‘สุชาติ’เตือนรมต.หนีกระทู้ต้องมีเหตุผล ด้าน’ก้าวไกล’ถล่ม’รฟท.’ผลาญงบ33ล้านเปลี่ยนป้ายสถานีบางซื่อฉะแพงเกินเหตุใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ‘ศักดิ์สยาม’แจงเปลี่ยนชื่อตามประเพณี
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 มกราคม 2566 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ตั้งกระทู้ถามสดนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรณีประกาศคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เกี่ยวกับผลการประเมินคุณธรรม ความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงมหาวิทยาลัย แต่ปรากฏว่า นายอเนกติดภารกิจไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้
ทำให้นายโกวิทย์ กล่าวว่า น่าเสียดายที่รัฐมนตรีไม่ได้มาตอบ เพราะสถานการณ์ความโปร่งใสภาครัฐที่มีการประเมิน และเปิดเผยระดับผลคะแนนเป็นที่สนใจของประชาชน มีบางหน่วยได้ผลการประเมินระดับดีเด่น แต่ดูเหมือนมีความย้อนแย้งเช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ผลการประเมินระดับเอ แต่ยังมีเรื่องอื้อฉาวอย่างที่ประชาชนได้ทราบ ส่วนมหาวิทยาลัยมีอยู่ 20 กว่ามหาวิทยาลัยที่ไม่ผ่านเกณฑ์ สิ่งอยากถามรัฐมนตรีคือ ผลการประเมินที่ย้อนแย้งกันสัมพันธ์กับแนวปฏิบัติเรื่องธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยหรือไม่ ซึ่งนายสุชาติได้ฝากให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปดำเนินการว่า หากจดหมายหรือหนังสือที่รัฐมนตรีขอเลื่อนตอบกระทู้ ตามข้อบังคับต้องระบุเหตุผล ความจำเป็นที่ขอเลื่อน ไม่ใช่ขอเลื่อนเฉยๆ โดยไม่บอกเหตุผล ขอให้ช่วยเตือนไปด้วย
จากนั้นเป็นการพิจารณากระทู้ถามสดของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ที่สอบถามนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กรณีการเปลี่ยนชื่อป้ายสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่มีมูลค่าก่อสร้างสูงถึง33 ล้านบาท โดยนายจิรัฏฐ์ถามว่า ราคาก่อสร้าง 33 ล้านบาท แพงเกินไปหรือไม่ อยู่ดีๆทำไมขอเปลี่ยนชื่อ ป้ายเดิมใช้แค่ 3ปี ยังใหม่อยู่ จะเปลี่ยนชื่ออย่างไร ก็ยังเรียกชื่อสถานีกลางบางซื่อเหมือนเดิม เหตุใดต้องเร่งเปลี่ยนชื่อทันที เมื่อได้รับพระราช ทานชื่อ จนต้องใช้วิธีจัดซื้อเฉพาะเจาะจง ได้บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ติดตั้ง หลังจากที่รฟท.เพิ่งประกาศราคากลางมา 2สัปดาห์
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีหนี้ 2แสนล้านบาท แต่ยังเปลี่ยนป้ายชื่อให้มีหนี้เพิ่ม ถือว่าเกินกว่าเหตุ เอาเงินมาใช้สุรุ่ยสุร่าย มือเติบเกินไป ทราบว่า บริษัท ยูนิคฯที่ได้งานนี้ รฟท.เพิ่งแพ้คดีให้บริษัทฯที่ฟ้องรฟท. 7,500ล้านบาท เมื่อปลายเดือนพ.ย.2565 ปกติถ้ามีคดีพิพาทขนาดนี้ อย่าว่าแต่แค่จ้างกลับมาทำงาน หน้าก็ยังไม่อยากมอง แต่กลับเปิดโอกาสให้บริษัท ยูนิคฯได้งาน อัยการเคยเตือนให้รฟท.ประนีประนอมกับบริษัท ยูนิคฯ แต่รฟท.ไม่ทำ ถือว่าปล่อยปะละเลยให้เกิดความเสียหาย ใครจะรับผิดชอบ ส่วนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำไมต้องรอ 15วัน การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นสูตรสำเร็จเอาตัวรอดแบบไทยๆ สุดท้ายรอดกันหมด
ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า รายละเอียดวงเงินการเปลี่ยนป้ายชื่อ 33ล้านบาท ประกอบด้วย 1.งานรื้อถอนป้ายสถานีกลางบางซื่อเดิม 6.2 ล้านบาท 2.งานติดตั้งกระจกและโครงกระจกอลูมมิเนียมใหม่ทั้งหมด มีราคาสู.สุด 24.3 ล้านบาท 3.งานออกแบบ 4.งานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนกระจกระหว่างเปิดใช้งาน 1.6ล้านบาท ยืนยันไม่ได้ว่าราคา 33ล้านบาท ถูกหรือแพง เพราะไม่ใช่คนกำหนดราคา แต่ทุกคนไม่ได้ต่างกันในการเข้าถึงข้อมูล
นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ส่วนการเปลี่ยนชื่อป้ายเป็นเรื่องประเพณีปฏิบัติ เพื่อความเป็นมหามงคล ไม่ใช่ความต้องการของตน เหมือนการเปลี่ยนชื่อสนามบินหนองงูเห่า เป็นสนามบินสุวรรณภูมิ หรือสถานที่ราชการหลายแห่งก็ดำเนินการลักษณะนี้เช่นกัน ขณะที่การต้องจ้างบริษัท ยูนิคฯเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะโครงการสถานีกลางบางซื่ออยู่ในระยะประกันสัญญา จึงต้องให้บริษัท ยูนิคฯที่เป็นผู้ก่อสร้างเดิมในโครงการเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนกรณีที่รฟท.แพ้คดีบริษัท ยูนิค 7,500ล้านบาทนั้น คดียังไม่ถึงที่สุด รฟท.ดำเนินการอุทธรณ์คดีอยู่ ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร จะแจ้งให้ประชาชนทราบแน่นอน ไม่มีปกปิด ผิดคือผิด ถ้าถูกก็ต้องดำเนินการต่อ ขอเวลาตรวจสอบเล็กน้อย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี