วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
‘บิ๊กตู่’รักทุกคน
หยอดคำหวานเยือนเชียงราย
เป็นนายกฯของคนไทยทั้งประเทศ
พท.ยื่นซักฟอก 26 ธ.ค.อย่ายุบสภาหนี
“บิ๊กตู่”ยกคณะเยือนเชียงราย ขอทุกคนรัก-สามัคคี เปิดมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีนักเรียนไทย-ญี่ปุ่น ย้ำเป็นนายกฯของคนไทยทั้งประเทศ ด้าน“วิษณุ”เตือนรมต.-สส.แจกของปีใหม่ ยึดกฎเหล็ก180 วัน ของกกต.เคร่งครัด ขณะที่กกต.แพลมอีก 3 เดือนจะครบวาระสภาฯแต่อาจจะมีเหตุอื่นเกิดขึ้นก็ได้ ยืนยันพร้อมช่วยพรรคการเมืองถึงฝั่งฝันเลือกตั้ง ส่วนปมแบ่งเขต ต้องรอกฎหมาย บังคับใช้-จำนวนประชากรสิ้นปี’65‘ฝ่ายค้าน’จ่อยื่นซักฟอกตาม ม.152สัปดาห์หน้าซัด‘บิ๊กตู่’ถ้าชิงยุบสภาก่อน ถือเป็นเรื่องน่าอาย-หนีตรวจสอบ อำพรางสิ่งซ่อนเร้น
เมื่อเวลา 09.40น.วันที่ 21ธันวาคม ที่หอประชุมโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น Thailand-Japan Student ICT Fair 2022 (TJ-SIF 2022) โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ผู้บริหาร ครู นักเรียน จากกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยฯลฯเข้าร่วมด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเดินทางมากับรัฐมนตรีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคปัจจุบันและอนาคต ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ วันนี้อยากจะบอกว่า ดีใจและยินดีมาก ที่มีโอกาสได้กลับมาตรงนี้และได้มาเห็นถึงความก้าวหน้าและความตั้งใจของบุคลากรทางการศึกษาทั้งของไทย
‘บิ๊กตู่’ย้ำร่วมรักสามัคคีเดินหน้าปท.
“สิ่งที่ดีใจอีกเรื่อง ซึ่งเดี๋ยววันนี้จะให้โหลดAppสปาใจให้นายกฯ ด้วย ทำอย่างไรไม่ให้หงุดหงิดไม่ปวดหัวทั้งวัน ซึ่งมันต้องสปาใจสักหน่อย ถ้าวัดคงเกินร้อยแน่เลย เพราะงานมันเยอะ ทำอย่างไรจะไม่ให้ส่งพลังลบออกมาแล้วทำลายตัวเอง วันนี้ผมเห็นรอยยิ้ม เห็นทุกคนมีความสุขผมก็มีความสุขด้วย เมื่อวานผมไปใต้สุดไปสงขลาพัทลุงเยี่ยมอุทกภัยน้ำท่วมนั่นก็อีกมุมหนึ่งของคนไทยของเรา จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทุกจังหวัด วันนี้มาเหนือสุด สิ่งที่ผมต้องทำ เอาเหนือสุด ใต้สุด ตะวันออก ตะวันตกและทั้งหมดรวมเป็นพลังเข้มแข็งขึ้น ประเทศไทยมีโอกาสมากพอสมควร เราต้องร่วมแรงร่วมใจ ร่วมรัก ร่วมสามัคคีกันในการขับเคลื่อนประเทศไทย เพราะประเทศไทยไม่ได้เป็นของใคร แต่เป็นของพวกเราทุกคนที่อยู่มายาวนานหลายร้อยปีมาแล้วจนถึงปัจจุบัน เราต้องรักษาไว้และทำให้ดีขึ้น เป็นแผ่นดินที่มีคุณค่า มีแกนหลักสำคัญ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักชัยเป็นหลักนำทางของพวกเราทุกคน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินทักทายและถ่ายรูปกับนักเรียนทั้งไทยและญี่ปุ่น โดยตลอดเส้นทางนายกฯอารมณ์ดี ทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยู และส่งมินิฮาร์ทให้กับนักเรียนและบุคลากรการศึกษา ก่อนจะเยี่ยมชมนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีระบบบำบัดน้ำเสียอัจฉริยะของนักเรียน การพัฒนาเกมส์ของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่นและเยี่ยมชมนิทรรศการโครงงานแบบโปสเตอร์ของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่นและผลงานนวัตกรรมด้านไอซีทีของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รักทุกคน-เป็นนายกฯของคนทั้งปท.
เวลา 13.15น.ที่สนามกีฬา โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย พล.อ.ประยุทธ์ ได้มาพบประชาชนในนามรวมไทยรักชาติ ที่มารอต้อนรับและกลุ่มชนเผ่าชาติพันธุ์ เช่น ลาหู่ ลีซอ อาข่า ม้ง ที่มาพบนายกฯพร้อมมีการแสดงต้อนรับและได้มอบเสื้อชนเผ่าให้กับนายกฯ และครม.ที่ร่วมคณะได้สวมใส่ โดยนายกฯสวมเสื้อกั๊กชนเผ่าลีซอที่ออกแบบโดยนักดีไซน์รุ่นใหม่ของชนเผ่า ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูแลทุกคน เพราะพวกเราอาศัยอยู่ผืนแผ่นดินไทย เราเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯดูแลทุกคนหมด ขณะเดียวกันประชาชนในนามกลุ่มรวมไทยรักชาติที่สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว สกรีนข้อความว่า รวมไทยรักชาติ รวมถึงเกษตรกรลำไยแปลงใหญ่ มาชูป้ายให้กำลังใจนายกฯ เช่น คนเชียงรายเป็นกำลังใจ , เรารักลุงตู่ , รวมไทยรักชาติ เป็นต้น จากนั้นกลุ่มรวมไทยรักชาติได้ร้องเพลงรักกันไว้เถิด โดยนายกฯร่วมร้องด้วย พร้อมระบุว่า อยากฟังเพลงนี้ ยืนยันเป็นนายกฯของทุกคน จากนั้นนายกฯ ทักทายชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านได้ขอบคุณนายกฯที่ช่วยเหลือจนสำเร็จในยุคนี้ โดยชาวบ้านกล่าวว่า “ทักษินไม่สนเลย แต่มาสำเร็จที่ท่าน”ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า อะไรที่ให้ได้จะทำให้ รักทุกคน เป็นนายกฯของคนไทยทั้งประเทศ
‘วิษณุ’เตือนแจกของยึดกฏเหล็กกกต.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุเครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีสส.ถ่ายรูปคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อทำปฏิทินแจกประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ถือว่าผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ตนยังไม่เห็นปฏิทินดังกล่าว จึงไม่ทราบว่าใครทำอะไร อย่างไร แต่ช่วงนี้ ใครจะทำอะไร ก็อย่าให้ผิดกฎเหล็ก180วัน ที่กกต.ประกาศก็แล้วกัน ซึ่ง180วัน นับย้อนจากวันที่สภาจะสิ้นสุดวาระ ที่กกต.ประกาศไว้ล่วงหน้า เพียงแต่ไม่ได้บอกวันเริ่มต้นกับวันสิ้นสุดไว้เท่านั้น ช่วงนี้ยังอยู่ในกรอบของ180วันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าการจัดทำของแจกในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะต้องระมัดระวังมากน้อยเพียงใดเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายเลือกตั้งนายวิษณุ กล่าวว่า ทำได้ แต่ต้องระมัดระวัง เพราะการแจกตามประเพณีนิยมที่ให้กัน ก็เปรียบเสมือนการไปร่วมงานแต่งงานแล้วได้รับของขวัญงานแต่งมา ซึ่งประเพณีนิยมก็ถือเป็นประเพณีนิยมที่ให้กันแบบพอสมควร อย่างไรก็ตาม การแจกปฏิทินคงไม่เป็นอะไร เพราะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง แต่ถ้ามีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว จะทำไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ดังนั้นจะขึ้นกล่าวอวยพรบนเวทีแต่งงานยังสามารถทำได้ เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นเช่นนี้กรณีของ นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ได้ทำปฏิทินโดยมีรูปคู่กับนายกฯเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในช่วงปีใหม่ ก็ทำได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่กล้าวินิจฉัย เพราะไม่เห็นว่า เขาทำอย่างไร การถ่ายรูปคู่ ก็สามารถทำได้ ไม่น่ามีปัญหา
แนะต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดี
เมื่อถามว่าแต่มีการขึ้นโลโก้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ปฏิทินดังกล่าวนี้ด้วย ทั้งที่นายสายัณห์ ยังเป็นส.ส.พรรคพลังประชารัฐอยู่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา จะถ่ายภาพคู่กับใครก็ช่าง แต่ถ้าจะมีปัญหาก็คือพรรคนั้นเขาฟ้องร้อง ขอให้ศึกษาประกาศกกต.ให้ดี เพราะแต่ละคนเคยหาเสียงมาแล้ว ก็คงรู้อยู่ว่า อะไรทำได้ ทำไม่ได้ ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี หากใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว สามารถทำได้เช่นแจก ไดอารี่ แจกปฏิทิน”เมื่อถามว่าหากกกตคิดเป็นค่าใช้จ่ายพรรคการเมืองนั้นๆในการเลือกตั้งจะคิดย้อนหลังได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งก่อน ช่วงนี้ขอให้เข้มกฎเหล็ก 180วันตามที่กกต.เตือนเอาไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีการฟ้องร้องกันได้ กกต.ก็เลยเตือนและกันเอาไว้ก่อน
‘สายัณห์’แค่คิด-ยังไม่พิมพ์ปฏิทินรูปคู่
ที่รัฐสภา นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงชี้แจงกรณีการจัดทำปฏิทินรูปถ่ายคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีโลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า ยืนยันว่า ยังไม่มีการจัดทำปฏิทิน หรือป้ายไวนิลคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อนำไปแจกประชาชน หรือไปติดตั้งตามถนนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช แม้แต่พิมพ์สักแผ่นก็ไม่ได้ทำ เพราะทราบดีว่าการแจกปฏิทินอาจเข้าข่ายแจกทรัพย์สิน ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นแค่การทำกราฟฟิคออกแบบรูปคู่กับนายกฯ เพื่อเตรียมทำเป็นปฏิทินและป้ายไวนิล แล้วส่งให้เพื่อนดูในไลน์ แต่มีรูปหลุดออกไป ส่วนกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทยและอดีตกกต.ระบุว่า มีความผิดนำโลโก้พรรคอื่นมาแอบอ้างนั้น ยืนยันยังไม่ได้ทำสักแผ่น ให้ไปหาใบเสร็จมาว่า มีการจัดทำไปแล้ว ทราบดีว่า เรื่องนี้หมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย จึงไม่ทำแน่นอน ตนแค่เตรียมการจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ ถือว่าไม่มีความผิด
นายกฯไม่รู้เรื่อง-ให้ว่ากันไปตามกม.
ที่ จ.เชียงราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร.จัดทำปฏิทินรูปคู่นายกฯพร้อมข้อความระบุว่า สวัสดีปีใหม่ พ.ศ.2566 และใส่โลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความผงาดบนเวทีโลก ว่า “เอาล่ะ เดี๋ยวค่อยว่ากันไปตามกฎหมาย”พร้อมกับโบกมือให้พลขับเพื่อเคลื่อนรถรางออกไปในทันที พร้อมกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวแก้ไขได้ ก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่รู้เรื่อง มันจะมาโทษเราไม่ได้หรอก”
ปิดประตูยุบสภาปีนี้รอตัวเลขประชากร
ที่โรงแรมรามา การ์เด้น นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวในการอบรมเชิงปฏิบัติการแนวทางการดำเนินงานแก่สาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด รุ่นที่ (4) ตอนหนึ่งว่า สำหรับการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ต้องมีกฎหมายและระเบียบ ซึ่งระเบียบออกไม่นาน หากกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วและต้องมีเขตเลือกตั้ง โดยการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น สำนักงาน กกต.ยืนยันว่า ทำตามกฎหมาย เพียงแต่อาจจะไม่ถูกใจทางการเมืองในบางพื้นที่บ้าง แต่คิดว่าเรามีคำอธิบาย ขณะนี้มีข้อมูลเขตเลือกตั้งอยู่ที่ส่วนกลาง แต่มีข้อมูลเพื่อเตรียมแบ่งเขตแต่ละจังหวัดที่เตรียมไว้ อาจจะศึกษาภูมิประเทศแต่ละจังหวัดด้วย เพราะเรามีเวลาน้อย ดังนั้นเขตเลือกตั้งจึงเป็นข้อมูลแต่ละจังหวัดที่เตรียมไว้เมื่อมีกฎหมายออกมาบังคับใช้
ทั้งนี้ การแบ่งเขตเลือกตั้งต้องรอ2เงื่อนไขคือ 1.กฎหมายและระเบียบ 2.จำนวนประชากร ณ วันที่ 31ธ.ค. 2565 ซึ่งตอนนี้เรายังไม่มีจำนวนประชากรในมือ แต่ได้ประสานกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้ประกาศข้อมูลประชากรภายในต้นปี66 ไม่เกินวันที่ 10ม.ค.2566 จุดนี้กระทบพรรคการเมือง เพราะทำให้เตรียมคนลงสมัครเลือกตั้งยังไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเขตเลือกตั้งอยู่ตรงไหน ดังนั้นต้องรอเขตเลือกตั้ง เพราะมีความเปลี่ยนแปลงเป็น400เขตเลือกตั้ง จากนี้ไปประมาณ 3เดือน จะครบวาระ แต่ก่อนครบวาระอาจจะมีเหตุอื่นเกิดขึ้นก็ได้ แต่ยืนยันว่าสำนักงาน กกต.พร้อมให้คำตอบ ทั้งเรื่อความรู้และวิธีปฏิบัติให้กับทุกพรรค ขอให้ความมั่นใจว่าสำนักงาน กกต จะร่วมกับพรรคการเมืองเพื่อให้ผ่านไปได้จนถึงวันเลือกตั้งด้วยดี
ฝ่ายค้านยื่นญัตติม.152สัปดาห์หน้า
นพ.ชลน่านศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 ว่า ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่างญัตติเสร็จแล้ว โดยวันที่ 26ธ.ค.จะตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ก่อนจะเข้าชื่อและยื่นญัตติประมาณวันที่ 27-28ธ.ค.65 คาดว่าจะได้อภิปรายช่วงปลายเดือนมกราคม2566และเชื่อว่าในช่วงนั้นจะไม่มีการยุบสภา เมื่อถามว่า จะมีการยุบสภาก่อนการยื่นญัตติหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามกฏหมายสามารถยุบสภาได้ ไม่เหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ที่กำหนดไว้ว่าห้ามยุบสภา ‘ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ เห็นญัตติที่เรายื่นเข้าไป เมื่อสภารับแล้ว แล้วตัดสินใจยุบสภาหนีอภิปรายทั่วไป ที่เพียงเป็นการสอบถามข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ผมว่าเรื่องนี้น่าอายกว่า หนีการตรวจสอบ นั่นแสดงว่าหนีการตรวจสอบเพื่อปิดบังสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ ในสิ่งที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำมาเปิดเผยต่อพี่น้องประชาชนในสภา มันไม่ควรทำสิ่งที่น่าอายเช่นนี้”
ซัดตั้ง’พีระพันธุ์’เอื้อประโยชน์การเมือง
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า สามารถทำได้ ไม่มีกฎหมายใดห้าม ว่า ไม่ควรหรือห้ามแต่งตั้ง แต่การเปลี่ยนแปลงบุคลากรของรัฐโดยเฉพาะฝ่ายการเมืองในตำแหน่งสำคัญช่วงเวลานี้ ที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรเหลืออีกไม่กี่เดือน โดยสามัญสำนึกแล้วถือว่าไม่เหมาะสม และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนเดิมก็มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้บกพร่องอะไร จึงมองว่า การแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานที่ควรจะเป็น ตำแหน่งนี้พูดง่ายๆ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชนเป็นการใช้หน้าที่และอำนาจทางการเมืองเพื่อประโยชน์ถือว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ส่วนจะถือเป็นการครอบงำพรรคการเมืองอื่นอยู่หรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากสมาชิกหรือพรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลภายนอกมาชี้นำ ในการทำกิจกรรมของพรรคการเมือง หรือจะทำให้สมาชิกขาดความอิสระในการทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น ก็ต้องดูว่าการตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองไปเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นกิจกรรมทางการเมืองหรือไม่และต้องดูข้อกฎหมายว่า เข้าข่ายครอบงำหรือไม่
ด้านนายไชยยา พรหมมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณ สภาผู้แทนราษฎรตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนี้อาจมีการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะงบกลางที่อยู่ในอำนาจของนายกฯเพื่อประโยชน์ต่อการเมืองและจากการติดตามมีหลายโครงการในการใช้งบกลางที่ส่อไปในทางทุจริต มีการอบรมให้กับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ดังนั้นตั้งข้อสังเกตว่า จากนี้ไปจะมีการพิจารณาใช้งบกลางในลักษณะนี้
ผิดมารยาท-จี้กกต.สอบครอบงำ
ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง สส.อุบลราชธานี พรรค พท.รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า ตนมองว่า เป็นเรื่องไม่มีมารยาททางการเมือง เนื่องจากคนเป็นเลขาฯก็เหมือนนายกฯน้อย ที่สำคัญเป็นการแต่งตั้งคนที่เป็นนักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง ขณะที่นายกฯเป็นนายกฯในนามพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)
ตนไม่ทราบระเบียบของ กกต.ว่า ลักษณะนี้จะเข้าข่ายครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่และมีอีกประเด็นที่แคลงใจคือ ใกล้ถึงเวลาเลือกตั้งและอายุสภาเหลือไม่ถึง 4เดือน การแต่งตั้งลักษณะนี้ เป็นเรื่องเอาเปรียบ เพราะคนเป็นเลขาธิการนายกฯสามารถอนุมัติได้หลายเรื่องแทนนายกฯย้ำว่าไม่ใช่เป็นนายกฯแล้วจะทำอะไรก็ได้ ใช้อำนาจจนเกินเลย
‘ชนะศักดิ’โต้ไม่แปลก-ลงพื้นที่ช่วยปชช.
นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพท.ออกมาถามหามารยาทการเมืองนายกฯที่ตั้ง นายพีระพันธุ์ เป็นเลขาธิการนายกฯและลงพื้นที่ช่วงปลายเทอมรัฐบาล พร้อมจี้กกต.ตรวจสอบเข้าข่ายครอบงำ เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ ว่า การแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ นายพีระพันธุ์ ทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯอยู่แล้ว ส่วนที่นายกฯลงพื้นที่พร้อม นายพีระพันธุ์ ถือเป็นเรื่องปกติในฐานะเลขาธิการนายกฯ ไม่ได้ไปในนามหัวหน้าพรรค ซึ่งที่ผ่านมานายกฯในลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนในทุกพื้นที่มาตั้งนานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องว่ามาลงพื้นที่ในช่วงปลายเทอมเช่นนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง
เย้ยสมัย’แม้ว-ปู’ตั้งคนในพรรคทั้งนั้น
“นายสมคิด เป็นถึง สส.ควรเข้าใจว่า หากประชาชนในพื้นที่มีปัญหาเกิดความเดือดร้อนก็ต้องลงพื้นที่ เช่นกันกับนายกฯที่ลงพื้นที่ จ.สงขลาและพื้นที่อื่นๆ เพราะขณะนี้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมก็ต้องลงไปช่วยประชาชน หรือว่า สส.เพื่อไทยไม่อยากให้นายกฯลงไปช่วยประชาชน ปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนต่อไปใช่หรือไม่ แต่หากจะมาโจมตี กล่าวหานายกฯ รัฐบาล นำไปเชื่อมโยงประเด็นทางการเมืองผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนก็คือประชาชน ดังนั้นก็ขอให้คิดถึงประชาชนด้วย การที่นายกฯลงพื้นที่ไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เนื่องจากตลอดเวลาการทำงานนายกฯ ได้ลงพื้นที่มาโดยตลอด ไม่ได้มาลงเฉพาะในช่วงปลายเทอมรัฐบาล ก่อนจะพูดให้อายปากนายสมคิดเองและขายขี้หน้าประชาชน ให้คิดไปก่อนว่า สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งคนในพรรคเป็นเลขาธิการนายกฯ ทั้งนั้น เวลาพรรคของตนเองตั้งทำไมไม่เอามาพูดบ้าง ไม่เสียมารยาทเลยหรืออย่างไร ไม่อายยางปาก ช่างกล้ามากล่าวหานายกฯ โดยไม่ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาเจ้าของคอกที่เคยทำอะไรไว้บ้าง
แจ้ง3สส.ลาออก-เลื่อนสส.4คน
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มี สส.ลาออกจากตำแหน่ง 3คน ได้แก่ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งยื่นหนังสือลาออก เมื่อวันที่ 16ธ.ค.น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐและน.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือลาออกเมื่อ20ธ.ค.ทำให้พ้นสมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญ มีประกาศของสภาฯเลื่อนผู้อยู่บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองลำดับถัดไปแทนตำแหน่งที่ว่างลง 4 คน ได้แก่ นางบุศริณธณ์ วรพัฒนานันน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ นาวาตรีสุธรรม ระหงษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายรองรักษ์ บุญศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการกล่าวปฏิญาณตนของส.ส.ก่อนเข้ารับหน้าที่พบว่า มีผู้ร่วมประชุมเพื่อกล่าวปฏิญาณตน ได้แก่ นางบุศริณธณ์ นาวาตรีสุธรรมและนายรองรักษ์ สำหรับสมาชิกสภาฯที่ปฏิบัติหน้าที่ได้มีทั้งสิ้น 439คน
2อดีตสส.พปชร.ย้ายซบ ภท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา11.09น.ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐและน.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ อดีตสส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ล่าสุดได้ลาออกจากการเป็นสส.โดยได้เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เพื่อเตรียมทำงานร่วมกับอดีต สส.กทม.ที่ย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทยก่อนหน้านี้ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร อดีต ส.ส.กทม.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ อดีตประธานภาค กทม.และน.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ บรรยากาศการสมัครสมาชิกมีแกนนำพรรคภท.ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นางกรณิศ และน.ส.ภาดาท์ มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภท.พร้อมจ่ายค่าสมาชิกตลอดชีพ2,000บาท พรรคก็ยินดีต้อนรับ บุคคคลที่มีความสามารถเข้าร่วมงานของพรรคและยินดีจะให้ทั้งคู่ลงสมัครสส.เขต กทม.ในนามพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่16ธ.ค.ที่ผ่านมา มีอดีตสส.กทม.มาสมัครสมาชิกก่อนหน้านี้ 4คนและวันนี้ได้อดีตสส.กทม.เพิ่มอีก 2คน มั่นใจว่า พรรคภท.ในการเลือกตั้งกทม.เที่ยวหน้าจะปักธงได้สส.อย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี