"จตุพร"จำใจเชื่อเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์ 310 เสียง มั่นใจเป็นไปได้ยาก ประชดเชื่อไว้ก่อนไม่จับมือ พปชร. ลั่นจับมือวันไหน นำ ปชช.ไล่วันนั้น ยันกระแสยุบพรรคหนาหู เผยข้อมูลครบ หลักฐานแน่นหนา อยู่ที่จะจัดการกันช่วงไหน แนะระมัดระวังไว้
เมื่อ 13 มี.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "เดี๋ยวก็รู้?" โดยระบุตอนหนึ่งว่า ไม่เชื่อ พท.จะได้เสียงถึง 310 เสียง แต่จำใจเชื่อก่อน เพื่อเป็นคำตอบดิ้นหนีไม่จับมือ พปชร. พร้อมยืนยันถ้าหลังเลือกตั้งจับมือกันวันไหน ไล่วันนั้นทันที
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีพรรคเพื่อไทยประกาศไม่จับมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ขอให้ประชาชนช่วยกันเชื่อว่า เพื่อไทยจะไม่จับมือ พปชร.อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากจับมือกันวันไหนก็ต้องช่วยกันออกมาไล่กันวันนั้น
อีกทั้ง เห็นว่า คำถามเพื่อไทยจะจับมือกับ พปชร.หรือไม่ มีมานานนับเดือน และเรื่องถ้าไม่มีมูลกันมาเลย แม้จะมีคำถามมาก่อนหน้านี้ แต่เพื่อไทยไม่เคยตอบให้ชัด เอาแต่บิดเบนไปอย่างอื่น ถามอย่างตอบอย่าง ไม่เคยตอบง่ายๆ ให้ชัดเจนเลย
"กระทั่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดขึ้นมาจะไม่จับมือกับ พปชร.เมื่อได้เสียงแลนด์สไลด์ 310 เสียง และหากไม่ถึงก็ยังเป็นคำถามปลายเปิดอีกว่าจะจับมือกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผมขอโฆษณาชวนเชื่อต่อไปเลยว่า เพื่อไทยไม่จับมือ พปชร.จริงๆ แต่ถ้าจับมือกันวันไหนก็เขวี้ยงโรงกันวันนั้น”
นายจตุพร ประเมินว่า การประกาศเสียง 310 นั้น ต้องหาคะแนนเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 10 ล้าน เพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก เพราะต้องใช้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของรัฐสภา (ส.ว. บวก ส.ส.) คือ 376 เสียง (จากทั้งหมด 750 เสียง) ดังนั้น เป้าหมาย 310 เสียงแสดงว่า พรรคฝ่ายเดียวกัน ทั้งก้าวไกล เสรีรวมไทย ไทยสร้างไทย แทบไม่ได้เสียงเป็นกอบเป็นกำด้วยซ้ำไป อย่างเก่งคงได้กะปริดกะปรอย หรือเล็กน้อยเท่านั้น
"ถ้าประเมินให้ได้เสียง 310 เสียงแล้ว คาดคงวางเป้าหมายดึงคะแนนของก้าวไกลเคยได้ในปี 2562 จำนวนกว่า 6 ล้านเสียง ให้เทมาที่เพื่อไทยทั้งหมด แล้วรวมกับเสียงไทยสร้างไทย และเสรีรวมไทยด้วย ก็ยังไม่พอได้ 310 เสียงอยู่ดี และจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไม่ได้ จึงย้อนแย้งกัน ดังนั้น การประกาศทางการเมืองต้องมีเหตุผลความน่าจะเป็นทางวิทยาศาสตร์ มากว่าความเชื่อทางไสยศาสตร์"
อีกทั้ง เห็นว่า แต่เดิมนั้นเพื่อไทยประกาศตัวเลขบนฐานครึ่งหนึ่งของจำนวนสภาผู้แทนราษฎร คือ เกิน 250 เสียง (จากทั้งหมด 500 เสียง) แล้วเพิ่มอีกเป็น 270 เสียง ถัดมาสัปดาห์เพิ่มเป็น 310 เสียง สิ่งสงสัยคือ มีหลักเหตุผลใดทำให้เกิดวิวัฒนาการพรวด จนเสียงพุ่งขึ้นได้ขนาดนี้ในเวลาแค่สัปดาห์เดียว นอกจากใช้หลักจินตนาการที่ไม่อยู่บนฐานความจริง
"เสียงของเพื่อไทยที่พรวดขึ้นนั้น ที่มาความน่าจะเป็นไม่มีหลักของความจริงเลย แต่เป็นการปลุกเพื่ออธิบายว่า แลนด์สไลด์เพื่อไม่จับมือกับ พปชร. ดังนั้น จึงมีเหตุผลเดียวเท่านั้นของตัวเลข 310 เสียงคือ การพยายามสลัดการตอบคำถามจับมือกับ พล.อ.ประวิตร เท่านั้น แต่ยังกังขาอยู่ว่า กว่าจะหลุดคำตอบออกมาได้ใช้เวลานานมาก แสดงถึงยังมีใจจับมือกันอยู่"
นายจตุพร ย้ำว่า เพื่อไทยอย่าเลียนแบบแผนสังเวยความผิดของพรรคประชาธิปัตย์ที่กำจัดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่หาเสียงไม่จับมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยแผนนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อ นพ.ชลน่าน ประกาศไม่จับมือกับ พล.อ.ประวิตร และถ้าหลังเลือกตั้งไปจับมือกัน ย่อมถูกโยนความผิดไปที่หัวหน้าพรรคคนเดียวที่พูดและประกาศหาเสียงเอาเอง จึงเป็นการสังเวย นพ.ชลน่าน เพื่อตั้งรัฐบาลแล้วดันพล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกฯ
พร้อมระบุว่า แม้ นพ.ชลน่าน ใช้ถ้อยคำว่าถ้าเสียงถึง 310 เสียงจะไม่จับมือ พล.อ.ประวิตร แสดงว่า ด้านหนึ่งเป็นการเล่นลิ้นว่า ถ้าไม่ถึงก็จับมือกับ พล.อ.ประวิตรได้ อีกด้านสองเป็นการเปิดทางรักษาภาพสร้างจำว่า จะจับมือกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย แล้วจะไปจับมือกับพรรคใด เมื่อประกาศไม่ให้เสียงกับพรรคใดเลย แต่สื่อมวลชนกลับเดินนำหน้าเพื่อไทยด้วยการตอกย้ำว่า เพื่อไทยไม่จับมือ พปชร. แล้ว หากไปจับมือกันก็ต้องออกมาไล่กันเลย
"ดังนั้น ประวิตร จะเชื่อหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมจะดูความเชื่อที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ถ้ามีคดี (ฝ่ายเพื่อไทย) พรวดพราดที่จ่อกันมาทั้งหลายไปปรากฎที่ ปปช.ก็แสดงว่า พปชร.ไม่จับมือจริง”
ส่วนกรณียุบพรรค นายจตุพร กล่าวว่า หลายคนสงสัย ทำไมการยุบพรรคเกิดขึ้นอีก แต่เพื่อไทยต้องรู้บทเรียนตั้งแต่การยุบไทยรักไทย พลังประชาชนมา และต้องรู้ว่า เขาต้องการเล่นเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะเคยเจอมาแล้ว 2 ครั้งในสองพรรค ดังนั้นการรบศึกเลือกตั้ง ควรต้องความระมัดระวัง
รวมทั้งเสนอว่า เรื่องนี้ไม่สลับซับซ้อนเลย เพราะทุกพรรคต้องศึกษากฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง ยิ่งสถานะผู้ช่วยหาเสียงทั้งการปราศรัยและแถลงข่าวต้องพิจาณากฎหมายให้ชัดเจน โดยสมัยตนเป็นผู้ช่วยหาเสียง จะไม่แถลงข่าวในที่ทำการของพรรคเลย จะไปพูดอีกห้อง ไม่มีโลโก้พรรคเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย ส่วนการปราศรัยจะใช้ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง แต่ก่อนมีพระราชกฤษฎีการเลือกตั้ง ตนจะมีสถานะเป็นกองเชียร์ของพรรคเท่านั้น
นอกจากนี้ เห็นว่า ความจริงแล้วเพื่อไทยต้องรู้ว่า มีจุดอ่อนอย่างไร เพื่อไม่ให้ชนะชั่วคราวแต่ไปแพ้ระยะยาวเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากคนมักสงสัยการใช้อำนาจและมีผลประโยชน์ซับซ้อน ดังนั้น ถ้าอุดช่องว่างของตัวเองและหลีกเลี่ยงกระทำที่จะถูกโยงไปสู่ต้นเหตุการยุบพรรคได้
นายจตุพร กล่าวว่า ทุกครั้งมีการยุบพรรค มักจะสร้างประชาชนขึ้นมาว่า ถูกรังแก และตนยังยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องการกระบวนการยุบพรรค เพียงแต่รู้เรื่อง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎ บางคนวิเคราะห์ให้ส่งสมัครในนานพรรคใหม่ไปเลย แต่ก่อนที่จะทำอะไรแล้ว เพื่อไทยมักลืม จนต้องเดินไปสู่คิลลิ่งโซนอีกแล้ว
"ครั้งนี้เดินเข้าไปอยู่ในเรื่องยุบพรรคเสียเอง ทั้งที่เข้าไม่ได้เตรียมการอะไรเลย เมื่อเดินมาแดนกำหนดไว้แล้ว จึงเอาเรื่องมายัดเลย โดยพยายามไม่เอาเรื่องที่เกี่ยวกับทักษิณ ชินวัตร เพราะไม่ต้องการปลุกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลุกฟื้นให้โดดเด่นขึ้นมาอีก เนื่องจากทักษิณ เป็นของคู่กันกับพล.อ.ประยุทธ์ ถ้าทักษิณ นิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไปไม่ได้ ถ้าทักษิณ ดิ้นมาก พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีชีวิตชีวากระฉับกระเฉง มีแรงขึ้นมาเป็นตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างชอบธรรม”
นายจตุพร กล่าวว่าว่า โดยบทเรียนที่ผ่านมานั้น การยุบไทยรักไทยเกิดก่อนการมีเลือกตั้ง ส่วนยุบพลังประชาชนขณะเป็นรัฐบาล แล้วยุบไทยรักษาชาติระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นการอ่านการเมืองต้องไม่เข้าข้างตัวเอง เพื่อไม่ให้หลงผิดเป็นถูก แล้วสู้แบบผิดๆ เพื่อนำไปสู่การตายน้ำตื้นตามที่เป็นมาทุกครั้ง
"ผมได้ยินมาก็วิเคราะห์ให้ฟัง ตรวจเช็ดกันดู การเดินสู่คิลลิ่งโซนในกรณีหาเสียงเอง ความจริงเขาจะดักจับทักษิณ แต่เรื่องนี้มันกลับมีภาพและเสียงชัดเจน ทุกอย่างไม่ต้องหาหลักฐานเพิ่มเลย เอาแค่เรื่องเดียวก็ชัดเจน เข้าข้อกฎหมาย คิดเป็นอื่นไม่ได้ ที่พูดมาไม่ต้องเชื่อก็ได้ ขอให้ไปแลนด์สไลด์ต่อไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี