พรรคใหญ่เสียววาบแล้ว!!! "จตุพร"อ้างการข่าวตายน้ำตื้นเสี่ยงโดนยุบพรรค"จุดจบพรรคลำพอง” เผยหลักฐานง่ายๆมัดแน่นเข้ากฏหมายแบบตำตา ติงไม่จดจำสิ่งผิดพลาด คิดแต่เอารัดเอาเปรียบ โชว์เหนือกดข่มพรรคอื่น ยันหาเสียงประกาศชนะ 300 เสียง แต่เป็นจุดตายชนิดคาดไม่ถึง คาดจุดหักเหพลิกเปลี่ยนประเทศ เริ่ม 3 มี.ค.นี้

เมื่อ 23 ก.พ. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "เราคือประชาชน" โดยระบุตอนหนึ่งว่า วันที่ 3 มี.ค. 2566 ซึ่งศาล รธน. นัดลงมติวินิจฉัยกรณี กกต.เอาคนต่างด้าวมาคำนวณแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น เชื่อว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ยอมรับมีผลเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง 8 จังหวัด แต่เรื่องนี้ไม่ควรเป็นปัญหาเลย เพราะทั้งความรู้สึกและข้อกฎหมายแล้วจะเอาคนต่างด้าวมาคำนวณกับการเลือกตั้งของไทยไม่ได้เลย เนื่องจากจะทำให้การเพิ่ม ส.ส.ในอนาคตของจังหวัดชายแดน ต้องให้คนต่างด้าวเข้ามาเพิ่มจำนวนการแบ่งเขตเลือกตั้งตามมาด้วย

“สิ่งสำคัญ จึงต้องรอดูผลการวินิจฉัยของศาล รธน. ถ้าออกมาว่า "ทำไม่ได้" แน่นอนผลการวินิจฉัยนี้จะถูกยื่นคำร้องให้การเลือกตั้งปี 2562 ว่า เป็นการเลือกตั้งมิชอบ เพราะใช้คนต่างด้าวมาคำนวณเขตเลือกตั้งเช่นกัน ดังนั้น ผลกระทบจะทำไปสู่การเลือกตั้งเป็น โมฆะ”

พร้อม ระบุว่า อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยในวันที่ 3 มี.ค.นี้ หากปล่อยให้คนต่างด้าวมาคำนวณได้จะทำให้ยุ่งกันไปใหญ่ ดังนั้น จุดเปลี่ยนจึงอยู่ที่วันที่ 3 มี.ค. อีกทั้งจะเป็นจุดเปลี่ยน ของ กกต. ด้วยหรือไม่ ส่วนจะมีผลทางกฎหมายอย่างไรก็ว่ากัน ดังนั้น สิ่งนี้จึงเป็นจุดหักเหต่อการกำหนดเลือกตั้งที่มีความพร้อม 500% แต่ก็ไม่อยากเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่

นายจตุพร ยังกลา่วถึงการยุบพรรค 3 พรรคคือ เพื่อไทย ก้าวไกล และพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า โดยการข่าวของตนระบุถึงบางพรรคต้องตายน้ำตื้น แค่ข้อเท็จจริงตามกฎหมายก็ตำตา คาดไม่ถึง และเข้าข่ายผิดข้อกฎหมายอย่างง่ายดายชัดเจนที่สุด ดังนั้น เรื่องการยุบพรรคจะเป็นมาตรการหลังจากวันที่ 3 มี.ค. ที่ศาล รธน.วินิจฉัยคำร้องของ กกต.

"บางพรรคถึงกับตายน้ำตื้นจากการกระทำการบางข้อ ซึ่งตนยังได้ยินมาเลย แล้วใครจะกระทืบใคร ไม่เกี่ยวกับตนด้วย ปัญหาอยู่ที่ว่า คุณได้ยินแล้วหรือยัง แล้วสิ่งที่คึกคะนอง ยิ่งใหญ่เสียงดังนั้น มันคือน้ำตื้น เป็นเรื่องตำตา และง่ายๆ แต่เข้าใจว่าเป็นจุดเกิด แต่ข้อเท็จจริงเป็นจุดตายทางการเมือง มันเป็นเรื่องของคนไปกระทำการชะล่าใจ และตัวเองคิดอะไรไม่รู้ แต่การยุบพรรคแต่ละครั้งมักเอาเรื่องมีหลักฐานชัด ไม่ต้องพิสูจน์เยอะ เข้าข้อกฎหมาย สิ่งนี้ง่ายที่สุด เทปอยู่ในมือถือที่สุด เป็นการกระทำการโดยเปิดเผย มีข่าวอยู่ทุกสำนัก เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด และเรื่องง่ายแบบนี้ ยุบพรรคได้ง่ายดายที่สุด เถียงไม่ออก จนมุมด้วยข้อกฎหมายอย่างคาดไม่ถึง"

นายจตุพร คาดว่า กรณีการยุบ 3 พรรคการเมืองนั้น อาจจะเริ่มต้นหลังจากปรากฎการณ์ศาล รธน.ในวันที่ 3 มี.ค.นี้ ได้สร้างการตื่นตระหนกไปก่อน ส่วนผลพวงจากนั้นจะลุกลามไปมุมต่างๆ จะมีความชัดเจน ซึ่งเคยเจอกันมาหลายเรื่องนับตั้งแต่การแก้ไข รธน.ปี 2550 ที่นายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์ ต้องลาออกทั้ง 3 ตำแหน่ง ซึ่งสัญาณแบบนี้จะเข้ามาตามลำดับ อีกทั้ง เห็นว่า สิ่งสำคัญ ผลพวงนับจาก 3 มี.ค. จะเห็นกระดานการเมืองชัดเจนยิ่งขึ้น ใครที่คิดจะได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย และการแสดงออกทางการเมืองดูเหมือนเป็นกระบี่ไร้เทียมทาน แม้โชว์เหนือกว่าคนอื่นทั้งปวงนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับด้อยที่สุด อ่อนที่สุด แล้วยังไม่รู้จักจำ เพราะคิดเพียงการเอารัดเอาเปรียบเหนือคนอื่นนั้น กลับนำไปสู่ความหายนะ พ่ายแพ้ตลอดมา

"ถ้าวันที่ 3 มี.ค.เป็นวันเริ่มต้น ผมคิดว่ากระดานการเมืองการเกาะกลุ่มกันของ ส.ส.ในเครือข่ายพลังงานถึง 70 คน ผมเชื่อว่าเป็นการรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะตีแหกค่ายกันอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้น การแสดงถึงการเลือกตั้งจึงต้องหยุด แล้วเฝ้าดูอย่างมีสติ เพราะสิ่งที่คุณเดินไปนั้น มันเป็นกับดัก"

นายจตุพร คาดว่า กรณีการเลือกตั้งปี 2562 จะเป็นโมฆะต่อหรือไม่นั้น จะกลายเป็นสถานการณ์ใหญ่ หากมาตรการยุบพรรค คิดหาทางออกเพียงแค่มีพรรคสำรองไว้แล้ว แต่การยุบพรรคจะเป็นแบบไทยรักษาชาติ ถึงที่สุดอยู่ที่ว่า ใครเป็นผู้มีอำนาจถือกฎจัดการนี้ให้ชัดเจน

รวมทั้ง มั่นใจว่า การพูดที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน โดยเฉพาะการจับขั้วทางการเมือง ความจริงแล้ว ถ้ามั่นใจจะได้รับความไว้วางใจแล้ว การประกาศดังๆว่า เพื่อไทยจะไม่จับมือกับ พปชร.เด็ดขาด เหมือนก้าวไกลและไทยสร้างไทย ประกาศมาแล้วอย่างตรงไปตรงมา แต่เพื่อไทยกลับไม่กล้าประกาศ เอาแต่เลี่ยงตอบว่า จะได้เสียงเกิน 300 เสียง ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน

"ผมเรียนกันง่ายๆ ที่แบ่งตำแหน่งกันเรียบร้อยแล้วว่า ใครจะเป็นท่านนั้น ท่านนี้ ข้าราชการควรฟังไว้ว่า ที่คาดการณ์ใครจะเป็นใหญ่แล้วรีบหันหัวไปรับใช้ และท้ายที่สุดถ้าเขาทำแกล้งตายอย่าง มรต.มหาดไทย (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เขากำลังดูการทำตัวออกห่าง แล้วเสนอตัวรับใช้นายใหม่ล่วงหน้า ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่รู้จักจำว่าเล่นแบบไหนแล้วจะเจออย่างไร”นายจตุพร กล่าว