เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ห่วงใยสถานการณ์ปาล์มทะลายจากสวนติดคิวรอขาย เนื่องจากโรงสกัดปาล์มและลานเทหยุดการรับซื้อ และถูกกดราคารับซื้อปาล์มทะลายอยู่ในขณะนี้ ได้รับทราบข้อมูลแล้ว จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ในฐานะประธานอนุกรรมการ เร่งตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่
ปรากฎว่า กรณีโรงสกัดปาล์มน้ำมันและลานเทใน จ.สุราษฎร์ธานี , จ.ชุมพร , จ.นครศรีธรรมราช , จ.ตรัง และ จ.กระบี่ จำนวน 22 โรงงาน และพ่อค้าลานเทหยุดรับซื้อปาล์มทะลายในระยะนี้ ทำให้รถส่งปาล์มที่ออกจากสวนปาล์มติดคิว เนื่องจากมีการชะลอการรับซื้อ และถูกกดราคาอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3,900 - 4,100 รีงกิตต่อตัน หรือคิดเป็น กก.ละ 32 บาท รวมทั้งสต็อกน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศจากจากระบบเรียลไทม์ของกรมการค้าภายใน พบว่าระดับสต็อกในวันนี้อยู่ที่ 3.08 แสนตัน หรือ 32.2% ของความจุของแทงค์น้ำมันปาล์มทั่วประเทศ ที่มีอยู่เกือบ 500 แทงค์ และจุน้ำมันปาล์มได้กว่า 9.58 แสนตัน
พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบบัญชีรายชื่อโรงสกัดปาล์มใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย โรงงานใน จ.สุราษฎร์ธานี 7 โรง , จ.กระบี่ 8 โรง , จ.นครศรีธรรมราช 4 โรง , จ.ตรัง 2 โรง และ จ.ชุมพร 1 โรง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการในสมาคมฯ ที่รวมกลุ่มใกล้ชิดสนิทสนมกัน คาดว่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลัง ในฐานะประธาน กนป.ที่กำกับดูแลมาตรการปาล์มน้ำมันทั้งระบบ จึงได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม , ผู้ว่าราชการจังหวัด , ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง บูรณาการตรวจสอบและสืบสวนข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หากพบเข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมาย ให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามบัญชีรายชื่อผู้ประกอบการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวสวนปาล์มในขณะนี้ และเร่งแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องและสร้างการรับรู้ในการตัดปาล์มน้ำมัน และการรับซื้อของโรงงานและลานเท โดยเฉพาะหากพบมีการสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความปั่นปวน และฮั้วกดราคารับซื้อ
ทั้งนี้ ปาล์มน้ำมันเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศ กกร.ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ มาตรา 24 หากพบมีการกระทำที่เข้าข่ายฐานความผิด โดยทำให้เกิดการปั่นป่วนซึ่งราคาสินค้าหรือบริการ ตามมาตรา 29 มีบทกำหนดโทษจำคุกถึง 7 ปี และปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเป็นหน้าที่รับผิดชอบของพาณิชย์จังหวัด และกรมการค้าภายใน ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน
พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด บูรณาการหาสาเหตุและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และให้คณะทำงานระดับจังหวัดเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจของชาวสวนปาล์มและผู้ประกอบการ ทั้งโรงสกัดและลานเท ที่รับซื้อให้ความร่วมมือในการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนปาล์ม ทั้งนี้ ต้องให้รับซื้อปาล์มทะลายในราคาที่เป็นธรรม ตามโครงสร้างราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปตรวจตราโรงงานในพื้นที่ทุกแห่ง ตามมาตรการของ กนป.ที่กำหนดอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มที่ 18% ขึ้นไป รวมทั้งให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหยุดสายการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงของโรงสกัดน้ำมันปาล์มแต่ละแห่งว่าจริงหรือไม่ โดยให้หาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี