"เสวนาสามสี"เดือด! "สมัย เจริญช่าง"ขยี้หากเลือกคนเบะปาก ไม่ยอมรับคำตัดสินศาลมาเป็นผู้นำ ถึงคราวสูญสลายแน่ "อัศวิน"เปิดใจเหตุพ่ายเมืองกรุง "ชัชชาติ"กระแสดี-พูดเก่ง บอกให้ดู กทม.หลังตัวเองพ้นเก้าอี้ "ไตรรงค์"แฉมีบางพรรคใช้เงินสีเทา พูดมีนัยยะ เลือกตั้งครั้งนี้ถ้าเงินสีเทา-สีดำว่อน อาจเป็นลต.ครั้งสุดท้าย เพราะไม่มีใครยอมแล้ว
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ กทม. มีการจัดเสวนา "เสวนาประสาไตรรงค์" โดยมีวิทยากรร่วมงานเสวนาจำนวน 3 คน ได้แก่ นายสมัย เจริญช่าง อดีต ส.ส.กทม. , พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
นายสมัย กล่าวเสวนาตอนหนึ่งว่า จากประสบการณ์การทำงานการเมือง วันนี้รู้สึกเป็นห่วงสังคมมากเหลือเกิน เพราะสังคมมันเปลี่ยน บ้านเมืองมันเปลี่ยน ความคิดอ่านของคนเปลี่ยนไป ในอดีตไม่มีใครกล้าละลาบละล้วงไปถึงมาตรา 112 แต่เดี๋ยวนี้มีคนกล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก แสดงว่าสังคมมันเปลี่ยน แต่การเปลี่ยนแบบนี้ไม่ได้เป็นพัฒนาการ เพราะไม่ได้เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่เลวร้ายกว่า เป็นหน้าที่พวกเราที่จะประคับประคองบ้านเมืองนี้อย่างไร
นายสมัย กล่าวว่า พวกเราต้องช่วยกันดูแลรักษาบ้านเมืองนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย เราต้องมีตัวแทนเข้าไปบริหารบ้านเมือง และตัวแทนต้องไว้วางใจได้ว่าเขาจะเลือกคนดีมาบริหารบ้านเมือง ส่วน ส.ส.ต้องไปอยู่ในสถาบันนิติบัญญัติ ออกกฎหมายให้ประชาชนทั้งประเทศใช้ คนที่จะเป็นนายกฯต้องเคารพกฎหมาย ถ้าใครไม่เคารพกฎหมายจะมีกระบวนการตุลาการ ถ้าเดินบิดเบี้ยวไม่ตรงตามที่กฎหมายกำหนดตุลาการจะตัดสิทธิ์
"ผมจำภาพและหดหู่ใจ วันหนึ่งที่อดีตนายกฯขึ้นศาล ศาลตัดสินว่าท่านมีความผิด ปรากฏว่าคนในครอบครัวท่านเบะปาก ส่ายหน้า ไม่ยอมรับกฎหมาย แล้ววันนี้เราจะมอบความไว้วางใจให้เขาเป็นผู้นำรัฐบาลอย่างนั้นหรือ ที่ติดป้ายตามเสา คือคนที่เบะปาก คนที่ส่ายหน้า ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล ถ้าหากคนอย่างนี้คนไทยยังเลือกอีก ยังไว้วางใจอีก ผมคิดว่ากฎหมายของบ้านเมืองนี้คงจะต้องสูญสลาย ในที่สุดเมื่อถึงวันนั้นประชาธิปไตยก็ไม่มีประโยชน์สำหรับอนาคตของคนไทย ผมไม่ได้มาหาเสียง หรือพูดใส่ร้ายคนอื่น แต่เป็นห่วงประเทศที่ผมเกิดและจะตายที่นี่ ผมจะไม่หนีไปประเทศใดทั้งสิ้น เพราะที่นี่คือประเทศที่ดีที่สุด" นายสมัย ระบุ
จากนั้น พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวเสวนาตอนหนึ่งว่า ตนมาจากครอบครัวระดับล่าง เด็กต่างจังหวัด เวลาพูดๆ แบบคนบ้านนอก พูดตรงๆ พูดซื่อๆ นึกอะไรได้พูดอย่างนั้น ไม่มีประดิดประดอยถ้อยคำ ในเชิงวิชาการไม่มี แต่พูดแบบภาษาคนรากหญ้า เป็นคนติดดิน ตนมาจากรากฐานของคนจน อาจจะเรียนไม่เก่งมาก ภาษาอังกฤษ ภาษาอะไรก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ภาษาคนตนรู้หมด
"ตอนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ไม่ใช่เกิดจากจากกระสันหรือความกำหนัดของผมที่อยากจะเป็น ไม่ใช่ สถานการณ์มันจะต้องทำ ผมก็เข้าใจ ผมก็สู้อาจารย์ทริป (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) ไม่ได้ เพราะกระแสเขาดี เขาทำโซเชียลมานาน เขาหาเสียงมานาน เขาพูดเก่ง แต่ผมพูดตามประสาของผมอย่างนี้ แต่ดูเอาเองแล้วกันว่าเป็นอย่างไร ผมเข้าใจพี่น้องประชาชนนะ ช่วงนั้นต้องเลือกตามกระแส ผมไม่ได้เสียใจเลยที่แพ้การเลือกตั้ง แต่ถือว่าทำหน้าที่สมบูรณ์แบบแล้ว" พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า คนชอบพูดว่าอัศวินมาจากการลากตั้ง คำนี้มันติดตาตรึงใจตนตลอด ฉะนั้น ตนจะทำให้ดีไม่แพ้คนที่มาจากการเลือกตั้ง ดูย้อนหลังไปแล้วกัน ตนอยู่ กทม.9 ปี ทั้งในตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. และผู้ว่าฯกทม. ตนไม่ใช่นักวิชาการ แต่คือนักปฏิบัติ ทำเป็น คูคลองต่างๆ แต่ก่อนคลองหลอดขายของเก่า มีการปลูกบ้านตรงนั้น ผีขนุน ผีมะขาม เต็มไปหมดแต่ก่อน ตนใช้เวลา 5-6 เดือนกว่าจะทำความเข้าใจกับเขาได้ ใหม่ๆ เขาไม่ยอม 1,227 ครอบครัว ปลูกบ้านอยู่ตรงนั้น ถ่ายลงคลอง แต่เดี๋ยวนี้มันสะอาด ส่วนอนาคตจะยังสะอาดเปล่าไม่รู้ รวมไปถึงคลองถม หรือคลองโอ่งอ่างในปัจจุบัน นี่คือ โบราณสถาน ตนพยายามจะทำคลองต่างๆ ให้มันดี ไม่ได้คิดอะไร แค่ต้องทำให้มันดี ไม่ต้องการให้คนตำหนิติติงว่ามาจากการลากตั้ง คุณค่าในการที่สังคมจะยอมรับสู้คนที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ แต่ท่านดูต่อๆ ไปแล้วกัน หลังจากที่ตนพ้นตำแหน่งมาแล้ว ให้ดูกันว่าตนทำอะไรให้ประชาชนไว้บ้าง
ด้าน นายไตรรงค์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เงินสีเทาคือ เงินผิดกฎหมายจากธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น การรับแทงบอลออนไลน์ เปิดบ่อนการพนันเถื่อน ธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อน ส่วนสีดำคือ ธุรกิจยาเสพติด การขายยาเสพติดคือการฆ่าคน ทำลายครอบครัว และการเลือกตั้งครั้งต่อไปนี้จะใช้เงินพวกนี้มาซื้อเสียง งวดนี้จะมากที่สุด
"ขบวนการตู้ห่าวใหญ่โตมาก แล้วส่งเงินไปกี่พรรคที่ได้ผลประโยชน์จากตู้ห่าว ไปดูสิมันสร้างบ้านมาขายหลังหนึ่งกี่ร้อยล้าน รวมทั้งหมด 5 - 6 พันล้าน ไปดูสิเงินเข้าพรรคไหน มันรู้กัน เป็นการฟอกเงินเท่านั้นเอง แล้วใครเป็นเจ้าของหมู่บ้านนั้น เงินเข้าพรรคไหน พี่น้องที่ติดตามรู้เลยว่าเข้าพรรคไหน แล้วเขาจะใช้เงินพวกนั้นมาซื้อประชาชนทั้งประเทศ" นายไตรรงค์ กล่าว
นายไตรรงค์ กล่าวว่า ถ้าเราปล่อยให้มีการซื้อเสียงโดยเงินสีเทา สีดำ บ้านเมืองจะเหลืออะไร แล้วตนถามจะมีประชาธิปไตยไปหาสวรรค์วิมานอะไร มีประชาธิปไตยแบบนี้เท่ากับเปิดให้คนชั่วครองเมืองใช่หรือไม่ คนดีไม่มีทางเลย เพราะคนดีไม่มีเงินอุบาทว์ ไม่มีเงินสีเทา สีดำ
นายไตรรงค์ กล่าวอีกว่า ตนเป็นประธานยกร่างนโยบายของ รทสช. จะเอายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แปลงมาเป็นนโยบาย แล้วดูค่าใช้จ่ายเพื่อให้รักษาความมั่นคงทางการเงินของประเทศได้ การก่อหนี้สาธารณะไม่กระทบกระเทือนต่อสถานภาพของประเทศ เสร็จแล้ว ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมไปอ่านแล้ว สงสัยให้ถาม นี่คือ การสร้างชาติ
"แต่การสร้างชาติจะราบรื่น ต่อเมื่อเราต้องปราบคอร์รัปชั่นให้ได้ เป็นนโยบายอันดับหนึ่งคือ การปราบทุจริตคอร์รัปชั่น จะสังคายนากฎหมายทุกกระทรวง ไม่ให้ใช้ดุลพินิจต่อไปนี้ ตำรวจจะมาสอบสวนทุกคดีไม่ได้ ต่อไปต้องสอบสวนร่วมกับฝ่ายปกครอง อัยการ สังคายนาหมด กฎหมายรื้อหมด ถ้าบิ๊กตู่ได้เป็นต่อนะ แต่ถ้าคนอื่นมาเป็นนายกฯคงไม่รื้อหรอก เพราะได้ประโยชน์จากการค้ายาเสพติด จากการบ่อนการพนัน" นายไตรรงค์ ระบุ
นายไตรรงค์ กล่าวตอนท้ายด้วยว่า "ถ้าซื้อสิทธิ์ขายเสียงแล้วเอาเงินสีเทา สีดำมาซื้อกันงวดนี้นะครับ จะไม่มีใครสกัดได้ เชื่อผมเถอะครับอาจจะเป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย คอยดูเหอะ จะไม่มีใครยอมให้มีอีกแล้ว เพราะบ้านเมืองมันพังถึงที่สุดแล้ว"
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี