‘ธนกิจการเมือง’ แรงส่งท้าย! กร่อน ‘ระบบสภาฯ’ ลามกระทบ ‘ประโยชน์ชาวบ้าน’ ทำ “กฏหมายสำคัญ” ส่อไปไม่ถึงฝั่ง ‘สายเขียว-LGBT’ กุมขมับรอไร้หลัก
....แม้เข้าสู่ “ศักราชใหม่แห่งปี 2566” แล้ว แต่สำหรับ “สถานการณ์ทางการเมืองไทย” ที่กำลัง “ร้อนแรง” ยังคงน่า “ติดตาม” อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะสถานการณ์แถวๆย่าน “เกียกกาย กทม.”ที่ซึ่งอันเป็นที่ตั้งของ “สัปปายะสภาสถาน” แห่งใหญ่ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ “รัฐสภา” แห่งใหม่นี่เอง
นับจากนี้ไปอีกประมาณร่วม 2 เดือน จรดในวันที่ “28 ก.พ.2566” ก็จะเป็นการ “รูดม่าน” ปิดสมัยประชุมสภาฯ ประจำปี 2565 ครั้งที่ 2 แล้ว
ประกอบกับในวันที่ “23 มี.ค.66” จะเป็นวัน “ครบ” หรือ “หมดอายุ” การทำงานของ “สภาผู้แทนราษฎร” พอดี
และแน่นอนเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายสมัยของทั้ง “รัฐบาลฝ่ายบริหาร” และ “สภาฯ ฝ่ายนิติบัญญัติ” เสียงที่ตามมา “อื้ออึง” คือวาระของการ “ยุบสภา”
“ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร วิเคราะห์-คาดประเมินเอาไว้แล้วว่า ยังไงก็ต้องยุบสภาแน่นอน เพียงแต่อาจจะอยู่ในห้วงระหว่างสิ้นสุดสมัยประชุมสภาฯ 28ก.พ.66 - วันหมดอายุสภาฯ 23มี.ค.66
“ผมมองว่าสภาฯอาจจะอยู่ทำงานครบ 8 สมัย (สิ้นสุดสมัยประชุมฯ28ก.พ.66) แต่จะไม่ครบเทอม ในวันที่ 23 มี.ค.66 ซึ่งการยุบสภาอาจจะเกิดก่อนเพียงสัปดาห์เดียว”
ดังนั้นถ้าแลตามที่ “ประธานชวน” ว่าไว้ ในห้วงระหว่างวันที่ “13-17มี.ค.66” นั่นจึงเป็นสัปดาห์ที่อาจมีการประกาศยุบสภาเกิดขึ้นมาจาก “เบอร์1แห่งทำเนียบรัฐบาล”
ก็คงจะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่ห้วงเวลาศักราช 2565 นี้เป็นต้นไปเลย
แต่ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ โดยเฉพาะทางฝากฝั่ง “สภาผู้แทนราษฎร” ก็ต้องเรียกได้ว่า “3วันหนี4วันล่ม” ตามที่ “สื่อมวลชนประจำรัฐสภา” ตั้งฉายาสภาฯ ส่งท้ายปี 65 ได้อย่าง “ตรงเป้า”
ด้วยเพราะเป็นช่วงปลายอายุ อีกทั้งจะต้องมีการเตรียมพร้อมรับ “ศึกเลือกตั้ง” ที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดว่าไม่เกิน “กลางปี 66”
บรรดา “ผู้แทนฯ-ส.ส.” ก็ต่างเฮโลกันย้ายพรรคเพื่อแต่งตัวรอเป็นสมาชิกซบ “มุ้งการเมืองใหม่” ตามดีลแบบฉบับ “ธนกิจการเมือง” โดยการไป “ลาออก” จากการเป็นส.ส.ในสภาฯที่เชื่อมโยงกับสังกัดเก่า
ทำให้ยอดส.ส.รวมทั้งหมดขณะนี้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯได้ล่าสุด อยู่ที่ 437 คน และด้วยภาพชินตา “3วันหนี4ล่ม” ก็เพราะองค์ประชุมสภาฯยุคนี้ ถือว่า “ล่มบ่อย” มากที่สุดครั้งหนึ่งใน “ประวัติศาสตร์การเมืองไทย” ถึงกว่า 23 ครั้ง
นั่นจึงส่งผลโดยอัตโนมัติ ไปยังการพิจารณา “กฎหมายสำคัญ” ที่เป็นไปด้วยความขลุกขลัก ทุลักทุเล เนื่องด้วยเพราะองค์ประชุมที่หร่อยหรอ ยากที่จะไปต่อในการพิจารณากฎหมายแต่ครั้ง
ถึงแม้ว่า “ประธานชวน” ที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ดูแลควบคุมการประชุมสภาฯแต่ละครั้ง จะยืนยันว่า แม้ในช่วงปลายสมัยประชุมฯ สภาฯจะล่มบ่อยครั้ง แต่สภาฯชุดนี้ถือว่ามีผลงานผ่านกฎหมายมากที่สุดชุดหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่กฎหมายสำคัญๆที่เหลือในห้วงก่อนจะปิดสมัยประชุมสิ้นก.พ.66 นั้น ก็มีไม่น้อย และดูน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งที่จะ “เข็นไปให้ถึงฝั่ง”
โดยเฉพาะ “กฎหมายกัญชา” หรือร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กัญชา กัญชง พ.ศ…. ที่พิจารณาไปได้เพียง 7มาตรา จาก 95มาตรา
ส่อแววว่าจะ “ไปไม่ถึงฝั่ง” เพราะเจอพิษศึกในระหว่าง “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกันเอง คอยเจาะยางอยู่เป็นนิจ จนถึงขนาดออกมาโต้กัน “ไฟแล่บ” รายวัน
การแก้ปัญหาเบื้องต้น จึงทำได้ดีที่สุดแค่เพียงเพิ่มวันประชุมพิเศษ ในช่วงเดือน ม.ค.66 เพื่อเร่งสปีดพิจารณา แต่ไม่ใช่ว่าจะมีกฎหมายกัญชาเพียงอย่างเดียว ยังหนีบไปด้วย “ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต” และ “การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์”
หากกฎหมายกัญชา พิจารณาแล้วไม่ไปถึงไหน ด้วยจะเพราะถูกเตะถ่วง เล่นเกมการเมืองยื้อกันไปมา ก็จะส่งผลไปถึง “ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต” และ “การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” ด้วย เพราะถูกเลื่อนขึ้นมาพิจารณาต่อจากกฎหมายกัญชา
“คอสายเขียว” กับ “กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBT” ที่เกาะติดตามกฎหมายนี้มาตลอด เห็นทีจะต้อง “ทำใจไว้บ้าง” เพราะมีความเสี่ยงสูงที่กฎหมายจะพิจารณาไม่ทันสมัยประชุมนี้ แล้วจะต้องถูกตีตกไปโดยปริยาย
แล้วค่อยไปว่ากันใหม่ ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ที่กฎหมายเหล่านี้ จะถูกกลับไปปรับปรุงเพิ่มเติมเป็นนโยบายให้แต่ละพรรคการเมือง ที่เป็นเจ้าของต้นเรื่องนำไปหาเสียง สู้กันในการเลือกตั้ง พอผ่านขั้นตอนการ “จับขั้วรัฐบาล” ครานั้นค่อยผลักดันกลับเข้ามาใหม่
แต่ก็ใช้เวลาพอสมควร แล้วไม่มีหลักประกันอะไรมารับรอง เพราะสถานการณ์ต่อจากนี้อยู่บนความไม่แน่นอนทั้งสิ้น
ยังดีที่ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของปี 65 มีกฎหมายสำคัญ 5 ฉบับที่ทาง “วุฒิสภา” ส่งมาให้สภาฯแก้ไขเพิ่มเติม แล้วผ่านฉลุยไปได้ทั้ง5ฉบับ มีเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่าง “ร่างพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่…) พ.ศ. …” หรือร่างพ.ร.บ.กยศ.
ที่สุดท้ายแล้วสภาฯจะมีมติ ให้มีการเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี สูตร “ดอกเบี้ยเป็นศูนย์” ต้องฝันสลาย แต่กฎหมายก็ถือว่าลุล่วงได้ไปออกบังคับใช้ตามขั้นตอนต่อไป ถือว่า “ในดีมีเสีย” - “ในเสียก็ยังมีดี” อยู่บ้าง
หลังจากนี้คงจะต้องมาติดตามกฎหมายกัญชา เป็นพิเศษ เพราะขณะนี้อยู่ในช่วง “สุญญากาศ” ที่กำลังรอกฎหมายเจ้าปัญหานี้ ว่าจะลงเอยอย่างไร
และที่มีการโหมกระแสกันว่า จะนำ “กัญชา” กลับไปเป็น “ยาเสพติด” รวมถึงที่คณะกรรมาธิการฯ มีการตัดทิ้งถ้อยคำในมาตรา 3 ที่ระบุว่า “กัญชาไม่เป็นยาเสพติด” ทิ้ง
ก็อดคิดไม่ได้ว่าเสมือน “แทงกั๊ก” เป็น “เครื่องหมายคำถาม” เอาไว้ในอนาคต ว่าเผื่อเหลือเผื่อขาด หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่วางเอาไว้ ก็จะได้ไม่ต้อง “เจ็บตัว-เปลืองตัว”
สุดท้ายนี้ก็ต้องยอมรับว่า “ธนกิจการเมือง” ที่กล่าวไปข้างต้น ที่คือการเมืองโดยใช้ “อำนาจเงินตรา” ระดมลงทุนไป แล้วถอนทุนคืนตอนที่ได้มีอำนาจ กำลังกัดกร่อนระบบสภาฯ อย่างปฏิเสธไม่ได้
จนลามส่งผลกระทบไปยังเรื่องที่เป็น “ประโยชน์” ต่อ “ประชาชน” ผ่านการ “ออกกฎหมาย” ในเมื่อ “กฎหมาย” จะผ่านได้ ต้องใช้องค์ประชุม แต่เมื่อระบบสภาฯถูก “ธนกิจการเมือง” เข้าครอบงำ
บรรดาผู้แทนฯถูกซื้อกันด้วย “เงิน” อย่าง ยุ่บยั่บ วิ่งย้ายพรรค สลับขั้ว ย้ายค่าย กันเป็นว่าเล่น จนไม่มีเวลามาเป็นองค์ประชุมสภาฯ ทำให้สภาฯล่มจนจะจมลงไปใต้ก้นพื้นอยู่แล้ว เพราะอำนาจเงินตรามัน “หอมหวาน”
แล้ว “ซือแป๋-กูรูทางการเมือง” ก็ต่างทยอยกันออกมาวิเคราะห์ฟันฉับ! ไปในแทบจะทิศทางเดียวกันว่า “ธนกิจการเมืองในปี66” นี้ จะรุนแรงมากขึ้นๆ
ภาพรวมการเมืองสภาฯในปี 65 ที่ผ่านมาจึงเป็นดั่งที่ทุกท่านเห็นกันมาตลอดปี นี่ขนาดแค่เริ่มต้นกลับมาเข้าสู่ยุค “Money Politic” ยังวิ่งกัน “ขาขวิด”ขนาดนี้
เห็นทีก็คงจะได้แต่ภาวนา ขอให้มี “สิ่งดีๆ” เกิดขึ้นมาบ้างไม่มาก ก็น้อย….
ทีมข่าวการเมืองรายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี