‘วีระกร’ ยาหอม ‘ภูมิใจไทย’ หลังเลือกตั้งเป็น ‘แกนนำจัดตั้งรัฐบาล’ กวาดส.ส.ไม่ต่ำกว่า 120 ที่นั่ง คาดไทม์ไลน์ หาก ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯต่อ เหลือเวลาแค่ 10 เดือนด้วยอำนาจวุฒิสภา จากนั้น ‘อนุทิน’ เสียบต่อทันที แจงย้ายซบ ‘ภท.’ เหตุทำงานคล่องตัวกว่า
11 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นายวีระกร คำประกอบ อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าสมาชิกพรรคภูมิใจไทยว่า คงไม่มีการชวนใครมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคเก่าที่อยู่กับเขามาถึง 4 ปี เป็นพรรคที่ดี ไม่ใช่ว่าเราออกมาด้วยเหตุผลเป็นพรรคที่ไม่ดี หัวหน้าพรรคก็ใจดีแต่สิ่งที่ตนต้องขออนุญาตว่าทำไมต้องย้ายมาพรรคภูมิใจไทยขอให้เหตุผล 2 ข้อเรามีความคล่องตัวการทำงานการเมืองมากกว่าเราเจอกันในสภา เป็นนักการเมืองด้วยกันเจอกันอยู่ตลอดมีอะไรปรึกษาหารือกันได้ตลอด แต่ถ้าอยู่พรรคเดิมอาจจะต้องใช้เวลาที่จะพบกับหัวหน้าพรรค เมื่อนั้นมื้อนี้ถึงจะได้พบไม่ได้พบกันแบบง่ายๆ ข้อที่ 2 ตนมั่นใจในนโยบายพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะเรื่องที่ตนชอบใจมากและสนับสนุนมาตลอดก็คือเรื่องที่ไม่ยอมขายหรือต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับผู้ถือสัปทาน เพราะอีกไม่กี่ปีจะกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว
เมื่อถามว่า ได้ลาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเก่าหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า จริงๆตนคุยกับพล.อ.ประวิตรมา 2-3 เดือนแล้ว ตนพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจแล้วว่าตนมีปัญหาอะไรในเรื่องงาน อย่างที่เล่าว่าตนไม่ค่อยคล่องตัวในการที่จะทำงานอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หลายๆเรื่องจะทำอะไรต้องรอฟังหัวหน้าพรรคก่อน การรอบางทีมันนานเกินไปมันไม่คล่องตัว ต้องเข้าตามระเบียบเขาซึ่งไม่เหมือนนักการเมืองจะเจอกันทุกวันในการประชุมสภา
เมื่อถามว่า แต่ตอนหลังพล.อ.ประวิตร ได้แต่งตั้งเป็นรองผอ.พรรค นายวีระกร กล่าวว่า เมื่อตนพูดไปแล้วหัวหน้าพรรคคงเข้าใจแล้วว่าตนจะลาออกท่านจึงให้ตำแหน่งนี้มา ตนก็เรียนกับท่านว่าอย่างนั้นตนจะเริ่มทำงานเลย เพราะตนเข้าใจว่าจะเข้าพบได้ง่ายแล้ว
เมื่อถามว่า แล้วฟางเส้นสุดท้ายคืออะไร นายวีระกร กล่าวว่า ฟางเส้นสุดท้ายคือท่านบอกว่า “จะทำอะไรให้มาขอผมก่อน” ตนเข้าใจการไปพบผู้ใหญ่ต้องรอ แต่นักการเมืองด้วยกันไม่ต้องรอ คล่องตัวกว่า แต่สิ่งที่คุยหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้ความเมตตา เข้าใจในเรื่องของเกษตรกรโดยเฉพาะเรื่องโรงงานปุ๋ย ตนมาคุยกับนายอนุทินเรื่องนี้เลยชวนตนมาช่วยพรรค
นายวีระกร กล่าวว่า เมื่อนายอนุทินชวนมาตนก็มีความรู้สึกว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคภูมิใจไทยถ้าดูจากจำนวนส.ส.ที่จะเกิดขึ้นเรียกว่าไม่ต่ำกว่า 120 คน และในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยจะมี ส.ส.ถามว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่ 100 กว่าคนอีกแล้วเหรอ ซึ่งก็ทราบกันดีว่าพรรคพลังประชารัฐแบ่งเป็น 2 พรรคคือเป็นพรรคพลังประชารัฐเดิมกลับพรรคพลังประชารัฐใหม่คือรวมไทยสร้างชาติ ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะเหลือเท่าไหร่ตนคงตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาส.ส.ย้ายพรรค แต่ไปพอสมควร เพราะฉะนั้นยังไงพรรคภูมิใจไทยที่มีจำนวนส.ส.มากที่สุด
“เมื่อวุฒิสมาชิกมีอำนาจตามมาตรา 272 ที่จะยกมือเลือกนายกฯได้ในรัฐสภาแล้ว คือวันที่ 6 เม.ย.2567 คือพูดง่ายๆว่า หลังจากตั้งรัฐบาลใหม่แล้วไม่ถึงปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สมมุติได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกฯต่อ ก็จะอยู่ได้โดยที่มีอำนาจวุฒิสมาชิกยกมือสนับสนุนอีกประมาณแค่ 10 เดือน เพราะฉะนั้นต่อจาก 10 เดือน ผมเชื่อว่าจะเป็นโอกาสของพรรคภูมิใจไทย” นายวีระกร กล่าว
เมื่อถามว่า หมายความว่านายอนุทิน จะเป็นนายกฯต่อพล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่มีส.ส.มากที่สุด คิดเอาเองแล้วกัน แต่ตนมั่นใจว่านายอนุทินจะได้เป็นนายกฯแต่อาจจะ 1-2 ปีจากนี้ คือเป็นต่อพล.อ.ประยุทธ์เลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าอย่างนี้ไม่มีใครพิทักษ์ลุงตู่ ลุงป้อม ในสภาฯเหมือนแต่ก่อน นายวีระกร กล่าวว่า เราอยู่กับพรรคไหนต้องช่วยพรรคนั้น สิ่งที่ตนพูดในสภาจะปกป้องท่านหรือไม่ก็ตามจนปกป้องด้วยเหตุผลไม่เคยไปต่อล้อต่อเถียงกับฝ่ายตรงข้าม แต่จะพูดด้วยเหตุผลลุงตู่เขาก็มีดีทำความดีไว้เยอะท่านคงจะเห็นตอนอภิปรายจะยกย่องว่ามีผลงานที่ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี