มองอย่างเซียน! นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ชำแหละเลือกตั้ง 66 'บิ๊กตู่ - ลุงป้อม' สร้างยุทธศาสตร์แยกกันตี หวังกลับมาจับมือรวมพลังสืบอำนาจ
วันที่ 14 มี.ค.66 นายแพทย์ ประสงค์ บูรณ์พงศ์ หรือ "หมอสงค์" อายุ 87 ปี อดีต ส.ส.นครพนม และรัฐมนตรีหลายสมัย โดยการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาปี 2562 เป็นอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย ก่อนที่จะลาออกกลับมาสังกัดพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในฐานะที่ตนทำงานบนเส้นทางการเมือง โดยเปลี่ยนเส้นทางจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนมตั้งแต่ปี 2526 หลังรับราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมานานกว่า 20 ปีก่อนจะสลัดเสื้อกาวน์ลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.ป้ายแดงสมัยแรก เมื่อปี 2526 ในนามพรรคชาติไทย จากนั้นเป็นต้นมาก็ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เลือกตั้งเป็น ส.ส.เรื่อยมา โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายสมัย
รวมถึงได้ร่วมก่อตั้งพรรคความหวังใหม่กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี คนที่ 22 ก่อนจะยุบควบรวมกับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย จนถึงพรรคเสรีรวมไทยตามลำดับ
นพ.ประสงค์ หรือหมอคนยากของชาวจังหวัดนครพนม เผยต่อว่า ต้องยอมรับการเมืองที่ผ่านมา ในรัฐบาล บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านไป 8 ปี หลังเข้าทำรัฐประหาร มีแต่ความล้มเหลว และประเทศเกิดหนี้สินมหาศาล และเป็นรัฐบาลที่สืบอำนาจ จากการเขียนรัฐธรรมนูญเอื้อพวกพ้อง เช่น สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 250 เสียงไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นการแต่งตั้งจากคนเพียงไม่กี่คน
โดยการเลือกตั้งที่ผ่านมา เมื่อปี 2562 ตนได้มีโอกาสร่วมงานกับพรรค เสรีรวมไทย เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยในปีนั้น มีการวางคนลงตัวแล้ว จึงต้องหันไปสังกัดพรรคฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน พอมาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็ต้องกลับมาทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย โดยถูกวางตัวลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่วนผู้สมัคร ส.ส.เขตในพื้นที่นครพนมรวม 4 เขต เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยมีการวางตัวที่เหมาะสมแล้ว
หมอคนยากกล่าวอีกว่าในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะมาถึงต้องจับตามองเป็นพิเศษ กรณี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปเป็นแคนดิเดท (candidate) นายกฯกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วน ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ดูแลพรรคพลังประชารัฐ หลายคนมองว่าเป็นความขัดแย้งภายใน แต่ตนมั่นใจว่าทั้งสองคน ระหว่างบิ๊กป้อม กับ บิ๊กตู่ ไม่มีความขัดแย้ง ภาพที่เห็นล้วนเป็นยุทธศาสตร์การเมือง ใช้วิธีแยกกันตีเพื่อสืบอำนาจ สุดท้ายกลับมารวมกัน เพราะมีเสียง สว.อยู่ในมืออีก 250 เสียงรอสนับสนุน ในการโหวตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นการเมืองที่สืบอำนาจเผด็จการ โดยออกกฎหมายรัฐธรรมนูญเอื้อตนเองและพวกพ้อง ทำให้ 8 ปี ที่ผ่านมา เกิดปัญหาทุจริต คอรัปชั่น ประเทศชาติเกิดหนี้สิน
"สิ่งเดียวที่จะสามารถแก้ไขได้ คือ อำนาจประชาชน ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคฝ่ายประชาธิปไตย จะต้องร่วมกันปิดสวิตซ์ สว. พรรคเพื่อไทยจะต้องกวาดที่นั่งไม่ต่ำกว่า 320 เสียง ที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของประชาชนที่จะรวมพลังสร้างความเปลี่ยนแปลง เพราะหากไม่สามารถทำได้อาจจะต้องทนอยู่กับรัฐบาลไปอีกยาวนาน ไม่เพียงแค่ 2 หรือ 4 ปีอาจยาวไปถึง 20 ปี เพราะหากรัฐบาลเผด็จการเข้าเป็นรัฐบาลอีกรอบจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเอื้อพวกพ้องไปอีกหลายปี ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นนัดชี้ชะตาประเทศไทย ที่คนไทยทุกคนต้องทบทวน และรวมพลังล้างระบอบเผด็จการ ต้องนำเอาการเลือกตั้ง กทม. ครั้งที่ผ่านมา ที่ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเผด็จการแบบท่วมท้น เป็นโมเดลในการปลดแอกประเทศจะต้องสร้างแลนด์สไลด์ ปิดสวิตซ์ สว. 250 เสียง อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ฝากประชาชน ทุกคะแนนเสียง รวมพลังตัดวงจรการสืบอำนาจเผด็จการ" นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี