"จตุพร"ยกคำพูดอมตะวาจาของ"ดร.ปรีดี พนมยงค์" เสนอแนะ"คุณหนูอุ๊งอิ๊ง"หน.ครอบครัวเพื่อไทย ชี้มีสิทธิ์ที่จะเป็นนายกฯโดยชอบธรรมตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ แต่บ้านเมืองนี้ใหญ่เกินหน้าที่จะม่เสี่ยงลองผิดลองถูก จี้ให้ออกมาฉายภาพโชว์คุณสมบัติเฉพาะตัว ผู้มีวิสัยทัศน์ ความรู้ความสามารถให้ปชช.ตัดสิน ไม่ใช่เป็นนายกฯสืบทอดตามกรรมพันธ์ุเพราะเป็นลูกทักษิณ-หลานยิ่งลักษณ์"เพื่อให้ผบบ.เหล่าทัพ อธิบดี สามารถทำความเคารพได้อย่างสบายใจ พร้อมจี้ถามต้องบอกให้ชัดจับมือ พปชร.หรือไม่
20 ก.พ.2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบ๊คไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "แลไปข้างหน้า"เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยระบุตอนหนึ่งถึงกรณี"อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และลูกสาวทักษิณ ชินวัตร ว่า ตามเงื่อนไข รธน.ระบุให้บุคคลอายุตั้งแต่ 35 ปีบริบูรณ์เป็นนายกฯ ดังนั้นอุ๊งอิ๊ง อายุ 36 ปีย่อมมีสิทธิ์เป็นนายกฯ ได้ตาม รธน.กำหนด ประกอบกับพรรคเพื่อไทยได้เสียงแลนด์สไลด์ และได้รับเลือกจากประชาชนด้วยเสียงอันดับหนึ่ง โอกาสยิ่งเปิดให้ตั้งรัฐบาล แล้วอุ๊งอิ๊งยิ่งมีสิทธิ์เป็นนายกฯ อย่างชอบธรรม
อย่างไรก็ตาม ตนต้องการให้พิจารณาถึงอมตะวาจาของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้นำ (สายพลเรือน)เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 24 มิ.ย. 2475 ขณะนั้นมีอายุ 32 ปี หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เขียนรัฐธรรมนูญที่จัดเป็นประชาธิปไตย เป็นอาจารย์สอนกฎหมาย ผ่านตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นหัวหน้าเสรีไทย กระทั่งมาเป็นเป็นนายกฯ อายุ 40 กว่าปี แต่เมื่อพ้นจากตำแหน่ง เคยพูดว่า “เวลาที่ข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ วันที่ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ”
นายจตุพร ย้ำว่า คำพูดที่เป็นอมตะวาจานั้นแปลว่า บ้านเมืองนี้อย่ามาลองผิดลองถูก ควรมีความพร้อม ซึ่งไม่ใช่เรื่องอายุน้อยหรือมาก แม้ ดร.ปรีดี มีความรู้ ความสามารถมากมาย หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองมาร่วม 8-9 ปี จึงได้เป็นนายกฯ ก็ยังยอมรับตัวเองว่า ไม่มีประสบการณ์เลย ดังนั้น ประเทศจะสุ่มเสี่ยงอีกไม่ได้
"ผมบอกว่า อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ก็เป็นไป และเพื่อไทยควรแฟร์กับอุ๊งอิ๊งด้วย ควรเสนอแคนดิเดตนายกฯคนเดียวเลย เพราะทุกพรรคขณะนี้เสนอแดนดิเดตนายกฯ คนเดียวทั้งนั้น ดังนั้น เพื่อบรรดากองเชียร์ทั้งหลายจะไม่ต้องขุ่นข้องหมองใจว่า เลือกอิ๊งก็ต้องได้อิ๊ง จะไปได้คนอื่นได้อย่างไร เพียงแต่จะได้ตอบคำถามในกรณีจะจับมือกับพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ ซึ่งพรรคเสรีรวมไทย ประกาศนำร่องให้แล้วว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้เป็นตัวหลักในการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ดังนั้นจึงควรแสดงความแฟร์กับประชาชนเช่นกันกับพรรคการเมืองอื่นกระทำ”
นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศเป็นเรื่องอนาคต เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก เพราะคนอย่าง ดร.ปรีดี ยังยอมรับสภาพไม่มีประสบการณ์ในตำแหน่งนายกฯ เลย ยิ่งเวลานี้สถานการณ์ของประเทศล่อแหลมทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ดังนั้น คนเป็นนายกฯ ต้องเร่งสัมภาษณ์สื่อมวลชน เพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ความตัดสิน อีกทั้งแสดงความสามารถต่อการนำพาประเทศให้เป็นที่ประจักษ์
อีกทั้งยกตัวอย่างบุคคลที่เป็นสายเลือดเดียวกันได้เป็นายกฯ ด้วยการแข่งขันกันอย่างคนที่มีความรู้ความสามารถในการตัดสินจะนำพาประเทศ ว่า กรณีในปี 2518 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พี่ชายของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม โดยสองพี่น้องสังกัดคนละพรรคและเป็นคู่แข่งทางการเมือง อีกทั้งไม่มีลูกมาเป็นทายาททางการเมืองด้วย ต่างได้เป็นนายกฯ ก็ด้วยความสามารถประสบการณ์ส่วนตัวเฉพาะ และที่สำคัญไม่ได้สืบทอด ส่งมอบให้ตามกรรมพันธุ์สายเลือด
นอกจาก กรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เมื่อพ้นตำแหน่งนายกฯ แล้ว แต่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ตั้งนายวราวุธ ศิลปอาชา ลูกชาย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยสืบแทน แต่ตั้งนายธีระ วงศ์สมุทร ส่วนวราวุธ มาเป็นหัวหน้าพรรคต่อจากพี่สาว และในช่วงที่นายบรรหาร ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น ชี้ได้ชัดว่า นายบรรหาร เมื่อยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ตั้งลูกเป็นหัวหน้าพรรคด้วยซ้ำ
มีอีกคู่หนึ่งนายชวน หลีกภัย กับนายสุรบท หลีกภัย ลูกชาย โดยนายชวน เป็นนายกฯ สองครั้ง เป็นประธานรัฐสภาสองครั้ง เป็นผู้มีบารมีมากที่สุดของพรรค ปชป. แต่เมื่อจัดลำดับบัญชีรายชื่อปลื้ม-สุรบท ยังได้เป็น ส.ส. ลำดับสุดท้ายในปัจจุบันก่อนสภาครบวาระอีกแค่เดือนเศษเท่านั้น เพราะมีผู้ลาออก
นายจตุพร กล่าวว่า ทุกกระบวนการของพรรคที่ยกตัวอย่างนั้น ผ่านการขับเคี่ยวอย่างเชี่ยวกรากทางการเมือง เพื่อบ่มเพาะให้เป็นคนทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ชน จึงเป็นการเมืองที่ควรจะเป็น ดังนั้น การยกตัวอย่างมาเพื่อจะบอกว่า ฝ่ายทักษิณ เมื่อมาถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว เป็นนายกฯ ก็เป็นสายเลือดเดียวกัน จนมาถึงอุ๊งอิ๊ง แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนอยากเห็น คือ การมีวิสัยทัศน์ มีความความรู้ แสดงประสบการณ์ให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะประเทศใหญ่เกินกว่าจะมาลองผิดลองถูกอีก
พร้อมระบุว่า กรณีอุ๊งอิ๊ง สัมภาษณ์สื่อมวลชนสองครั้งนั้น หากประชาชนทั่วไป ทั้งกองเชียร์และคนเพื่อไทยลองหลับตาฟัง คิดว่า อุ๊งอิ๊งไม่ใช่ลูกทักษิณ การแสดงความเห็นทางการเมืองนั้น เธอชนะทุกคนในพรรคที่มีความสามารถมากมายใช่หรือไม่ และมีความสามารถเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ เอากันแฟร์ๆ โดยไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือไม่ และไม่ได้เป็นลูกทักษิณ
“ที่ผมพูดเรื่องนี้เพื่อจะบอกว่า อุ๊งอิ๊งมีเวลา อีกทั้งทีมงานก็มีเวลา เพราะหลังเดือนที่จะสมัครรับเลือกตั้งประมาณเดือนเมษาฯ ถึงช่วงนั้น จะอุ้มท้องครบ 9 เดือน และเลือกตั้ง พ.ค. ในด้านสุขภาพแล้วคนท้องย่อมลำบากมาก ดังนั้น ช่วง มี.ค.นี้ เธอก็อุ้มท้อง 8 เดือน ควรต้องรีบฉายศักยภาพการเป็นนายกฯ ซึ่งสามารถเป็นได้แม้อายุน้อย เพราะ รธน.กำหนดให้เป็นได้ แต่การแสดงวิสัยทัศน์ความรู้ความสามารถการเป็นนายกฯ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากประเทศไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่จะมีสิทธิ์เป็นนายกฯ”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่ขัดข้องที่กระแสเสียงต้องการให้เป็นนายกฯ ก็ว่ากันให้เต็มที่ แต่ตนพูดในโลกความเป็นจริง เพราะเวลาที่เหลือต้องรีบฉายภาพนายกฯ เพราะคนชั้นกลางที่มีอิทธิพลต่อการขับไล่รัฐบาลมาทุกรัฐบาลจะหมั่นไส้เอา แล้วท้ายที่สุดคนจะเห็นว่า ต้องรอรับคำสั่ง แต่คนสั่งอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้อยู่หน้างานก็เหมือนนดูหนัง ดังนั้น ประเทศจะไปเสี่ยงกับการตัดสินใจระยะไกลไม่ได้
“เราต้องการได้คนที่มีศักยภาพ ซึ่งผมจึงบอกว่า อุ๊งอิ๊งต้องรีบฉายภาพ ยังมีเวลาที่เสนอตัวแคนดิเดตนายกฯ ต้องมาด้วยศักยภาพ มาด้วยมีฝีมือ ไม่ได้อาศัยว่าเป็นลูกพ่อ เป็นหลานอา แต่ตัวเองเป็นตัวเอง มีศักยภาพพร้อมนำพาชาติบ้านเมืองได้ และ ผบ.เหล่าทัพ อธิบดี สามารถทำความเคารพได้อย่างสบายใจทุกคน”
นอกจากนี้ นายจตุพร เห็นว่า ส.ว.ก็ไม่ควรดูหน้าคนว่า เป็นใครกับการโหวตลงมติเลือกเป็นนายกฯ ควรยึดหลักพรรคใดสามารถรวบรวมเสียงข้างมากตั้งรัฐบาลได้ ส.ว.ก็ต้องโหวตให้คนนั้น ซึ่งบ้านเมืองจะได้มีทางออก และเพื่อไทยก็ควรประกาศว่า จะไม่จับมือกับ พปชร. หรือจะจับมือกัน ให้ประชาชนรับรู้และตัดสินใจอนาคต
อีกทั้ง หากอุ๊งอิ๊งพร้อมเป็นนายกฯ จริงๆแล้ว เพื่อไทยต้องเสนอคนเดียวเป็นแคนดิเดต ดังนั้น ประชาชนจะตัดสินใจถูกในกระดานการเมืองในวันข้างหน้า ดังนั้น เวลาที่เหลือเดือนเศษกับสุขภาพอุ้มท้อง จึงยังมีเวลา และควรมั่นสัมภาษณ์สื่อมวลชนให้มาก แสดงวิสัยทัศน์ให้ถี่เพื่อเชิดชูความเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนมีความสามารถ และกลบเสียงตำหนิเป็นนายกฯ เพราะเป็นลูกพ่อทักษิณ
นายจตุพร กล่าวว่า เราแลไปข้างหน้าเพราะรู้ว่าอดีตเกิดอะไรขึ้น ประเทศอยู่ด้วยระบบลุ่มๆ ดอนๆมาตลอด และ 8 ปีที่ผ่านมา คิดจะได้ลืมตาอ้าปากกัน แล้วต้องมาปิดตาหุบปากกันอีกหรือ รวมทั้งสถานการณ์ทักษิณกลับบ้านก็เป็นคุณูปการกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ไม่โหวตเลือกอุ๊งอิ๊ง ก็เป็นคุณูปการต่ออุ๊งอิ๊งเช่นกัน ดังนั้นการขยับดังกล่าวจึงเป็นแนวร่วมมุมกลับต่อกันและกัน
“เราไม่เชียร์คนอย่างบ้าคลั่ง แต่เป็นการเสนอแนะให้ฉายความรู้ ความสามารถออกมา แสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนประจักษ์ต่อการนำพาประชาชน และประเทศไปสู่อนาคตที่มีความหวัง เกิดประโยชน์ คุณต้องฉายออกมา เพราะคุณสมบัติเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ใช่กรรมพันธุ์ ดังนั้งคุณสมบัติเป็นนายกฯ เป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ใช่เรื่องครอบครัว แต่เป็นเรื่องประเทศชาติที่ใหญ่ที่สุด และใหญ่กว่าครอบครัว ซึ่งต้องเล็กที่สุด”
นายจตุพร กล่าวว่า การมาเป็นผู้ปกครองต้องเป็นผู้ปกครองของประเทศ ไม่ใช่เป็นตัวแทนของครอบครัว ต้องเข้าใจหลักเช่นนี้ก่อน ตนจึงเสนอแนะให้รีบฉายความคิดเป็นที่ประจักษ์ พร้อมคนชั้นกลางยอมรับ อีกทั้งอุ๊งอิ๊งอายุ 36 ปีไม่มีปัญหาการเป้นนายกฯ ผ่านตาม รธน.กำหนดไว้ และเสียงเลือกตั้งคาดได้ที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่การรวมกันตั้งรัฐบาลนั้นก็มีปัญหาในอนาคต
“ถ้าเพื่อไทยจับมือ พปชร. ก็มีปัญหาอีกแบบ หรือจับมือกับก้าวไกลก็อีกแบบเช่นกัน คือ จับมือกับก้าวไกล ก็ส่อแนวโน้มว่า ภูมิใจไทย พปชร.ไม่มาร่วม แต่จับมือกับ พปชร.ก้าวไกลก็ไม่มารวม ดังนั้นกระดานการเมืองจึงแคบลง จึงควรจดจำและครุ่นคิดอมตะวาจาของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ที่ว่า “เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจก็ไม่มีประสบการณ์ แต่เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์ก็ไม่มีอำนาจ” คำพูดเช่นนี้กลั่นจากประสบการณ์โดยตรงของ ดร.ปรีดี"นายจตุพร กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี