รทสช.จัดคิว‘บิ๊กตู่’เดินสายหาเสียง
ลุยทั่วประเทศ
นอกเวลาราชการ-ประเดิม‘ชุมพร’
‘สมชัย-วีระ’เตะเจาะยาง‘รทสช.’
ยื่นร้องกกต.สอบ5ประเด็นร้อน
‘ธนกร’ลาพปชร.ช่วย‘ประยุทธ์’
‘สุดารัตน์’หาเสียงตลาดเยาวราช
ชูนโยบายฟื้นฟูศก.-ดูแลสุขภาพ
“บิ๊กตู่”เยือนราชบุรี ตรวจเยี่ยม การพัฒนาเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนไท-ยวน บอก“สิ่งดีๆมีเยอะ อย่าทำลายกัน” ชาวราชบุรีแห่ชูป้ายเชียร์ให้กำลังใจอบอุ่น“บิ๊กป้อม”ปิดปากปมปาดหน้า“น้องตู่”ลงพื้นที่-ชิง“บัตรประชารัฐ”ขณะที่“พีระพันธุ์”ยันปม“ลุงป้อม”ปาดหน้า“บิ๊กตู่”เข้าใจดีหน้าที่พรรคการเมืองลั่น บัตรคนจน“บิ๊กตู่”เป็นคนคิด ยันใจกว้างพรรคร่วมรบ.นำไปใช้ได้“ธนกร”ลาออกพ้นสส.พปชร.ไปลุยช่วย“ประยุทธ์”นั่งนายกฯอีกสมัย ขอบคุณ“ประวิตร-สมศักดิ์-สุริยะ”มอบโอกาสยังคงเคารพรักอยู่เสมอ งเด็กภท.’จี้ ยุบสภาซัดสภาล่ม!บ่อยผลาญงบมหาศาล รับสภาพ เล็งดันกม.กัญชา หาเสียงรอบหน้า ‘สมชัย-วีระ’ร้อง กกต.สอบ‘รทสช.’5ประเด็นจัดประชุมใหญ่ผิดกม.เลือกตั้งหรือไม่ ขีดเส้นต้องรู้ผลใน 1 เดือน ขู่ฟ้อง 157 หากไร้คำตอบ ‘เอกนัฏ’พร้อมแจงกกต.ยืนยันจัดงานเปิดตัวบิ๊กตู่ ตามกรอบกฎหมายทุกอย่าง มี จนท.กกต.สังเกตการณ์ ขู่ฟ้องกลับฐานลักลอบเอาหมวก-เสื้อ สภาเหลือสส.431คน ‘ฝ่ายค้าน’ชี้กม.กัญชาเดดล็อกชงเลื่อนกม.อื่นถกแทน‘ชวน’สวดยับสส.ทำองค์ประชุมล่ม อย่าหนีปัญหา เหลือ5สัปดาห์
เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 19 มกราคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ.เขตพญาไท ไปยังจุดจอด ฮ.กรมการทหารช่าง (ค่ายภาณุรังษี) ต.พงสวาย อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี เพื่อตรวจราชการ จ.ราชบุรี พร้อมคณะอาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่
‘บิ๊กตู่’นำคณะตรวจเยี่ยมราชบุรี
เวลา15.00 น.นายกฯพร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมการพัฒนาเศรษฐกิจวัฒนธรรมชุมชน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีวัฒนธรรมชุมชนไท-ยวน ที่ชุมชนคุณธรรม และกาดวิถีชุมชนคูบัวที่วัดโขลงสุวรรณคีรี ต.คูบัว อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี โดยมีนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ นายมานิต นพอมรวดี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1พรรคพลังประชารัฐ รอต้อนรับ
ทั้งนี้ เมื่อมาถึงนายกฯเข้าสักการะ พระพุทธศรีสุวรรณภูมิ และนมัสการพระครูใบฎีกาสุพจน์ ธีรว์โส เจ้าอาวาสวัดโขลงสุวรรณคีรี พร้อมถวายจตุปัจจัยให้พระครูใบฎีกาซึ่งพระครูใบฎีกาให้ศีลให้พร พร้อมมอบรูปหล่อจำลอง “ขุนหญิงกวักทองมา”พระแม่ผู้ปันโชคลาภ รุ่นบันดาลโชคลาภ ให้กับนายกฯ ซึ่งคนไทยนิยมเคารพบูชาโดยเชื่อว่าสามารถดลบันดาลโชคลาภให้แก่ผู้กราบไว้บูชา ค้าขายขึ้นและมีเสน่ห์มหานิยมแก่ผู้พบเห็น
บอก‘สิ่งดีๆมีเยอะอย่าทำลายกัน’
จากนั้น นายกฯตรวจเยี่ยมการพัฒนาเศรษฐกิจวัฒนธรรมชุมชน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีวัฒนธรรมชุมชนไท-ยวนซึ่งมีชาวบ้านให้กำลังใจ โดยชมว่า นายกฯ หล่อมาก ซึ่งนายกฯกล่าวขอบคุณที่ให้กำลังใจและกระเซ้ากลับชาวบ้านว่า”อย่าชมมาก เดี๋ยวผมเหลิง” พร้อมขอให้ชาวบ้านค้าขายดี โชคดี
ทั้งนี้ นายกฯได้ลองทำลายขลุ่ย พร้อมกล่าวว่า ต้องใช้ความพยายามสูง ต้องใจเย็นๆ เรามันใจร้อนไปหน่อย ลายเลยออกมาไม่สวย ทั้งนี้ ตอนเด็กๆก็เคยเป่าขลุย ต้องไปหัดใหม่ ก็เคยเล่นอังกะลุงด้วย ก่อนเดินทางออกไปยังจุดถัดไป นายกฯยังกล่าวด้วยว่า”สิ่งดีๆมีเยอะ อย่าทำลายกัน”
‘บิ๊กป้อม’ปิดปากปมปาดหน้าน้องตู่’
ก่อนหน้านี้ ช่วงเช้าผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ตึกบัญชาการ 1ทำเนียบรัฐบาล ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจบภาคภารกิจพล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงข้อสังเกตว่าการลงพื้นที่ตรวจราชการของพล.อ.ประวิตรที่มีกำหนดการไปล่วงหน้าก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จนถูกมองว่า เป็นการปาดหน้าแซงคิวรวมถึงกรณี นายธนกร วังคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้กลับ หลังพรรคพลังประชารัฐเปิดนโยบายเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ เป็น700บาทโดยระบุว่านโยบายดังกล่าวเป็นแนวคิดและผลงานของพล.อ.ประยุทธ์มาตั้งแต่ต้น โดย พล.อ.ประวิตรมีท่าทีเรียบเฉย และส่ายหัว ก่อนเดินขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที
พปชร.แจงบัตรประชารัฐ700บาท
ด้าน ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร.กล่าวถึงนโยบายการเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐเป็น 700บาทต่อเดือน ของพรรค พปชร.ว่า ในปี 2566จะมีประชาชนได้รับสิทธิประมาณ18ล้านคน คนละ 700 บาทต่อเดือน จะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าว มีการคำนวณแหล่งที่มาของงบประมาณว่ามาจากที่ใดแล้ว ในส่วนของบัตรประชารัฐที่ได้ทำมาตั้งแต่ปี61ไม่ใช่มีแค่เงินรายเดือน 200หรือ300บาทเท่านั้น แต่ยังมีสวัสดิการอื่นๆอีก อย่างเช่นค่าแก๊สหุงต้ม ค่าเดินทาง จิปะถะ เราพยายามจัดการสิ่งเหล่านี้ให้สอดคล้องกับความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ บางคนได้ ก็ไม่ได้ใช้ ค่าเดินทางไม่ได้ใช้ แก๊สหุงต้มไม่ได้ใช้ แต่ปัจจุบันสภาวะทางเศษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้อ ไม่ต่างกับประเทศไทย สินค้ามีราคาที่สูงขึ้นมากดังนั้นเงิน200-300บาทต่อเดือน ก็ไม่เพียงพอ เสียงสะท้อนก็ออกมาจากผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่ลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชนต่างก็บอกเงินไม่พอแล้ว
แย้มนโยบายใหม่“ที่ดินประชารัฐ”
“พรรคพลังประชารัฐให้ความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ต้องปรับให้สอดคล้องกับสภาวะกับทางเศรษกิจและปัจจุบัน ให้สู่กับสภาวะเงินเฟ้อได้ และจริงๆในนโยบาย ทั้งหมดไม่ใช่มี แค่ 700 บาท เรายังคงมุ่งหน้าทำการแก้ปัญหา ความยากจนอย่างยั่งยืน หมายความว่าต้องมีการฝึกอบรมให้ 700 บาทเป็นการให้ปลาไปเฉยๆ จะต้องมีการ ให้เบ็ดเขาด้วย แล้วก็สอนวิธีตกปลา จากนี้พปชร.จะมีการแถลงนโยบายออกมาเรื่อย ๆซึ่งคาดว่านโยบายต่อไปที่น่าจะมีการประกาศก็คือ นโยบายที่ดินประชารัฐ” ศ.ดร.นฤมล กล่าว
‘พีระพันธุ์’ชี้ปม‘ลุงป้อม’ปาดหน้า‘บิ๊กตู่’
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพปชร.ปาดหน้าลงพื้นที่ในหลายจังหวัดว่าเรื่องนี้ไม่ได้มองว่าเป็นการปาดหน้าพรรค รทสช.แต่อย่างใด หากใครจะมองเช่นนั้นก็แล้วแต่ สำหรับตน ไม่ได้สนใจ การเมืองใหญ่ ไม่ควรจะมาคิดเล็กคิดน้อย ส่วนตัวไม่ได้ติดใจ ไม่ได้มีปัญหาใดๆ ต่างคนต่างก็ต้องทำงานกันทั้งนั้น เข้าใจดีว่า ทุกพรรคการเมืองก็ต้องลงพื้นที่กันทั้งนั้น เพียงแต่ใครจะลงแบบไหนอย่างไรก็แล้วแต่ เป็นนักการเมือง ก็ต้องหัดใจกว้างกันบ้าง ไม่ใช่มาคิดอะไรจุกจิกๆ
เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมคิดกับเรื่องนี้อย่างไร นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ได้คิด นายกฯไม่ได้คิด นายกฯเข้าใจว่าทุกคนก็ต้องทำงาน เข้าใจดีถึงภาระหน้าที่ของพรรคการเมืองและหน้าที่การเป็นนักการเมืองก็ต้องแบบนี้ ทุกคนก็ต้องหาเสียง ต้องมีความใกล้ชิดประชาชน ทุกพรรคก็มีสิทธิที่จะทำแบบนี้เหมือนกัน
ลั่นบัตรคนจน‘บิ๊กตู่’เป็นคนคิด
ผู้สื่อข่าวถามถึง การแย่งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระหว่าง พรรคพลังประชารัฐ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ได้แย่งหรอก โครงการนี้อันที่จริงมาจากนายกฯที่มาจริงๆมาจากนายกฯและก็ต้องถือเป็นของรัฐบาล เพราะฉะนั้น ทุกพรรคร่วมรัฐบาลก็สามารถใช้ได้หมด แต่ที่สำคัญคือมันเริ่มต้นมาจากนายกฯ แต่มันจะเป็นอย่างไรสุดท้ายขอให้ประชาชนได้ประโยชน์ ก็พอแล้ว
ใจกว้างพรรคร่วมรบ.นำไปใช้ได้
เมื่อถามว่า อย่างนี้แสดงว่าทุกพรรคสามารถนำนโยบายดังกล่าวไปใช้เสนอต่อประชาชน ได้ใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าเป็นนโยบายของนายกฯแต่ว่าทำในนามของรัฐบาล พรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากจะนำไปพูดเราจะไปห้ามได้อย่างไร เพราะเขาก็มีส่วนร่วมในการทำโครงการนี้มา เรื่องแบบนี้อย่างที่ตนบอกแล้วว่ามันก็ต้องใจกว้างกันบ้าง เพียงแต่ว่า ข้อเท็จจริงคือมาจากไหน สุดท้ายก็ขอให้ประชาชนได้ประโยชน์
เมื่อถามว่านายกฯก็ไม่ซีเรียสใช่หรือไม่ หากพรรคพลังประชารัฐจะนำไปใช้ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า “เราก็ใช้ได้ เขาก็ใช้ได้ เพราะมาจากรัฐบาลเหมือนกัน” ส่วนหากพรรค รทสช.จะนำมาใช้ต้องเปลี่ยนชื่อหรือไม่ ก็ต้องมาดูกันอีกทีก่อน แต่บัตรอันนี้ ก็เริ่มต้นมาจากนายกฯ บัตรอันนี้ นายกฯก็เห็นว่ามันสามารถช่วยประชาชนได้อยู่ และคงจะเดินหน้าต่อ เพียงแต่ในรายละเอียด จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน
ยันไม่ใช่มาใช้วิธีเกทับบลัฟกันไป
เมื่อถามว่า หากเดินหน้าต่อแล้วจำนวนเงิน จะบลัฟพรรคพปชร.หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าจะบลัฟอะไรเลย แต่ละคนก็มีสิทธิที่จะคิดอะไร ที่สำคัญ อย่าไปพูดจนไปกระทบงบประมาณแผ่นดิน การหาเสียง ก็ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่พูดจนสุดท้าย จำนวนตัวเลขฐานะการเงินของประเทศไปไม่ได้ อย่างนั้น ไม่ถูกต้อง จะเอางบประมาณส่วนไหนมา ก็ต้องดูด้วย หลักการก็คือการจะเอาเงินใส่ไปในบัตรจะต้องไม่กระทบต่องบประมาณแผ่นดิน ต้องพยายามให้อยู่ในกรอบวงเงินเดิมให้มากที่สุด ไม่ใช่มาใช้วิธีเกทับบลัฟกันไป มันไม่ได้อะไรขึ้นมา ใครๆก็สามารถเบิ้ลกันได้ทั้งนั้น ที่สำคัญทำได้หรือไม่ได้ และกระทบงบประมาณหรือไม่
‘ธนกร’เปิดใจลาออกพ้นสส.พปชร.
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ตนร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐมาและได้เข้ามาเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐนั้น ต้องขอบคุณพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมและนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ที่มอบโอกาสทางการเมืองให้ซึ่งการทำหน้าที่ส.ส.ที่ผ่านมา ตนก็ตั้งใจทำหน้าที่ ส.ส.รวมถึงตำแหน่งต่างๆในสภาอย่างเต็มที่ นับเป็นประสบการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่ได้รับจากผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ไว้วางใจ และมอบหมายในการทำหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันหนึ่งที่เดินมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง ตนจึงต้องกลับมาคิดไตร่ตรองอีกครั้ง ถึงอุดมการณ์ทางการเมือง และความมุ่งหวังที่ตนยังทำไม่สำเร็จในวันนี้ว่า ตนควรจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ยืนยันว่า แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่ตนยังต้องการจะทำเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป ดังนั้น เมื่อตนมองว่าตนยังมีความรู้ความสามารถที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนได้ จึงจำเป็นต้องตัดสินใจว่า จะไปทำการเมืองกับพรรคการเมืองไหนที่จะทำให้อุดมการณ์และความมุ่งหวังของตนประสบผลสำเร็จได้มากที่สุด
ลั่นช่วยงาน‘บิ๊กตู่’นั่งนายกฯอีกสมัย
“พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯที่ทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ บ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า มีผลงานมากมายจับต้องได้ ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ มีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เป็นผู้นำรัฐบาลมีผลงานชัดเจนเป็นรูปธรรม จนนานาชาติต่างให้การยอมรับ ที่สำคัญคือความเมตตาและความไว้วางใจที่ท่านนายกฯมอบให้ตลอดมานั้น ทำให้วันนี้ผมตัดสินใจลาออกจากการเป็นส.ส.พรรคพลังประชารัฐและสมาชิกพรรคฯเพื่อไปช่วยงานท่านนายกฯร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อสานต่อนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการไว้ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่ว่าอย่างไรผมก็ยังคงเคารพรัก พล.อ.ประวิตร ท่านสมศักดิ์และท่านสุริยะอยู่เสมอ ซึ่งเชื่อว่าท่านจะเข้าใจ และยังคงเมตตาผมต่อไป”นายธนกร กล่าว
‘ภท.’จี้ยุบสภา-ซัดผลาญงบมหาศาล
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย(ภท.)กล่าวถึงกรณีองค์ประชุมสภาล่มบ่อยครั้ง โดยเฉพาะล่าสุดในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชงเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมาว่าเหตุสภาล่มเกิดขึ้นก่อนที่ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯเข้าสู่ที่ประชุม เมื่อร่างพ.ร.บ.กัญชาฯเข้าก็ล่มอีก เป็นการสูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุเพราะการประชุมสภาแต่ละสัปดาห์ สภาต้องจ่ายเงินให้กับสมาชิกที่เดินทางมาประชุมเป็นเงินจำนวนมาก ทั้งค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร และค่าใช้จ่ายของสภาฯ ด้วย
“ถ้าเป็นลักษณะนี้ไม่คุ้มค่าและไม่สามารถทำงานได้ ผมมองว่าเหตุสภาล่มไม่ได้เป็นเฉพาะร่างพ.ร.บ.กัญชาฯก่อนหน้านี้ร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ที่เป็นประชุมร่วมรัฐสภาก็ล่ม บรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายสมัยการประชุมสภา ตอนนี้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตกับประชาชนยังค้างอยู่ เช่น กฎหมายประมงร่างพ.ร.บ.ระบบราง ขณะนี้น่าจะมีสมาชิกจำนวนหนึ่งลงพื้นที่และไม่อยากเกี่ยวข้องกับงานสภาแล้ว หากเป็นเช่นนี้ควรยุบสภาและเดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนตัดสินใจ”นายสิริพงศ์ ย้ำ
เมื่อถามว่าการที่สภาล่มบ่อยครั้ง มองว่าจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวยอมรับว่า เหตุสภาล่มนั้น เป็นเงื่อนไขให้นายกฯยุบสภาแน่นอน โดยเฉพาะถ้าเป็นกฎหมายที่รัฐบาลเสนอแล้วยังล่ม แสดงให้เห็นว่าสภาฯไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ได้ตามกลไกของสภาแล้ว
รับสภาพดันกม.กัญชาหาเสียงรอบหน้า
เมื่อถามว่าร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ไม่ผ่านในวาระ 3 หรือพิจารณาไม่ทันในสมัยประชุมนี้ พรรคภูมิใจไทยจะนำไปหาเสียงต่อหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้กัญชาก็ยังมีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขควบคุมอยู่ เช่น การสูบในที่สาธารณะ การจำหน่ายกัญชาให้กับเยาวชน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถเอาผิดได้แต่ในเรื่องรายละเอียดของการควบคุมที่จะปลูก ตนมองว่ากฎหมายยังมีความสำคัญและยืนยันว่าอย่างไร ก็ต้องเดินหน้าออกกฎหมายควบคุมต่อไป
“สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยดำเนินการคือกัญชานำมาซึ่งรายได้ให้กับประชาชน กัญชาจะสร้างความมั่นคงทางยาให้กับประชาชน มั่นใจว่าสิ่งที่ทำคือทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ส่วนใครที่จะใช้เป็นยาเสพติดตรงนี้ยังคงต้องมีกฎหมายควบคุม ดังนั้น จึงต้องเดินหน้าออกกฎหมายควบคุมแน่นอน”นายสิริพงศ์ย้ำ
‘สมชัย-วีระ’ร้องกกต.สอบเตะตัดขารทสช.
วันเดียวกันที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย พร้อมนายวีระ สมความคิด ยื่นหนังสือให้ กกต.ตรวจสอบกรณีการจัดประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ โดยนายสมชัย กล่าวว่าวันนี้ยื่นให้ กกต.ตรวจสอบโดยมีหลักฐานเป็นคลิป8คลิป ภาพถ่าย 19 ภาพ และพยานบุคคล 1 คน ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค และเอกสารคำร้องจำนวน26หน้า เพื่อขอให้ กกต.ตรวจสอบใน 5 ประเด็น
5ปมจัดประชุมใหญ่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
1.การใช้รถหรือยานพาหนะ รถบัสหรือรถตู้ จำนวนมากกว่า100คัน ขนคนข้ามจังหวัดมาฟังการปราศรัยในวันที่ 9ม.ค.ที่ผ่านมาซึ่งในกฎหมายเลือกตั้งระบุว่าการใช้ยานพาหนะขนคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้งถือว่ามีความผิด แต่ในประเด็นนี้การขนคนไปฟังการปราศรัยไม่ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจน จึงจำเป็นขอให้กกต.วินิจฉัยในประเด็นนี้เนื่องจากการขนคนก็ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์ ที่สามารถตีมูลค่าเป็นเงินได้ เพราะการขนคนจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งยังมีความสงสัยว่าอาจจะมีการจัดเลี้ยงเช่นข้าวกล่อง น้ำดื่มหรือการจ่ายค่ายานพาหนะ ค่าเสียเวลาในการมาฟังการปราศรัยหรือไม่ 2.การแจกเสื้อ หมวกและธง เพื่อใช้ในการปราศรัยและไม่เรียกคืนสามารถทำได้หรือไม่โดยตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการแจกประมาณ4พันชุด มูลค่ากว่า1ล้านบาท แม้ที่เสื้อจะเขียนว่าเป็นทรัพย์สินของพรรค เมื่อเสร็จกิจกรรมไม่มีการเรียกคืนทุกคนนำกลับไปที่บ้าน เรามีหลักฐานแจกเสื้อ แจกหมวกในห้องประชุมและยังมีพยานบุคคลที่พร้อมเป็นพยานยืนยันว่าเขาไม่ใช่สมาชิกพรรคได้รับการแจกเสื้อ แจกหมวกจริง ไม่มีการเรียกคืน สามารถนำกลับไปได้ ซึ่งถือเป็นหลักฐานพยานบุคคล
3.การจัดมหรสพการนำศิลปินระดับชาติ นายชัชชัย สุขขาวดี หรือหรั่ง ร็อคเคสตร้า มาขึ้นเวทีปราศรัยมาช่วยในการหาเสียงร้องเพลงของพรรคจำนวน 3 เพลง ในช่วงของการพักเบรคการประชุม แม้ไม่ใช่เพลงมหรสพหรือบันเทิงสามารถทำได้หรือไม่ เพราะในเชิงปฏิบัติแม้เราเคยบอกว่าให้หลีกเลี่ยงการที่นำศิลปินมาเดินช่วยหาเสียงไม่สามารถทำได้ แต่กรณีนี้การนำศิลปินขึ้นมาบนเวที ก็จะเข้าข่ายการจัดมหรสพ 4.การปราศรัยของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกพรรครทสช.มีการกล่าวถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง และพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์รวมถึงพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในทางที่ไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อระเบียบการหาเสียงของ กกต.อย่างชัดเจน และ5.การจัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค รทสช.โดยจากการดูป้าย จากการกล่าวการปราศรัยของหัวหน้าพรรคก็ดี ได้ระบุว่าวันไหนเป็นประชุมวิสามัญของพรรค แต่หากติดตามรายละเอียดการประชุมในวันนั้นจะไม่มีการลงชื่อของผู้เข้าร่วมประชุมไม่มีการประชุมตามวาระเช่นประธานกล่าวเปิดประชุม มีการพิจารณาเป็นวาระหรือแม้กระทั่งการลงมติที่จะเลือกกรรมการสรรหานั้น ก็ไม่มีการปรากฏให้เห็นถือว่าเป็นการจัดประชุมซึ่งอาจจะไม่จริง เพียง แต่ว่าใช้ชื่อการประชุมเพื่อบังหน้า เป็นการจัดประชุมเพื่อหาเสียง
แนะดูรุ่นพี่ติดคุกยกชุดทำคดีเอื้อพรรคใหญ่
นายสมชัย กล่าวว่าอยากให้กกต.มีคำวินิจฉัยใน5ประเด็นที่ชัดเจน หากวินิจฉัยว่าสามารถทำได้ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้กับพรรคการเมืองอื่นๆทำได้เช่นกัน หากไม่สามารถทำได้กกต.ต้องมีมติส่งต่อไปยังศาลฎีกาเพื่อให้มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว และลงโทษตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งมองว่าเป็นความผิดในมาตรา 73 (1)ถึง(5)ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ซึ่งกำหนดโทษพรรคการเมือง ผู้สมัคร กรรมการบริหารพรรค หรือ ผู้หนึ่งผู้ใด กระทำความผิดจำคุก1-10ปี ปรับ2 หมื่นถึง2แสน และแต่สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี ขอเตือนกกต.ว่าในกฎหมายที่เขียนไว้เรื่องของการรับค่าใช้จ่ายชัดเจนว่าหากยุบสภาการนับค่าใช้จ่ายในการหาเสียงจะเริ่มนับตั้งแต่มีกฤษฎีกาให้ยุบสภา คือ รีเซ็ตค่าใช้จ่าย แต่ในของคดีความเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องวินิจฉัยว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ หากกกต.วินิจฉัยว่า จะเดินหน้าในคดีนี้ต่อ ก็เดินหน้าต่อไป แต่หากกกต.ไม่เดินหน้าต่อกกต.จะมีปัญหา เพราะจะถือว่าตัดสินเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ ซึ่งการตัดสินเช่นนี้เคยมีบทเรียน ในกกต.ชุดที่ 2 ถึงขั้นติดคุกติดตาราง และพ้นจากตำแหน่งยกชุด
“อยากให้กกต.คิดให้ดีว่าแม้จะมีการยุบสภา คดีจะต้องไม่สิ้นสุด ต้องเดินหน้าต่อไป หรือระหว่างนี้ก่อนที่จะถึงช่วงยุบสภาหรือเลือกตั้งก็ต้องแสดงความกระตือรือร้นในการทำคดี มิใช่รับเรื่องนี้เข้ามาและมีการสอบอย่างล่าช้า รอให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก่อน คนก็จะลืมไป ถือเป็นการจงใจให้เกิดความล่าช้าจนเป็นเหตุให้พรรคใหญ่ สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นข้อหาของ กกต.ชุดที่ 2 และศาลเคยมีคำสั่งว่ากกต.ผิด เนื่องจากล่าช้าถึงขั้นจำคุก ซึ่งการจำคุกเพียงแค่ 1วัน ก็ขาดจากการเป็นกกต. อยากฝากเป็นบทเรียนให้กับกกต.ชุดนี้ด้วย อะไรผิดก็ถือว่าผิด ชี้แจงให้สังคมเห็นว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ มั่นใจพยานหลักฐานที่มอบให้ ปรุงให้เสร็จพร้อมให้ท่านเคี่ยว ถ้าท่านวางเฉยอยู่บนโต๊ะก็จะมีปัญหาได้” นายสมชัย กล่าว
กร้าวขีดเส้นตายรู้ผลภายใน1เดือน
ด้านนายวีระ กล่าวว่าเราได้นำหลักฐานที่เป็นเสื้อและหมวกที่ประชาชนที่เข้าในงานวันนั้นแล้วได้รับแจก เขาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคนี้เลย เรื่องนี้ทางเราจะให้เวลากับกกต.ไม่เกิน1เดือน แล้วกกต.ต้องมีความชัดเจนในการวินิจฉัยในข้อร้องเรียนนี้เพราะถือว่าไม่ได้มีความยากเย็นอะไรเลย แต่ถ้า กกต.ไม่ดำเนินการอะไรเลยเราเองก็จะดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ กกต. ที่อาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ย้ำว่าไม่เกิน 1 เดือนถ้ากกต.ยังเพิกเฉยไม่ทำอะไรเลยเราจะดำเนินคดีกับ กกต.
“สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157จะเริ่มตั้งแต่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในวันนี้เรายื่นเรื่องให้กับ กกต.และกกต.ออกเลขรับเรื่องแล้วถือว่า กกต.รับรู้แล้ว แล้วถ้า กกต.ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องนี้อายุความมันยาวไป15ปี ถ้าอยากจะท้าทายกฎหมาย อยากจะลองของก็เชิญ ผมบอกแล้วว่าไม่เกิน 1 เดือน ถ้า กกต.อยากลองของก็เอาเลย ไปสู้กันในศาลเลย” นายวีระ กล่าว
‘เอกนัฏ’ลั่นพร้อมแจงกกต.ถูกร้อง5ปม
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติถูกยื่นร้องต่อกกต.กรณีกระทำผิด5ประเด็นในวันงานเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเข้าร่วมทำงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ตนไม่เห็นว่าการร้องของทั้งนายวีระและนายสมชัย ทั้งสองคนจะเป็นประโยชน์อะไรกับประเทศชาติบ้านเมือง ที่จริงควรจะไปช่วยกันจับทุจริตการเลือกตั้งมากกว่า โดยเฉพาะนายสมชัย เป็นอดีต กกต.แต่วันนี้ตัวเองก็เป็นสมาชิกพรรคการเมืองต้องแสดงเจตนาให้ชัดว่าที่ไปร้องนั้นบริสุทธิ์ใจ ในฐานะอดีตกกต.หรือ ร้องในฐานะสมาชิกพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่ง พรรคไม่เห็นว่าประเด็นที่ร้องจะมีความสำคัญอะไร คนเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ควรไปคิดอะไรที่มันสร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่า
ยันจัดงานเปิดตัว‘บิ๊กตู่’ตามกรอบกม.
นายเอกนัฏ ยืนยันทุกอย่างทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับกกต.ในการชี้แจงเรื่องนี้ เพราะเราทำทุกอย่างด้วยความเปิดเผย ไม่ได้ทำอะไรที่ลับๆล่อๆหรือผิดกฎหมาย และกกต.ก็เข้ามาสังเกตการณ์ตั้งแต่การร่วมประชุม ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็ทำกิจกรรมกับสมาชิกเหมือนกัน จัดเวทีปราศรัยตามต่างจังหวัด คนก็มากันเยอะแยะ มีการเปิดเพลงบางเพลงที่ไปใช้ อาจจะไม่ใช่เพลงของพรรคตัวเองด้วย ดังนั้น กกต.ต้องให้ความเป็นธรรม ใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกพรรคการเมือง
ขู่ฟ้องกลับฉกหมวก-เสื้อสมบัติรทสช.
ส่วนกรณีผู้ยื่นร้องได้นำหลักฐาน เสื้อและหมวกที่แจกให้กับผู้มาร่วมงานไปยื่นร้องต่อ กกต.ด้วย นายเอกนัฏ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ จะต้องไปร้องหรือไม่ว่าทั้งสองคนลักลอบเอาทรัพย์สินของพรรครวมไทยสร้างชาติออกจากห้องประชุม เพราะถือเป็นหลักฐานได้เช่นกันเพราะทั้งเสื้อและหมวก ถือเป็นทรัพย์สินของพรรค ที่ให้ใช้ในห้องประชุมที่จัดกิจกรรมเท่านั้น ถ้าทั้งสองคนไปนำทรัพย์สินเหล่านี้ออกมา ก็ไม่แน่ใจว่าอาจจะถูกดำเนินคดีหรือไม่
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการสกัดกระแสความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ความจริงก็ต้องขอขอบคุณทั้งนายวีระ และนายสมชัย ที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ใจตนอยากจะประชาสัมพันธ์เรื่องอื่นที่มันสร้างสรรค์มากกว่า ซึ่งเท่าที่ตนติดตามเห็นว่าทั้งสองคนร้องแต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ไปร้องพรรคอื่น ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงติดใจพรรคเรามาก และต้องขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับพรรคเรา
‘ไตรรงค์’เดือดว๊าก!ร้องเรื่องไม่เป็นเรื่อง
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกรวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากรและนายวีระ สมความคิด ยื่นร้องกกต.ขอให้ตรวจสอบพรรครวมไทยสร้างชาติ มีประเด็นการปราศรัยของนายไตรรงค์ที่ใช้ถ้อยคำหยาบคายว่า”เรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วจะให้เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง มันเป็นเรื่องได้อย่างไร ไปร้องก็ช่างหัวมันปะไร นี่แหละคำตอบผมเพราะผมเป็นคนอย่างนี้ ช่างหัวมึง มึงไปร้องที่ไหนก็เชิญก็ผมมันเด็กบ้านนอก ผมไม่ใช่ลูกผู้ดีนะ” พร้อมยังยืนยันว่าไม่กระทบอะไรต่อพรรค “จะด่าก็ได้ จะเตะก็ได้ ผมทำได้หมด”เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าจะยังคงปราศรัยในลักษณะแบบนี้ นายไตรรงค์ กล่าวว่า ถ้าเป็นที่ปักษ์ใต้ ผมด่าแม่เลย ไปถามคนที่ปักษ์ใต้ก็ได้ นี่แหละไตรรงค์”
เมื่อถามว่าหาก กกต.เชิญไปให้ข้อมูลจะไปหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวว่า ถ้าเชิญมา ก็ไป แต่ดูก่อนว่า ถ้าไม่ไป ผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิด ก็ไม่ไป เมื่อถามย้ำว่าจะฝากอะไรถึงผู้ที่นำเรื่องไปร้องหรือไม่ นายไตรรงค์ ตอบว่า”ไม่ฝาก ไม่อยากพูดด้วย หมั่นไส้ว่ะ ไอ้บ้านี่พูดมาก”
‘สุดารัตน์’ลุยหาเสียงตลาดเยาวราช
ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกตุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นายสุธา ชันแสง ได้นำ ดร.สุวดี พันธุ์พานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต1ป้อมปราบ สัมพันธวงศ์ พระนครไหว้ขอพรศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ เดินตลาดเก่าเยาวราชรับฟังปัญหาต้นทุนแพง โดย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าดีใจที่ได้มาพบพี่น้องเยาวราช-สัมพันธวงศ์อีก กระแสนิยมของ ว่าที่ผู้สมัคร ดร.สุวดี ดีมาก ประชาชนในพื้นที่ เขต1เดินเข้ามาบอกว่าค้าขายแย่ มา 8ปี รอบนี้เชียร์ ดร.สุวดีขอเปลี่ยนคนเก่า เป็นคนเก่ง เพื่อผลักดันนโยบายเศรษฐกิจและสุขภาพ โดยได้แจ้งให้พี่น้องในพื้นที่ว่า ถ้ามั่นใจ สุดารัตน์ ให้เลือก ดร.สุวดี เพราะถอดแบบสุดารัตน์มาเลย เป็นผู้บริหารระดับสูงกลุ่มรพ.ดัง มีรพ.ธนบุรี บำรุงเมือง ซึ่งตั้งในพื้นที่ เชี่ยวชาญทั้งธุรกิจและสุขภาพ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนมากว่า 2 ปีต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ผ่านมารับรักษาดูแลพี่น้อง ได้ ดร.สุวดี เป็นผู้แทน เหมือนมีสุดารัตน์อีกคน”
ชูนโยบายฟื้นฟูศก.-ดูแลสุขภาพ
ดร.สุวดี กล่าวว่าการค้าเยาวราช เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเศรษฐกิจเมืองกรุง แบบมองเห็นได้ด้วยตาเราจะต้องช่วยต่อยอดสิ่งที่บรรพบุรุษผู้ค้าทำมาแต่ดั้งเดิมให้สามารถขยายกิจการแข่งขันกับกลุ่มทุนนอกและสนับสนุนการลดต้นทุนสินค้าเช่นราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้าเพื่อให้ร้านค้าสามารถกำหนดราคาขายให้จูงใจคนจับจ่ายใช้สอย พรรคไทยสร้างไทย ยืนยัน การผลักดันการบริหารลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ยันยันนโยบายให้คนเข้าถึงกองทุน SME และช่วยคนตัวเล็กที่เข้าไม่ถึงการกู้เงินในระบบ สร้างพลังให้คนทำงานด้วยการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านจากนโยบายเงินบำนาญ 3,000บาท ให้ผู้สูงอายุสุขภาพดีมีศักดิ์ศรี เยาวราช-สำเพ็ง-โบ๊เบ๊-พาหุรัด ตนจะใช้ประสบการณ์การบริหารงานเอกชนมา ช่วยประชาชนคนพื้นที่ และผลักดันโยบายของพรรคไทยสร้างไทยให้ เขต1 กทม.จะกลับมาเฟื่องฟูได้โดยเร็ว ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลสุดารัตน์ทำได้ ทำจริง”
สภาฯเหลือสส.431คนหลัง‘ธนกร’ลาออก
เวลา12.17น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลังพิจารณากระทู้ถามทั่วไปเสร็จสิ้น โดยได้แจ้งที่ประชุมรับทราบ เรื่อง การสิ้นสุดสมาชิกภาพของผู้แทนราษฎรด้วยนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐได้มีหนังสือของลาออกจากการเป็นส.ส.ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2566จึงเป็นผลให้สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา101(3)ขณะนี้มีส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่และปฏิบัติหน้าที่ได้จำนวน 431 คน องค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง 216 คน
จากนั้น ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หารือว่าปกติเราจะพิจารณากฎหมายทุกวันพุธ นับจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสมัยประชุม จะเหลือวันพุธไม่ถึง5ครั้ง บางวันพุธ จะใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 จะทำให้สภาเหลือเพียงแค่ 3-4 วัน อยากให้ประธานฯพิจารณาเวลาที่เหลือก่อนปิดสมัยประชุมจะผ่านกฎหมายได้สักกี่ฉบับ
‘ชวน’ปลุกสส.อย่าหนีปัญหาเหลือ5สัปดาห์
ด้าน นายชวนชี้แจงว่า วิธีแก้ปัญหาโดยการทำให้ไม่ครบองค์ประชุม ไม่ใช่วิธีการของพวกเรา แต่เป็นการหนีปัญหา แสดงออกถึงความกลัว ถ้าไม่เห็นด้วย หรือไม่พอใจกฎหมายใด ก็แค่ลงมติไม่รับ มิเช่นนั้น จะเกิดความเสียหายกับพวกเรา บางครั้งมีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมครบ แต่ไม่ยอมแสดงตน ขอให้สู้อย่าหนีปัญหา เวลาที่เหลือ 5สัปดาห์ หลังจากนี้ ขอให้สมาชิกมาประชุมอย่างพร้อมเพรียงแม้กฎหมายจะยาว แต่ก็จบได้ ถ้าร่วมมือกัน ขอให้ใช้เวลาที่เหลือยู่ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ส่วนร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ และร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่หลายคนไม่เห็นด้วยก็ขอให้มาลงมติ อย่าหนี หวังว่าจะได้รับความร่มมือ และตั้งใจผ่านกฎหมายไปให้ได้
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรค พปชร.เลขาธิการวิปรัฐบาลยืนยันว่าเราควรจะพยายามทำตามสิ่งที่เราเลื่อนขึ้นมา ตนไม่ค่อยสบายใจเวลาที่สภา เดินต่อไปลำบาก ซึ่งพรรคพปชร.และพรรคร่วมรัฐบาลจะพยายามช่วยพิจารณากฎหมายให้มากที่สุด ทำให้นายชวน กล่าวว่าตนไม่ได้ตำหนิใคร เพียงแต่ขอความร่วมมืออย่างเดียวแต่ถ้าเราอยู่กันยาว กฎมายกัญชาและอื่นๆจะสามารถทำได้ภายใน 5สัปดาห์นี้ ทุกอย่างอยู่ที่เราทั้งหมด
พท.ชงเลื่อนกม.ถัดไปถกแทนกัญชา
ขณะที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่าการอ้างถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านเรื่ององค์ประชุมล่ม แม้พรรคพท.จะอยู่ประชุมสภาแต่บางเรื่องเราคิดว่า ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน วันนี้มีคนที่ไม่หวังดีกับสภา หาว่าสภาล่มภายใน 22นาที ไม่เป็นผลดีกับประชาธิปไตย พรรครัฐบาลมีมากกว่า 221คนอยู่แล้ว เป็นองค์ประชุมได้ ท่านอย่ามาโยนฝ่ายค้านว่า ไม่ให้ความร่วมมือ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่พรรค พท.กล่าวว่า กฎหมายบางฉบับสมาชิกมีความเห็นต่างจึงติดเดดล็อก จึงเสนอว่ากฎหมายฉบับใดที่ทำท่าจะเดินไม่จบ ก็ให้สภาชุดหน้าเป็นผู้ตัดสินหรือโดยเราก็เลื่อนระเบียบวาระที่อยู่ลำดับถัดไปมาพิจารณา เพื่อให้สามารถออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อไปได้
ภท.ขวางเลื่อนกม.อื่นแทนกม.กัญชา
ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า ตนกำลังสงสัยว่าการเสนอการเลื่อนวาระ จะไม่เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมและวิถีของฝ่ายนิติบัญญัติ เรามีร่างพ.ร.บ.กัญชาฯค้างการพิจารณา การจะเสร็จ หรือไม่เสร็จอยู่ที่พวกเราๆจึงต้องทำให้เสร็จในเวลาที่เหลือ และเห็นด้วยกับนายชวนที่บอกว่ากฎหมายที่เหลืออยู่สามารถพิจารณาได้ทัน ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือกัน วันนี้ประชาชนเรียกร้องให้กฎหมายแล้วเสร็จและมีผู้เกี่ยวข้องมากมายที่รอกฎหมายอยู่ ถ้าจะปล่อยให้ล้มไปจะเป็นปัญหาระหว่างประเทศ จึงควรจะเป็นไปตามลำดับ ไม่ควรเลื่อนกฎหมายอื่นขึ้นมาแทน
ขณะที่ นายชวน กล่าวสรุปว่าตนเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนพรรคแต่ภารกิจเรายังไม่พ้นจนกว่าจะถึงวันที่ 23มีนาคม 2566ที่หมดวาระของสภา เราต้องทำหน้าที่แทนประชาชนที่เลือกเรามา
กางสส.พรรคใดไม่ร่วมโหวตทำสภาล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงเหตุการณ์สภาล่มเมื่อวันที่ 18ม.ค.ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ในวาระ2 มาตรา 11เนื่องจากมีส.ส.อยู่ร่วมลงคะแนน เพียงแค่ 204 คน ไม่ครบองค์ประชุมซึ่งที่ต้องมีส.ส.217เสียงจากจำนวนส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้432คนส่งผลให้สภาล่มขณะที่เพิ่งประชุมไปได้เพียง 22นาทีนั้น จากการตรวจสอบเอกสารการลงมติของส.ส.มาตรา 11ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯพบว่ามี ส.ส.หลายพรรคการเมือง ไม่อยู่ร่วมลงมติในการโหวตมาตราดังกล่าว ดังนี้
พรรคเพื่อไทยมี ส.ส. 121คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 86 คน คิดเป็น 71.07%, พรรคพลังประชารัฐ 79 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 35 คน คิดเป็น 44.3%,พรรคภูมิใจไทย 62 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 9 คน คิดเป็น14.5%, พรรคประชาธิปัตย์ 50 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 32 คน คิดเป็น 64%, พรรคก้าวไกล 45 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 22 คน คิดเป็น 48.8%
ขณะที่ พรรคชาติไทยพัฒนา 12 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 6 คน, พรรคเศรษฐกิจไทย 11 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 7คน ,พรรคเสรีรวมไทย 10 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 5 คน, พรรคประชาชาติ 7 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 6 คน, พรรคเพื่อชาติ 6 คนไม่อยู่ร่วมโหวต 5 คน,พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 2 คน, พรรคพลังท้องถิ่นไท 5 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 2 คน, พรรครวมพลัง 4 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 2 คน, พรรคชาติพัฒนากล้า 3 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 3 คน ,พรรคโอกาสไทย 2 คน ไม่อยู่ร่วมโหวต 1 คนและพรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคประชาธิปไตย พรรคพลังชาติไทย พรรคเพื่อชาติไทย มีส.ส.พรรคละ1คน ไม่มีใครอยู่ร่วมโหวตเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี