‘ปิยบุตร’แจงยิบอย่าหาว่าสอนหนังสือสังฆราช ส.ว. ยันร่างปลดล็อกท้องถิ่นแก้ให้มีรัฐเดี่ยว แต่กระจายอำนาจไม่ให้ซ้ำซ้อน ย้อนจะเรียก “ก้าวไกล” หาเสียงก็ไม่ใช่ผิดแปลก เพราะประชาชนเป็นคนเลือก ตอก “กิตติศักดิ์” ถามทำไมเข้าสภาได้ บอกผมแค่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ยังเป็นพลเมืองไทย แม้ท่านจะไม่อยากให้เป็นก็ตาม ล่าสุดยังไม่จบยืดลงมติปลายธ.ค.
30 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 14 หรือร่างฯ ปลดล็อกท้องถิ่น ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 80,772 รายชื่อ เป็นผู้เสนอ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'ส.ว.เสรี'ชำหละร่างรธน.ปลดล็อกท้องถิ่นฉบับ'ทอน-ปิยบุตร' แฉมันคือ'รัฐอิสระ'ดีๆนี่เอง)
เวลา 18.00 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ร่วมเสนอร่างดังกล่าว ใช้สิทธิ์อภิปรายชี้แจงต่อสมาชิกในหลายประเด็น ระบุว่า ร่างปลดล็อกท้องถิ่นที่ นายจเด็จ อินทร์สว่าง สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่าลอกมาจากร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 โดยเฉพาะเรื่องการมีอยู่ของราชการในส่วนภูมิภาค ตนขอเรียนว่ามีสำนักวิชาการทำรายงาน เพื่อเปรียบเทียบว่าร่างฉบับใหม่และฉบับเดิมแตกต่างกันอย่างไร ที่สำคัญมีการเติมเนื้อหาในการจัดระเบียบพื้นฐานการกระจายอำนาจ เพื่อเป็นหลักประกันว่าประเทศไทยจะต้องเป็นรัฐเดี่ยวที่มีการกระจายอำนาจ นอกจากนี้ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นยังมีอำนาจในการจัดทำบริการสาธารณะแบบทั่วไปในท้องถิ่นของตนเอง
“มีการยืนยันชัดเจนว่าที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องอะไร เราจำเป็นต้องเสนอแบบนี้ เป็นสิ่งที่เสนอเข้าไปใหม่ ไม่เช่นนั้นไม่มีสมาชิกอภิปรายโต้แย้งคัดค้านจำนวนมากแบบนี้” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า กรณีที่นายจเด็จ อภิปรายว่า ร่างในลักษณะนี้น่าจะสุ่มเสี่ยงเรื่องกระบวนการ เพราะไม่มีการจัดทำความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ตนขอชี้แจงว่ามีรายงานความคิดเห็นชัดเจน ไม่รู้จะชัดอย่างไรแล้ว
“อย่าหาว่าสอนหนังสือสังฆราช รายงานฉบับนี้จะแจกสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน และเขียนไว้ชัดเจนว่ารายงานแสดงความคิดเห็น ทำโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผมไม่เดือดร้อนเพราะเป็นเพียงผู้ชี้แจง แต่เจ้าหน้าที่สภามีความกังวลก็เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ และทำถูกต้องตามระเบียบ” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร ยืนยันว่า ร่างกฏหมายฉบับดังกล่าวไม่มีการยกเลิกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพราะกำนันผู้ใหญ่บ้านอยู่ในพระราชบัญญัติการปกครองท้องที่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ไม่ใช่ภูมิภาค โดยคำว่าภูมิภาคไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กำนันผู้ใหญ่บ้านมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นอกจากนี้ หากร่างดังกล่าวถูกผลักดันขึ้นจริง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านอาจจะมีสวัสดิการดีขึ้นด้วยซ้ำ อาจจะมีความสุขมากกว่านี้
ส่วนข้อกังวลว่าหากยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคจะกระทบกับความเป็นรัฐเดี่ยว ของนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. นั้น นายปิยบุตร ระบุว่า ความเป็นรัฐเดี่ยวหรือสหพันธรัฐไม่ได้สัมพันธ์ยึดโยงกับราชการส่วนภูมิภาค ยกตัวอย่าง อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่มีรัฐเดี่ยวแต่ไม่มีภูมิภาค
นายปิยบุตร ระบุต่อว่า ข้อเสนอต่างๆที่ทำงานวิจัยรวมทั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติก็เห็นปัญหาเช่นกัน ซึ่งแผนการกระจายอำนาจที่ระบุว่าโอนภารกิจ ไม่ใช่แค่โอนภารกิจ แต่ตามมาด้วยกฏหมายเป็น 100 ฉบับ และหากไม่ยกเลิกก็จะมีอำนาจซ้ำซ้อน ทำให้ต้องเอาให้ชัด
“ให้รัฐสภาไปแก้ให้เสร็จ หากไม่แก้ต้องถือเอาตามว่าท้องถิ่นนั้นมีอำนาจมาก่อน เพราะไม่ฉะนั้นเราก็จะวนแบบเดิม 20 กว่าปีที่ท้องถิ่นก็มีอำนาจ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคก็มีอำนาจ และซ้ำซ้อนกัน ดังนั้น ข้อเสนอเหล่านี้ จึงไม่ได้ไปสนใจว่าเราจะเลิกภูมิภาคหรือไม่เลิก แต่ผมเขียนขึ้นมาเพื่อจัดการปัญหาสภาพการกระจายอำนาจที่ไปไม่ได้สักทีใน 20 กว่าปี จัดการปัญหาอำนาจซ้ำซ้อนกันในส่วนกลางส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น”
ส่วนที่สมาชิกตั้งคำถามว่า เหตุใดถึงเสนอช่วงปลายสมัยการประชุมร่วมสภา เป็นการสร้างกระแสไปหาเสียงหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกหากจะหาคะแนนนิยม
“ทำไมถึงมาทำตอนนี้ สภาหมดอายุแล้ว บางท่านจินตนาการไปไกลถึงขนาดมาสร้างกระแสหรือไม่ หาเสียงหรือไม่ เจตนาใกล้จะเลือกตั้งอยู่แล้วแมาหาเสียงหรือไม่ ผมเรียนแบบนี้ว่าหาเสียงหาคะแนนไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง ไม่ให้เขาหาเสียงจากประชาชน จะไปหาเสียงจาก คสช. เหรอครับ ต้องหาเสียงกับประชาชนเพราะประชาชนเป็นคนเลือกมา” นายปิยบุตร กล่าว
พร้อมระบุว่า แต่ในส่วนของตน ต้องการมาชี้แจงเพื่อนำปัญหาให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภารับทราบ ตนไม่ได้บรรจุวาระการประชุม อำนาจบรรจุวาระการประชุมอยู่ที่สภา ส่วนที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ชี้แจงว่า ผู้เสนอร่างกฏหมายถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเข้ามาสภาได้อย่างไร นายปิยบุตร ชี้แจงว่า เพียงแค่มีสิทธิ์เลือกตั้งก็สามารถเข้ามานำเสนอได้ ตนโดนแค่สิทธิ์ทางการเมือง แต่ยังมีสิทธิ์ในพลเมืองไทย หวังว่าครั้งหน้าหากตนนำเสนอประเด็นอะไรอีก จะไม่มีคำถามลักษณะนี้แล้ว
“ผมโดนเพิกถอนสิทธิ์ต่างๆ เฉพาะแค่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เฉพาะแค่เรื่องสิทธิ์ในการสมัครรับเลือกตั้ง สิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่น รัฐมนตรี แต่ผมยังมีสิทธิ์ในการเป็นพลเมืองไทยเต็มร้อย ยังมีสิทธิ์ในการรักชาติรักบ้านเมืองในการเสนอต่างๆ มีสิทธิ์ในการแสดงอภิปรายความคิดเห็น เพราะผมเป็นคนพลเมืองไทย ผมไม่ได้โดนตัดสิทธิ์ความเป็นคน แม้ท่านอยากให้ผมอยากออกจากพลเมืองไทยก็ตาม” นายปิยบุตรกล่าว
ข่าวจากรัฐสภาแจ้งว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... เกี่ยวกับหมวดการปกครองท้องถิ่นและการกระจายอำนาจ ตามที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า และประชาชน จำนวน 76,591 คน เป็นผู้เสนอ ได้พิจารณากันอย่างกว้างขวาง โดยสมาชิกรัฐสภามีทั้งผู้สนับสนุน และคัดค้าน และยังคงมีการเพิ่มชื่อผู้อภิปรายมาเรื่อยๆ ทำให้วิป 3 ฝ่าย วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน วิปวุฒิสภา ได้หารือและเห็นพ้องร่วมกันว่า จะให้การผู้อภิปรายสิ้นสุดลงประมาณเวลา 21.00น. ให้ผู้นำเสนอร่างฯชี้แจงสรุป
จากนั้น จะปิดการประชุม แล้วไปนัดลงมติในวาระที่ 1 ว่าจะรับหลักการหรือไม่รับหลักการ โดยการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเป็นรายบุคคล ในการประชุมร่วมสภาฯครั้งหน้า คาดว่าน่าจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 20 หรือ 21 ธ.ค.
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี