‘ประธานวุฒิสภา’ รับปฏิรูปประเทศไม่เข้าเป้า เหตุหน่วยงานราชการไม่เอาด้วย ยันลุยทำงานต่อระหว่างรอรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมทำงานกับสภาฯชุดใหม่ ให้คะแนนตัวเอง-ส.ว. 4 ปีทำหน้าที่ได้ดี ชี้แก้รัฐธรรมนูญไม่ผ่านเหตุ ส.ส.-ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย ยัน ส.ว.กดรีโมทสั่งไม่ได้
30 ธันวาคม 2565 นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการวางแนวทางการทำงานของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในปี 2566 ว่า ก่อนจะครบวาระ 5 ปี ก็จะเหลือเวลาอยู่ปีเศษ ได้บอกกับสมาชิกว่าคงจะมีการเปลี่ยนคณะ ส.ส. ทั้ง 500 คนใหม่ และคงต้องทำงานร่วมกับส.ส.ทั้งหมด ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าพรรคการเมืองใดจะได้คะแนนเสียงมาก และประธานรัฐสภาจะมาจากพรรคการเมืองใดเราก็ยังไม่ทราบแน่นอนก็คิดลำบาก แต่ว่าเราก็พร้อมให้ความร่วมมือ ประสบการณ์ที่ผ่านมา 3-4 ปี คิดว่าจะทำงานโดยประสานงานกับสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ได้กฎหมายที่ดี ให้ได้ข้อยุติที่ดีจากญัตติต่างๆ ที่ทั้ง 2 สภาเสนอหรือประชุมร่วมกัน ถ้าเป็นกฎหมายส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามขั้นตอนคือสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อน แล้วจึงมาถึงวุฒิสภา ซึ่งจะเห็นได้ว่า ส.ว.มีส่วนในการแก้ไขและตกลงกันได้จนแทบทุกฉบับ เป็นระบบที่ตนคิดว่าประเทศไทยที่พัฒนาระบบกฎหมายมาจะได้กฎหมายที่ดีบังคับใช้กับประชาชนต่อไป แต่หากมีปัญหามากก็อาจจะไม่ผ่านและต้องยอมรับ
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพอใจกับการทำงานหน้าที่ของสภาและตัวท่านเองหรือไม่ ประเมินอย่างไรบ้าง นายพรเพชร กล่าวว่า ประเมินว่าทำได้ดี อาจจะมีที่จะถูกวิจารณ์ว่าไม่ผ่านก็มีเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีเรื่องที่ผ่านเพียงเรื่องระบบปาร์ตี้ลิสต์ การแก้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่ผ่าน ก็เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนากันต่อไป ตนก็ยอมรับว่าประชาชนหรือผู้ที่เห็นว่าไม่ผ่าน ต้นเหตุมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจ ส.ว. 1 ใน 3 แต่จริง ๆ แล้ว บางครั้งก็ไม่ใช่เกี่ยวกับเสียง ส.ว. 1ใน3 แต่เสียงส่วนใหญ่ไม่ให้เลย ไม่ว่าจะเป็นของ ส.ว.หรือเป็นของ ส.ส.
ต่อข้อถามว่าที่กฎหมายไม่ผ่านเป็นเพราะ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เรามีสิทธิ์ที่จะโหวตเองจริงๆ หรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ตนเป็นประธาน หลายคนเข้าใจว่าตนสามารถไปสั่งการอะไรได้ แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่สมาชิกหรือท่านใดก็ตามเลือกตนมา ก็มองตนในแง่ที่มีประสบการณ์เรื่องนิติบัญญัติมาตั้งแต่สมัยตนยังเป็นหนุ่มๆ อยู่ซึ่งตนบรรจุที่สภา ตั้งแต่สมัยนายมารุต บุนนาค นายชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีใหม่ ตนมาสภาแล้ว เขาก็ไว้วางใจตนที่จะทำงานด้านนี้ ส่วนการเป็นวิปตนก็ไม่ทราบว่าวิปของ ส.ว. จะมีแค่ไหนเพียงไร ก็คงได้เป็นกลุ่มๆ ถ้าเห็นด้วยกันก็ไปทางเดียวกัน แต่ตนมั่นใจว่าไม่เป็นทางเดียวกันไปตลอด
ประธานวุฒิสภา ยังกล่าวถึงการปฏิรูประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่มีความคืบหน้าว่า เราก็ต้องยอมรับว่ากฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศก็มีบางส่วนที่ผ่านไปแล้ว เช่น เรื่องตำรวจ ซึ่งเท่าที่ตนฟังดูก็ยังไม่เป็นที่พอใจ แต่ก็ผ่านไปตอนนี้เรื่องของการศึกษาจะเข้าวันที่ 10-11 ม.ค.66 นี้ รู้สึกว่าขนาดร่างมาก็ยังไม่ค่อยพอใจกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สั้นหน่อยก็ผ่านไป เช่น เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการซ้อมทรมาน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เราทราบดีว่าทางสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นใจกับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทาง ส.ว.ก็ได้พิจารณาดูว่าบางเรื่องต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ ๆ เขาจะต้องมีอำนาจบางอย่าง แต่จะใช้อำนาจเกินเลยไม่ได้ นอกจากนั้นกฎหมายเรื่องการทำแท้งอะไรต่างๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และยังมีกฎหมายคุ้มครองการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งบางเรื่องก็พิจารณาร่วมกัน บางเรื่องก็พิจารณาตามขั้นตอน
เมื่อถามถึงการปฏิรูปประเทศจะไปอย่างไรต่อ และ ส.ว.จะพิจารณาบทบาทของตัวเองต่อไปอย่างไร นายพรเพชรกล่าวว่า พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา เคร่งครัดมาก การที่จะให้เป็นไปตามแผนปฏิรูปประเทศที่กำหนดไว้ ทั้งในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย มี 2 ส่วน คือ ทางกฎหมายก็ทำ แต่ยังไม่เป็นที่พอใจอย่างที่ตนได้บอกแล้วและในส่วนที่เขาต้องดำเนินการโดยไม่ต้องใช้กฎหมายก็มีเยอะ ซึ่งเป็นส่วนที่ยาก หน่วยราชการต่างๆ อาจจะไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้ คิดว่าเป็นการชี้แจงธรรมดา ตามที่มีการชี้แจงกันในทุกปี แต่เรื่องนี้ทาง ส.ว.ให้ความสำคัญมาก
“เท่าที่ผมดู ส.ว.บางส่วนมาจากสภาปฏิรูปประเทศ เขาก็เข้มแข็งและพยายามที่จะดูแลสิ่งเหล่านี้ และคิดว่าจะต้องดำเนินการต่อไป ถึงแม้ว่าเป็นช่วงปิดสมัยประชุม หรือรอชุดใหม่มา ตนบอกสมาชิกแล้วว่าเราต้องทำงานต่อ แม้งานด้านนิติบัญญัติจะทำยังไม่ได้ หรือสภายังไม่มี เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ ที่สามารถจะให้มีการเปิดสภาได้ตามลำดับขั้นตอน แต่ก็ยาก ดังนั้นจึงต้องไปเน้นในเรื่องการปฏิบัติ เช่น ปฏิบัติต่อหน่วยราชการต่างๆ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ถ้าเกิดเขาออกหาเสียงกันเราก็คงต้องหยุดก่อน ถ้าเรียบร้อยแล้วเราค่อยออกไปหาประชาชนต่อ” นายพรเพชร กล่าว
นายพรเพชร ยังกล่าวถึงข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เรื่องการปิดสวิตซ์ ส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อระบบรัฐสภาอย่างไร และจะสนับสนุนหรือคัดค้านหรือไม่ ว่า ตอนนี้ใกล้จะจบวาระแล้ว ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องรีบปิดก็ปิดอยู่ในตัว อยู่อีกปีเศษๆ เท่านั้น ถ้าถามใจตนที่ผ่านมาก็ต้องแล้วแต่สมาชิกทั้ง 2 สภา เห็นอย่างไรก็อย่างนั้น ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางเรื่องเขาก็เกรงกันว่าจะมีปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้ แต่เรื่องนี้ผ่านมาแล้วก็ไม่อยากจะพูดมาก ซึ่งวันที่ 10 -11 ม.ค.66 จะมีเรื่องนี้กลับเข้ามาอีกครั้ง ก็ต้องดูกันไปว่าเขาจะพิจารณาอย่างไร
เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ปิดสวิตซ์ส.ว.มีโอกาสที่ ส.ว.จะปิดสวิตซ์ตัวเองก่อนครบวาระหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ตนพูดแทน ส.ว.ไม่ได้ ตนพูดไปก็จะเป็นประเด็นเปล่าๆ แต่เชื่อมั่นว่า ส.ว.ส่วนใหญ่มีวิจารณญาณว่าจะทำอย่างไรจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตนพูดเสมอว่าเราต้องทำงานเพื่อประเทศชาติ กับสมาชิกก็พูดได้แค่นี้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี