เปิดทำเนียบรัฐบาลต้อนรับ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คนที่ 10 กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้น เร่งส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน พร้อมลงนามความตกลง 4 ฉบับ ทั้งด้านพลังงาน และ เศรษฐกิจดิจิทัล ด้านนายกฯมาเลเซียชวนพลเอกประยุทธ์ เยือนมาเลเซียอีกครั้ง
เมื่อเวลา 16.40 น. วันนี้ 9 ก.พ. 66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยภริยาและข้าราชการระดับสูง ให้การต้อนรับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมด้วยภริยาและคณะ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ตามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศสมาชิกอาเซียน เมื่อเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยมีพิธีต้อนรับตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะ ลงนามในสมุดเยี่ยม และ เดินชมของที่ระลึก ภายในห้องสีงาช้าง
จากนั้น ผู้นำไทยและมาเลเซีย ได้หารือทวิภาคี ที่ตึกภักดีบดินทร์ เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเซีย โดยเฉพาะ 5 จังหวัดภาคใต้ของไทย กับ 4 รัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย การเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และ ด้านคมนาคมขนส่ง รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพระหว่างกัน เช่น อุตสาหกรรมยางพารา อาหารฮาลาล พลังงาน และ ในมิติใหม่ ๆ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยีสีเขียว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามแลกเปลี่ยนความตกลง 4 ฉบับ ได้แก่
1.บันทึกความเข้าใจในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของข้อเสนอในการเสริมสร้างศักยภาพการเชื่อมต่อโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าระหว่างคาบสมุทรมาเลเซียและไทย
2. บันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับข้อเสนอในการร่วมมือสำรวจศักยภาพของเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนและการผลิตพลังงานในประเทศไทย
3. บันทึกความตกลงเกี่ยวกับข้อเสนอในการแสวงหาโอกาสในการทำงานร่วมกัน การมีส่วนร่วม และการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
4. บันทึกความเข้าใจระหว่าง Malaysia Digital Economy Corporation SDN. BHD. (MDEC )และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa
จากนั้นได้แถลงข่าวร่วมกัน ณ ตึกสันติไมตรี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวเน้นย้ำเรื่องการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง 2 ประเทศ ในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรัฐชายแดนภาคเหนือของมาเลเซีย ผ่านกลไกการประชุมคณะทำงานภายใต้คณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน หรือ JDS ที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2561 ที่กรุงเทพฯ ส่วนด้านการค้าระหว่างกัน หวังให้บรรลุเป้าหมาย 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2568 ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนก็จะร่วมแก้ไขปัญหาด้วยการอย่างดีที่สุด
และ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ทั้งสองเห็นพ้องให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดนไทยมาเลเซีย ให้เป็นเสาหลักแห่งความมั่นคงร่วมกัน เพื่อให้พื้นที่ชายแดน เป็นแผ่นดินทองที่มีความสุขสงบ
ด้านนายกรัฐมนตรี มาเลเซีย ได้เชิญฝ่ายไทยเยือนมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือประจำปีครั้งที่ 7 ระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศในปีนี้ และ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ เพื่อรักษาพลวัตรของความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป
โดยภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้นนายกรัฐมนตรีทั้งสองได้จับมือแสดงถึงมิตรภาพที่ดีต่อกันโดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังกล่าว เชิญนายกรัฐมนตรีไปเยือนมาเลเซียโดยไม่ต้องรอให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย พร้อมย้ำว่าสามารถไปได้ตลอดเวลา ซึ่งทำให้บรรยากาศระหว่างนี้เรียกรอยยิ้มระหว่างกันอย่างมิตรภาพ โดยพลเอกประยุทธ์ ตอบกลับว่า ไทยและมาเลเซียถือเป็นแผ่นดินทอง "You are my family"
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและภริยา โดยอาหารไทยหนึ่งใน Soft Power สำคัญ ที่จะช่วยไทยพร้อมผลักดัน สะเต๊ะแกะ พล่าปลาทูน่า หมี่กรอบเต้าหู้ ต้มโคล้งปลากระพง ปลาแซลมอนนอร์เวย์อบราดชอสพะแนงทานคู่กับผักตามฤดูกาลจากโครงการหลวง
และข้าวออร์แกนิก ของหวาน เช่น ช็อกโกแลตโดมไส้เสาวรสและมะม่วง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมชาไทย ยังมี ขนมชั้น ขนมเปียกปูนใบเตย ถั่วกวน และ ลูกชุบ ถูกเสิร์ฟเป็นของหวานขึ้นโต๊ะผู้นำมาเลเซียในค่ำคืนนี้ด้วย
สำหรับดาโตะ เซอรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 โดยเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี