่นักการเมืองรุ่นเก่า และเป็นผู้ที่มีการศึกษาสูง มีความรู้ความสามารถในทางการบริหาร และในทางเศรษฐศาสตร์ นั่นก็คือทีมของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เรียกกันว่ากลุ่ม 4 กุมาร ที่ทำให้รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ยังพอดูดีอยู่บ้าง
วิธีคิดและวิธีบริหารพรรคของ 4 กุมาร คงจะไม่เป็นที่ถูกใจของบรรดานักการเมืองรุ่นเก่าๆที่ถูกดูดเข้าพรรคพลังประชารัฐ และด้วยความผิดหวังเพราะอยากได้เป็นรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เป็นของบรรดานักการเมืองที่ไม่ประมาณตนเอง ในที่สุดกลุ่ม 4 กุมารก็ต้องถูกขับออกจากพรรค จากนั้นมา นักการเมืองเขี้ยวลากดินทั้งหลายก็ได้เข้ามากุมอำนาจพรรคได้สมใจ โดยยกให้ พลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจนถึงปัจจุบัน
นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอยของพรรคพลังประชารัฐในสายตาของผู้ที่เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐ
แน่นอนว่ายังคงมีแฟนพันธุ์แท้ของ พลเอก ประยุทธ์ และ พลเอก ประวิตร จำนวนหนึ่งที่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ยังคงลงคะแนนให้ แต่คนส่วนใหญ่เริ่มลังเลและไม่แน่ใจ ยิ่งในระยะที่ผ่านมา มีการแก่งแย่ง หักหลังกันจนพรรคพลังประชารัฐสั่นคลอน หากไม่มีการแก้ไขแบบเด็ดขาด ก็จะมีผลต่อคะแนนนิยมของตัว พลเอก ประยุทธ์ เอง ซึ่งต้องยอมรับว่าลดน้อยลงกว่าในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วอยู่ไม่น้อย
ผมเองไม่เคยเชียร์ พลเอก ประยุทธ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ชอบ พลเอก ประยุทธ์ ในฐานะเป็น ผบ.ทบ. มากกว่า แต่ครั้งนี้ขอเชียร์ให้ พลเอก ประยุทธ์ ประกาศแยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว ช้าไปก็รังแต่จะทำให้คนคิดว่าเป็นพวกเดียวกันกับนักการเมืองน้ำเน่าเหล่านั้น แล้วไปอยู่พรรคใหม่ซึ่งควรเป็นพรรคที่มีนักการเมืองน้ำเน่ารุ่นเก่าอยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
แต่คงไม่ใช่พรรคสร้างอนาคตไทย
ไหนๆก็ไหนๆแล้วต้องวัดใจคนไทยไปเลยว่า จะยังคงลงคะแนนให้นักการเมืองหน้าเก่าๆที่เป็นนักการเมืองน้ำเน่ากันอยู่หรือไม่ และถ้าพรรคที่เสนอชื่อ พลเอก ประยุทธ์ ชนะเลือกตั้ง หรือสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พลเอก ประยุทธ์ ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งด้วยความสง่างาม แต่ถ้าไม่ชนะ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พลเอก ประยุทธ์ ก็จะได้วางมือทางการเมืองได้อย่างสง่างามยิ่งกว่า เพราะได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เรามาคอยดูกันว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกเส้นทางการเมืองเส้นทางใด อีกไม่นานก็คงรู้กัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี