ส.ส.ปชป.ชงกลางสภาใช้ยาแรง แก้กม.ดันโทษ‘ประหารชีวิต’ สางปมจนท.รัฐรับสินบน
29 ธันวาคม 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อน โดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หารือว่า ขอขอบคุณคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เรื่องการบุกจับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แต่ตนขอตั้งข้อสังเกต 5 ประเด็น เพื่อเสนอแนะรัฐบาลนำไปปรับปรุงแก้ไข คือ
1.การประเมิน ITA ของหน่วยงานในปี 2565 ที่หน่วยงานนี้ได้คะแนนประเมินย้อนหลังไปจนถึงปี 2563 ที่ A นั้น แสดงถึงความล้มเหลวในระบบการประเมิน เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงระบบการประเมิน
2.หน่วยงานนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณปีละราว 10,000 ล้านบาท ถ้าระบบเป็นอย่างนี้ ทั้งองค์กรต้องมีคำถามใหญ่ว่างบประมาณเหล่านั้นได้ดูแลพื้นที่ 73 ล้านไร่ 1 ใน 4 ของที่ดินทั่วประเทศ จะมีความปลอดภัยปลอดจากการโกงกินแค่ไหน ดังนั้นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่ควรดูเฉพาะเรื่องการเบิกจ่ายเท่านั้น ต้องไปตรวจสอบการใช้งบประมาณและเส้นทางของเงินที่เดินออกไปด้วย
3.การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่ง แสดงออกถึงการที่ตำแหน่งราชการกลายเป็นสินค้าที่มีการซื้อขายมา เป็นโควตาของผู้มีอำนาจ สิ่งนี้จะต้องหมดไป และต้องมีการจัดระบบการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการที่มีความถูกต้องเป็นธรรมและโปร่งใส ดังนั้นการตรวจสอบในเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น
4.รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 63 กำหนดเรื่องของการปราบปรามคอร์รัปชั่น และปกป้องคนที่แจ้งเบาะแส แต่ขณะนี้ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่จะดูแล จึงขอให้รัฐบาลได้ดำเนินการเรื่องนี้ และขอขอบคุณนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำสักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 9 อุบลราชธานี
5.กฎหมายการปราบปรามคอร์รัปชั่นจะต้องมีความเข้มข้นมากขึ้นมากกว่านี้ จะต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง โดยยกตัวอย่างที่ประเทศจีนจะมีโทษสูงสุดประหารชีวิต และขอเสนอแนะให้มีการปรับให้มีการยึดทรัพย์ด้วย
“ผมขอเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาให้มีการกำหนดโทษผู้ที่เรียกรับทรัพย์หรือรับผลประโยชน์จากเดิมจำคุกไม่เกิน5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท แก้ไขเป็น จำคุกตั้งแต่ 15 ถึง 20 ปีหรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 400,000 คนหรือโทษประหารชีวิต และแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 149 และ 150 เพิ่มเติม ให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สินของผู้นั้นไว้โดยให้ตกเป็นของแผ่นดินเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด นอกจากนี้ขอแนะนำให้แก้กฎหมาย พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 34 โดยเพิ่มอำนาจในการกำหนดหรือให้รางวัลหรือสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแสตามระเบียบ” นายพิสิฐ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี