เยือน‘ภูเก็ต’พัฒนาอันดามัน
‘บิ๊กตู่’รุกหนัก
ย้ำต้องปักหมุดพื้นที่‘เหนือ-อีสาน’
รทสช.เหน็บพท.แต้มบุญหมดแล้ว
บิ๊กป้อมเยือนเชียงใหม่ปราศัย19มี.ค.
เสี่ยหนูเล็งตั้งรบ./‘ชูวิทย์’ตามเขย่า
‘เศรษฐา’พร้อมแคนดิเดตนายกฯ
นายกฯบิ๊กตู่ รุกหนัก เตรียมลงภูเก็ต 19 มีนาคมนี้ ติดตามความพร้อม การเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028Phuket Thailand รับฟังนำเสนอวิสัยทัศน์ “อันดามันพร้อม” ขณะที่รทสช.จัดโปรแกรมปราศรัยแน่นหลังยุบสภา เล็งปักหมุดเชียงใหม่ พิษณุโลก เดินหน้านโยบายทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อทั้งเย้ยแลนด์สไลด์เพื่อไทย หมดแต้มบุญแล้ว “ภูมิใจไทย”คึกเปิดตัวผู้สมัคร สส.กทม. 33 เขต “อนุทิน” นำปล่อยคาราวานรถแห่ปักธงเมืองหลวง โวกวาด สส.มากกว่า 70 พร้อมเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล “ชูวิทย์”ตามเขย่ารายวัน “เศรษฐา” ลั่น พร้อมแล้ว เป็นแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางไปตรวจติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาล ณ จังหวัดภูเก็ตในวันอาทิตย์ที่19มีนาคม 2566
นายกฯรุกหนักลงพื้นที่ภูเก็ต
โดยมีกำหนดการดังนี้เวลาประมาณ 09.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายกฯจะตรวจติดตามความพร้อมการเตรียมการของประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028 Phuket Thailand ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานภูเก็ต จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังพื้นที่จัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand เพื่อตรวจความพร้อมการเตรียมสถานที่จัดงาน ณ ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.30น.นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามการใช้พื้นที่ป่าชายเลนภายใต้โครงการ “ป่าในเมือง” ณ ชุมชนบ้านกิ่งแก้ว เทศบาลตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จากนั้นนายกฯจะเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ตเพื่อรับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์ เรื่อง“อันดามันพร้อม”ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะกล่าวแสดงทรรศนะและมอบทิศทางอนาคตอันดามัน โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 18.10น.
มุ่งพัฒนาเมืองท่องเที่ยวแห่งความสุข
“รัฐบาลมุ่งส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวแห่งความสุข ยั่งยืนและแบ่งปัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความพร้อม มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ พร้อมพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชนโดยเปิดโอกาสให้พื้นที่เข้ามามีส่วนร่วม และได้รับประโยชน์จากการพัฒนาด้วยการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีความสมดุล เพื่อร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน และเกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ วัฒนธรรมประเพณีและสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต ยังเป็นเสน่ห์ของชุมชน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ช่วยสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย” นายอนุชา กล่าว
รทสช.เตรียมจัดปราศรัยใหญ่2เม.ย.
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวว่า ในวันที่ 2 เมษายนนี้ จะมีการปราศรัยใหญ่ของพรรค หลังจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภามีการประกาศราชกิจจานุเบกษา ส่วนจะเป็นวันไหนขอให้รอการประกาศตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้แจ้งไว้
หลังการยุบสภาบรรยากาศการเลือกตั้ง จะยิ่งคึกคักมากยิ่งขึ้น
ขอเป็นรบ.พร้อมลงมือทำทุกนโยบาย
“พรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมเดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่ เพื่อส่งต่อนโยบายพรรคทั้งหมดให้เข้าถึงประชาชนซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำแล้วว่าการเลือกตั้งเป็นการกำหนดอนาคตประเทศ สุดแล้วแต่ประชาชนตัดสินใจ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาการบริหารประเทศภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ทำนโยบายที่มุ่งประโยชน์เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมจะสานงานต่อเพื่อให้ดียิ่งขึ้น“ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”ทั้งนโยบายบัตรสวัสดิการพลัส1,000บาท เพิ่มเติมความช่วยเหลือในส่วนที่จำเป็นให้เพียงพอต่อการยังชีพ แก้กฎหมายที่ดิน เพื่อสร้างที่อยู่ที่ทำกินให้พี่น้องประชาชน ลดต้นทุนเกษตรกรรายย่อยช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เหลือกินเหลือใช้ คืนเงินสะสมชราภาพบางส่วนเพื่อช่วยแข่งเบาภาระคนทำงาน และยังมีนโยบายอื่น ๆ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะประกาศและอธิบายให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในวันปราศรัยใหญ่ของพรรค เพื่อสร้างความชัดเจนและตอกย้ำถึงความพร้อมในการลงมือทำหากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล”
เย้ยแต้มบุญหมดแล้ว-ดับฝันแลนด์สไลด์
นายธนกร ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.400เขต พร้อมประกาศแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาหนี้สิน ล้างรัฐธรรมนูญสืบทอดการรัฐประหาร สางปัญหาสะสม 8 ปีให้เบาบางว่า ทิศทางประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว การที่พรรคเพื่อไทยหวังสร้างปาฏิหาริย์ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์เพื่อเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวครองเสียงข้างมากในสภาเป็นครั้งที่ 3 คงไม่เกิดขึ้นเพราะแต้มบุญหมดแล้ว เหลือแต่การชดใช้กรรมที่ทำทิ้งไว้กับประเทศชาติ การขอโอกาสเข้ามาบริหารประเทศเพื่อสะสางปัญหา8ปีให้เบาบาง ต้องบอกว่าปัญหามันเบาบางลงไปแล้ว หลังจากที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาบริหารพลิกฟื้นประเทศให้หลุดพ้นชะตากรรมจากเศษซากที่อดีตรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทิ้งไว้
“ตอนนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเรียกขวัญและกำลังใจสมาชิกพรรคและแฟนคลับโดยพยายามดึงทั้งอดีตรัฐมนตรีส.ส.และนักธุรกิจ เข้ามาเพื่อเพิ่มความหวังลมแล้งๆให้กับพี่น้องประชาชน ทุกคนรู้ทันหมดแล้วและไม่มีใครอยากหวนคืนอดีตที่ทำให้ประเทศบอบช้ำ”นายธนกร กล่าวย้ำ
ชง‘บิ๊กตู่’ขึ้นเวทีเหนือ2จว.หลังยุบสภา
นายหิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)เปิดเผยว่ากำหนดการปราศรัยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมืองของพรรค รทสช.หลังยุบสภา ในส่วนโซนภาคเหนือที่ตนดูแลโดย เบื้องต้น เตรียมเสนอวันที่ 22 เมษายน เสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นปราศรัยที่ จ.พิษณุโลก และ ในวันที่ 29 เมษายน จะไปขึ้นปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ โดยทั้ง 2 จังหวัด ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ไว้ครบทุกเขตแล้ว โดยตนจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคพิจารณา แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ด้วยเช่นกัน
สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ อาทิ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ เขต 4 ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ เขต 5 นายโสภณ โกชุม เขต 6 นายสันติ ตันสุหัช เขต 7 ขณะที่ จ.พิษณุโลก นายวิเชียร ภักดี เขต 3
. ‘วิษณุ’ถกกกต.20มีค.กรอบข้อห้าม
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่าในวันที่ 20 มีนาคมนี้จะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)มาพบที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือประเด็นข้อห้าม และ ข้อปฏิบัติตามกฎหมาย สำหรับข้าราชการในช่วงหลังพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯมีผลใช้บังคับว่าอะไรทำได้ หรือ ทำไม่ได้บ้าง รวมถึง ประเด็นที่ข้าราชการ จะไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงได้หรือไม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและ เข้าใจถูกต้องตรงกัน รวมทั้ง หากมีมติคณะรัฐมนตรีใดที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องทบทวน หรือ แก้ไข ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะพิจารณาดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
‘ลุงป้อม’บุกเชียงใหม่ปราศรัยใหญ่19มี.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 19 มีนาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะพรรคพลังประชารัฐ มีกำหนดเดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ภาคเหนือ อาคารยิมเนเซียม สนามกีฬาสมโภชน์ 700 ปี จ.เชียงใหม่ ในเวลา 14.30-17.15 น. โดยพล.อ.ประวิตรจะขึ้นเวทีนำปราศรัยนโยบายพรรคพลังประชารัฐ“ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่”ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ภาคเหนือ
ภท.คึกเปิดตัวผู้สมัครส.ส.กทม.33เขต
เวลา09.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม. พรรคภูมิใจไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก น.ส.สิริอร ม้ามณี เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน น.ส.พัชรินทร์ซำศิริพงษ์. เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา นายนรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์ เขต 4 คลองเตย วัฒนา นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนาเขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เขต 6 ดินแดง พญาไท น.ส.ภาดาท์วรกานนท์ เขต 7 บางซื่อ ดุสิต นายพชร ภูมิจิตร เขต 8 จตุจักร หลักสี่ น.ส.ศลิษา สิงหเสนี เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย เขต 10 ดอนเมือง นายณัฏฐ์ มงคลนาวิน
เขต 11 สายไหม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว นายศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง นายอำพล ขำวิลัย เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม นายอิทธิเดช สุพงษ์ เขต 16 คลองสามวา นายณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายนิกม์ แสงศิรินาวิน เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายธีระวิทย์ วงศ์เพชร เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นายพงษ์เพชร เพชรสุวรรณคดี เขต20 ลาดกระบัง นายเอกฤทธิ เจียกขจร เขต 21 ประเวศ สะพานสูง นางสกุลรัตน์ ทิพย์วรรรณงาม เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายมณฑล โพธิ์คาย เขต 23 พระโขนง บางนา น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ น.ส.เจณิสตา เตชะโสภณมณี เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายเจริญศักดิ์ มณีรัตนสุบรรณ เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสุทธิชัย เมฆสุวรรณ เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง พญ.ศรันย์รัสย์อภิวรานันทกุล เขต 29 บางแค หนองแขม น.ส.ธัณยาการย์ เตชะพัฒน์สิริ เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ น.ส.ศุภิกา พัฒน์ธนันภู เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน นายพศิน ชาญศิลป์ เขต32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.อัชญา จุลชาต และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายจักรพันธ์ พรนิมิต
8อดีตส.ส.-‘เอกภพ สายไหมต้องรอด’
สำหรับผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 เขต จำนวนนี้มี 8 อดีต ส.ส.เดิมที่ย้ายพรรคเข้ามา คือ นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตสาทร ราชเทวี ปทุมวัน, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ผู้มัคร ส.ส.กทม.เขตคลองเตย วัฒนา, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตดินแดง พญาไท, นายกษิเดช ชุติมันต์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตลาดพร้าว วังทองหลาง, นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม.เขตบางพลัด บางกอกน้อย, นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส.เขตห้วยขวาง วังทองหลาง, ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสวนหลวง ประเวศ และนายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภนมณี ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง
นอกจากนี้ยังมีที่น่าสนใจ คือ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ (ผู้ก่อตั้ง เพจ สายไหมต้องรอด) เป็นผู้สมัครส.ส.กทม.เขตสายไหม และนายศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ (แมน) กแสดงและพิธีกร เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางเขน สายไหม ลาดพร้าว
ปลุกเลือกภท.ได้อะไรมากกว่าที่คิด
นายพุทธิพงษ์ปราศรัยตอนหนึ่งว่าพรรคภูมิใจไทยตัดสินใจขอโอกาสเดินหน้าให้กับคน กทม. ซึ่งจะต้องพูดแล้วทำ ยืนยันมีความพร้อม พรรคภูมิใจไทยแตกต่างกับพรรคการเมืองอื่นว่าทำไมคนกรุงเทพฯต้องพิจารณาพรรคภูมิใจไทย กรุงเทพฯคือจุดศูนย์รวมของประเทศ ภูมิใจไทยขอโอกาสมารับใช้ประชาชน ที่ผ่านมาผู้บริหารพรรคได้ศึกษาปัญหาของคนกรุงเทพฯคืออะไร
“พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกและพรรคเดียว ที่มีการนำเสนอนโยบาย แบ่งตามพื้นที่และสภาวะแวดล้อม 4 พื้นที่ ได้แก่กรุงเทพฯชั้นใน กรุงเทพฯ เหนือ กรุงเทพฯ ตะวันออกและกรุงเทพฯฝั่งธน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ตอบโจทย์และความต้องการของประชาชน เพราะไม่มีพื้นที่ไหนจะใช้นโยบายเดียวในการแก้ปัญหาได้ ซึ่งพรรคได้สรรหาคนที่ดีที่สุดเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับคนกทม.ซึ่งนโยบายต่างๆ ต้องเป็นนโยบายที่ผลักดันและดำเนินการโดยรัฐบาล สิ่งที่เราพูดไปทั้งหมดต้องพูดและทำให้คน กทม. ดังนั้น เลือกพรรคภูมิใจไทย คนกทม.ได้อะไรมากกว่าที่คิด”
ประกาศลั่นทุ่มเททำงานเพื่อคนกรุง
ขณะที่ นายอนุทิน กล่าวช่วงหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยเคยเสนอตัวเองในเขตกทม.โดยที่ไม่ได้มีความพร้อมเท่าครั้งนี้ เราเติบโตมาจากต่างจังหวัด แต่กทม.มีอะไรที่ละเอียดลึกซึ้งมากกว่านั้นเพราะใน กทม.ต้องเสนอเป็นองคาพยพ ประกอบด้วยพรรค ผู้บริหารพรรคผู้สมัครและประชาชนจึงได้หารือกับนายพุทธิพงษ์ว่าพรรคได้บริหารราชการแผ่นดินตลอด4ปี คิดว่าเรามีความสามารถที่พี่น้องกทม.จะให้โอกาสพรรคได้มีผู้แทนไปทำงานให้คนกทม.เราไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่า คนกทม.ไม่เลือก เราจะไม่ให้ความสำคัญกทม.ตรงกันข้ามเราให้ความสำคัญ เพราะกทม.คือทุกสิ่งของประเทศ พรรคเข้าใจจึงทุ่มเททุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกทม. พร้อมยืนยันว่าทั้ง33คนที่อาสาเสนอตัวเข้ามาให้ประชาชนเลือก ได้มีกระบวนคัดสรรสืบประวัติเต็มที่ เราทำให้คน กทม.เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกพรรคที่ทำงานให้คนกทม. เราจะสู้จนชนะและเข้าไปมีบทบาทรับใช้พี่น้องกทม.และชาวไทยทั้งประเทศ เราพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาลและเป็นแกนนำต่อไป
ปล่อยคาราวานปักธงทั่วกทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 33 เขตแล้ว นายอนุทินและนายพุทธิพงษ์ ได้มอบธงพรรคภูมิใจไทยให้กับผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต เป็นสัญลักษณ์ในการปักธงทุกพื้นที่ และร่วมปล่อยขบวนคาราวานรถแห่หาเสียง กระจายไปยังทุกเขตการเลือกตั้ง เพื่อลงพื้นที่หาเสียงต่อไป
โวได้สส.เกิน70-เป็นแกนตั้งรบ.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึงกระแสข่าวที่ไปพบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐโดยระบุว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้70ที่นั่งเป็นความจริงหรือไม่โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เคยพูดกับใครว่าจะได้ 70ที่นั่ง ตัวเลขของตนสูงกว่านั้นเยอะ ทั้งนี้ จากที่เราประเมินไว้ผู้สมัครแข็งแรงมาก มีความนิยมในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เราต้องคัดเลือกผู้สมัครก่อนไม่ใช่ว่าใครจะกรอกใบสมัครอย่างเดียวก็ได้ ตรงไหนดูไม่แข็งแรงสร้างความนิยมไม่ได้ เราก็ไม่ส่ง ส่วนที่บอกว่าจะได้ส.ส.มากกว่า70ที่นั่ง คาดว่าจะได้จำนวนเท่าไหร่นายอนุทิน ตอบว่าเย็นวันเลือกตั้ง วันที่ 14พ.ค.นี้ ก็จะทราบ
เมื่อถามว่า ที่ประกาศจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ มีการดีลหรือพูดคุยอะไรกับใครไว้แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องพูดคุย เรามั่นใจว่านโยบายความเข้มแข็งของพรรค และผู้สมัครจะทำให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
เมิน‘ชูวิทย์’จ้องโจมตี‘ภูมิใจไทย’
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาคัดค้านพรรคภูมิใจไทยจะทำให้เสียคะแนนนิยมในพื้นที่ กทม.หรือไม่ นายอนุทินกล่าวสั้นๆว่า“ไม่กังวล”และการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ก็ไม่มีปัญหาเ พราะพรรคภูมิใจไทย เปรียบเหมือน ภูเขาทอง ส่วนที่เหลือ ก็ไปคิดกันเอาเอง ส่วนที่นายชูวิทย์ไปยื่นให้คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทยนั้น พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมือง ประชาชนทุกคนมีสิทธิตรวจสอบ หากพรรคได้รับแจ้งจากองค์กรที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการก็พร้อมชี้แจง และกรณีกับนายชูวิทย์ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องพิพาท เพราะไม่มีการเริ่มต้นก็ไม่มีจุดจบ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเส้นทางของพรรคภูมิใจไทย ส่วนเรื่องมอบหมายให้ผู้สมัคร400 เขตยื่นฟ้องนายชูวิทย์ดำเนินการถึงขั้นไหนแล้วนายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้มอบหมาย ไม่ใช่มติพรรค แต่เป็นสิทธิของผู้สมัครแต่ละท่าน ไม่เกี่ยวกับตน
พปชร.เปิดผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้ง33เขต
พรรคพลังประชารัฐ มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค พปชร.ได้เปิดเผยรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพนเขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กีบปัจจุบัน เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล
เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่นเขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำเขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาลเขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมีเขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธาเขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์ เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล
อย่างไรก็ตาม ในเย็นวันเดียวกัน ทางพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรก ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำ ร่วมเปิดตัวผู้สมัคร สส.ของพรรคทั้ง 33เขตด้วย
ปชป.รับกกต.แบ่งเขตใหม่กระทบ
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งพรรคปชป.กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศและเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาแล้วว่า หลังจากมีการประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว พรรค ได้รับการร้องเรียนจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายพื้นที่ว่าการแบ่งเขตที่ กกต.ทำออกมานั้น ทำให้เขาต้องปรับเขตพื้นที่เลือกตั้ง บางคนอาจมีผลกระทบบ้าง เพราะพื้นที่บ้านเกิดตัวเองหายไป เขาก็ไม่มีสิทธิเลือก เพราะตัวเองอยู่นอกเขต จะย้ายเข้าเขต ก็ไม่ทันแล้ว ทั้งนี้จะมีการปรับเปลี่ยนเขตเลือกตั้งขนาดไหน ก็เป็นอำนาจของ กกต.และทั้งหมอยู่ที่ กกต.จะใช้ดุลพินิจอย่างไร
“ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ ต้องปรับเปลี่ยนแกนนำกันใหม่ เพราะพื้นที่ซับซ้อนพอสมควร แต่พรรคฯ ก็พร้อมเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร วันนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมทั้งตัวบุคคลและนโยบาย แต่ก็เห็นใจคนที่ได้รับผลกระทบต้องปรับเขต เห็นใจสมาชิกพรรค แต่ได้ให้เร่งรัดลงพื้นที่ เพราะยังมีเวลา ถ้ากติกาเปลี่ยนเราก็ต้องเดินตามนี้ อย่างไรก็ตาม ทราบว่าหลายคนไปพึ่งศาลปกครอง ก็ไม่รู้ว่าจะขยายเวลาไม่มากน้อยเพียงใด” นายนิพนธ์ กล่าว
ยันตั้งเป้ากวาดส.ส.70-80ที่นั่ง
เมื่อถามว่าการแบ่งเขตเปลี่ยนอย่างนี้ พรรคปชป.ยังตั้งเป้าได้ ส.ส. เท่าเดิม ตามที่ประกาศไว้หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า เรายังตั้งเป้าได้ส.ส.เท่าเดิมถึงเวลานี้จำนวน ส.ส.ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ 70-80 ที่นั่ง ส่วนการเปิดตัว ส.ส.ระบบเขต 400 เขต และระบบบัญชีรายชื่อ 100คนนั้นน่าจะมีการประชุมและเปิดตัวทั้งหมดซึ่งกำลังดูว่า กกต.จะประกาศวันรับสมัครเมื่อไหร่ เมื่อยังไม่มีการประกาศวันรับสมัคร พรรคฯ ก็ลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงไปก่อน และขณะนี้พรรคได้แจ้งไปยังสมาชิกว่า ใครประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ให้แจ้งความจำนงมาที่พรรคฯ เพื่อทำไพรมารี ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
‘เศรษฐา’พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ
บ่ายวันเดียวกันที่ร้านWHEELER BED&BIKE อ.เมือง จ.ชลบุรี บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำชลบุรี พรรค พท.ได้พูดคุยเกี่ยวกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการสนับสนุนจากภาครัฐกับผู้ประกอบการในพื้นที่โดยนายเศรษฐากล่าวยอมรับว่า ถึงการลงพื้นที่พบประชาชนเป็นสัปดาห์ที่2 แต่ยังไม่ชิน เพราะเป็นก้าวใหม่ของชีวิต ตนเพิ่งก้าวเข้ามา ก็ถือเป็นน้องใหม่
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ถูกจับตาในสนามการเมืองมากขึ้น และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ขู่ว่าจะขุดคุ้ยนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า แต่ละคน ก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป ตนมาตรงนี้ ก็มั่นใจว่ามาทำเพื่อประชาชน หากบอกว่าไม่กลัวเลย ก็ไม่เชิง แต่เราก็เต็มที่ และมั่นใจว่าเจตนารมณ์ของเราบริสุทธิ์
เมื่อถามย้ำว่าพร้อมที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพท.หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า“พร้อมครับ ส่วนจำเป็นที่จะต้องมีชื่ออยู่ในรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคหรือไม่นั้น อย่าพูดไปถึงขนาดนั้นเลย จะเป็นการกดดันกรรมการบริหารพรรค ขอให้แล้วแต่กรรมการบริหารพรรค แต่เชื่อว่าอีกไม่นาน วันนี้ผมขอทำหน้าที่ ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้ดีที่สุด”
เมื่อถามว่าคิดว่าการเป็นส.ส. ควบคู่กับตำแหน่งอื่น จะทำงานได้ดีกว่ารับตำแหน่งนายกฯตำแหน่งเดียว เหมือนที่เคยพูดหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ตนมีความเชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติ และ ฝ่ายบริหาร ควรจะแยกออกจากกัน เมื่อคุณอยู่ในฝ่ายบริหารแล้ว ต้องมีความรับผิดชอบในสภาฯ ด้วย
จับตาครม.นัดส่งท้าย21มี.ค.ก่อนยุบสภา
ด้านนพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมควรประกาศให้ชัดหรือไม่ว่าจะมีการยุบสภาฯ เมื่อไหร่ว่า จริงๆเขาเตรียมที่จะประกาศยุบสภาแล้ว เท่าที่ทราบมา ขณะนี้พระราชกฤษฎีกามีแล้ว เพียงแต่รอลงนามรับสนองและประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น เวลาที่เหลืออยู่ คือวันที่ 20-22มีนาคม แต่ก็มีหลายกระแสข่าวบอกว่าเป็นวันที่ 20 มีนาคม แต่ตนฟังจากรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดบอกว่าจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นครั้งสุดท้ายอีกวันหนึ่ง คือวันที่ 21 มีนาคม และ คาดว่าจะประชุมจนถึงเวลา16.00น.แล้วจะประกาศประราชกฤษฎีกายุบสภาในสองวันคือวันที่ 21 มีนาคม หรือวันที่ 22 มีนาคม แต่เราก็ไม่ได้กังวลว่า เขาจะประกาศหรือไม่ประกาศ ตนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีการเลือกตั้งแน่นอน ซึ่งวันเลือกตั้ง ก็น่าจะเป็นวันที่ 14 พฤษภาคม