บินขึ้นไปกับเจาะสนามเลือกตั้งที่เหนือสุดสยาม อย่างจังหวัดเชียงราย การเลือกตั้งครั้งนี้กับ 7 เขตเลือกตั้ง ยิ่งช่วงนี้เป็นบรรยากาศของการเปิดรับสมัคร สส. ทั้งแบบ “ระบบเขต” และ “แบบบัญชีรายชื่อ” ก็จะคึกคักเป็นพิเศษ บรรดาผู้สมัครสส.แต่ละพื้นที่ต่างทยอยพาตัวกันมายื่นความจำนงสมัครสส. เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งกันถ้วนหน้า สร้างความครึกครื้นเพราะต้องลุ้นหมายเลข
ขณะที่บรรดาผู้ให้การสนับสนุนผู้สมัครแต่ละคน ก็ถือป้ายไปเป็น “แฟนคลับ” รอติดหมายเลขกันอย่างคึกคัก (โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา) ถือเป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครสส.เขตทั่วประเทศ สอดส่ายสายตามองดูแล ในจังหวัดเชียงราย พบว่าผู้มาจาก “พรรคเพื่อไทย”และ “กลุ่มคนเสื้อแดง” เดินทางกันมาให้กำลังใจมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
โดยทางกกต.จังหวัดนอกจากจะอำนวยความสะดวก และเป็นแม่งานตามหัวเมืองต่างๆ แล้ว ยังชี้แจงทำความเข้าใจ และแจ้งถึงระเบียบการหาเสียง ที่เป็นไปอย่าง “เข้มงวด” พร้อมแนะบรรดาผู้สมัคร “ศึกษาข้อกฎหมาย”ให้ดี เพื่อจะได้ “ไม่ทำผิด” กฎหมายเลือกตั้งซึ่งอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการเลือกตั้งได้
มองลึกลงมากันที่บรรดา “ตัวเต็งตัวตึง ม้ามืด” ของจังหวัดเชียงราย หลายคนเป็นอดีต สส.ทั้งอยู่กับ “พรรคเดิม” และย้ายไปอยู่ “พรรคใหม่”ขณะที่บางคนเป็น “นักการเมืองท้องถิ่น”ที่เคยสนับสนุนหรือเป็นลูกหม้อเดียวกัน ก็หันไปสมัครแข่งขันกันเอง
ขณะที่อีกหลายคนเป็นคนรุ่นลูกของอดีตสส.ที่หันมาลงสมัครรับเลือกตั้งพร้อมกับผู้เป็นบิดาที่หันไปลงสมัคร “แบบบัญชีรายชื่อ” อย่างไรก็ตามผู้สมัครหลายคนได้แสดงความกังวลเนื่องจากมีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ทำให้หลายพื้นที่อดีต สส.หรือนักการเมืองท้องถิ่นที่ลงสมัครหลายคนไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ใหม่ ทำให้ต้องสับเปลี่ยนโยกย้ายป้ายหาเสียงกันอย่างวุ่นวาย
ตระกูล “จงสุทธานามณี” ยังคงสังกัดกับ “พรรคเพื่อไทย” เขต 1 เคาะส่ง “ร.ต.อ.ดร.ธนรัช จงสุทธานามณี”ที่ถือเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่เป็น “บุตรชาย” ของ “วันชัย จงสุทธานามณี”นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ “รัตนา จงสุทธานามณี” อดีตนายกอบจ.เชียงราย ลงแข่งขัน
พร้อมลั่นว่า นี่คือก้าวแรกของประชาธิปไตยในประเทศไทย และเป็นก้าวสำคัญที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยจะนำเสนอความตั้งใจ และนโยบายของพรรคเพื่อไทย ไปหาเสียงกับประชาชน เร่งแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น รวมทั้งด้านกฎหมายต่างๆ ที่ยังล้าหลังอยู่ แต่รอบนี้ไม่ง่าย เพราะจะต้องต่อสู้กับสาย “เขี้ยวลากดิน” หลายคน
อีก1ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เขต 6 ส่ง “อิทธิเดช แก้วหลวง” อดีตสส.เชียงราย 4 สมัยลงปักธงสู้ แม้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะพ่ายให้กับ“พีระเดช คำสมุทร” จาก “พรรคก้าวไกล”ที่ในครั้งนี้สวมเสื้อ “ภูมิใจไทย”ลงแข่ง โดยอิทธิเดชหมายมั่นที่จะทวงเก้าอี้สส.สมัยที่ 5 คืน แม้จะมีการแบ่งพื้นที่ใหม่ ทำให้ต้องเร่งหาคะแนนในพื้นที่เพิ่มเติมมา
ส่วน “รังสรรค์ วันไชยธนวงศ์” อดีตสส.พรรคเพื่อไทย ครั้งนี้มาสมัครในนาม “พรรคภูมิใจไทย” สู้ในเขตเลือกตั้งที่ 5 ก็เน้นในแนวทางการหาเสียงมากกว่าที่จะมาจ้องว่าจะต้องจับได้หมายเลขอะไร
โดยจะเน้นเจาะพบปะชาวบ้านแบบกลุ่มย่อย ไม่เน้นปราศรัยใหญ่ แม้จะย้ายจากเพื่อไทยมาอยู่ภูมิใจไทย ก็อาจมีผลกระทบบ้างกับ “ฐานคะแนน” บางกลุ่ม แต่การเลือกตั้งหนนี้กับบัตร 2 ใบ วัดกันที่ “ความไว้วางใจ” ของประชาชน
อีกคนที่ย้ายขั้วจากพรรคก้าวไกลมาซบภูมิใจไทย อย่าง “เอกภพ เพียรพิเศษ” ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 ถนัดงานด้านสาธารณสุข ก็เร่งช่วยแก้ไขสถานการณ์มาตั้งแต่ช่วง “สถานการณ์โควิด-19” ใช้ความจริงจัง ทำงานเข้าสู้ เพราะในจังหวัดเชียงราย มีปัญหาทั้ง ไฟป่า ดินถล่ม น้ำท่วมภัยแล้ง ไม่ใช่มาโผล่เอาเฉพาะแต่ช่วงหาเสียง ก็หวังใช้ตรงนี้ ทำให้ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งเหมือนตอนสังกัดกับพรรคก้าวไกล
เท่าที่ดูแล้ว พื้นที่เชียงราย ทางพรรคเพื่อไทย ที่ดูมีภาษีดีกว่า จากจำนวนสส.รอบที่ผ่านมาในจังหวัด ก็จะต้องขับเคี่ยว บดบี้แย่งชิง กับบรรดางูเห่าย้ายค่าย ที่ส่วนใหญ่ย้ายมาซบภูมิใจไทย ช่วงชิงปักธงในพื้นที่กันอย่างดุเดือด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี