เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“เจาะสนามเลือกตั้ง” เที่ยวนี้ขอโฟกัสไปที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้แบบเป็นแพ็กเกจ กับความหวังของ “พรรคประชาธิปัตย์” ในการ “ปักธง” ทวงคืน “ด้ามขวานทอง” ของประเทศไทยกลับมาอีกครั้ง หลังถูกหลายพรรคเข้ามา “ชิงพื้นที่” แชร์เก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ภาคใต้ไปหลายที่นั่ง ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา โดยการจัดทัพของประชาธิปัตย์ รับศึกเลือกตั้ง สส. ปี 2566 นี้ “นายกชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรค ถูกวางตัวให้เป็นผู้รับผิดชอบการเลือกตั้งภาคใต้ ร่วมกับ “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรค อดีต รมช.มหาดไทย
ทั้ง 2 ขุนพล จะรับผิดชอบผู้สมัครสส. ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ จำนวน 40 เขตเลือกตั้ง โดย นิพนธ์ จะดูแลภาพใหญ่ของภาคใต้ และแบ่งความรับผิดชอบไป20 เขตเลือกตั้ง ขณะที่ในส่วนของเดชอิศม์ นอกจากจะคุมทัพภาคใต้แล้ว ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็จะลงแข่ง สส.ใน “เขต 5 สงขลา” ได้แก่พื้นที่ อ.รัตภูมิ,ควนเนียง และบางส่วนของ อ.สิงหนคร อีกด้วย
“อย่านำเอาตัวเลขของความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มาประเมินกับการเลือกตั้งในปี 2566 เพราะในปี 2562 พรรคมีการเตรียมความพร้อมน้อยมาก และประเทศไม่มีการเลือกตั้งมา 4 ปี ทำให้ สส.กับประชาชน ห่างเหิน จึงเป็นเหตุให้ประชาธิปัตย์ เสียที่นั่งให้กับ สส.พรรคอื่นๆ ไปเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ในภาคใต้” คำลั่นวาจาของนายกชาย เพื่อเป็นการ “ปลุกขวัญ” ประชาธิปัตย์ กลับมาคว้า สส.ใต้ ให้ได้
บรรดา “พ่อทัพ-นายกอง” ที่รับผิดชอบภาคใต้ของประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ ต่างมั่นใจว่า “มีความพร้อมมากที่สุด” มีการเตรียมวางผู้สมัครเอาไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่เนิ่นๆ ในช่วงวิกฤตที่มีบรรดาสมาชิกพรรคทยอยไหลออกไปอยู่พรรคอื่น ก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นการ “ส่งสารท้ารบ” ไปยังบรรดาพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มาลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งภาคใต้ ที่นั่งทั้ง 60 เขต ก็จะต้อง “ถูกแชร์” ออกไปแน่นอน จะมากจะน้อยขึ้นอยู่พลังแรง หรือกำลังภายในต่างๆ รวมทั้ง “ปลายปากกา” ของประชาชนที่จะชี้ชะตา
เริ่มที่ “สงขลา” แกนนำอย่างนายกชาย มั่นใจว่า ประชาธิปัตย์จะสามารถ “เหมายกจังหวัด” แบบไม่เหลือพื้นที่แชร์ ให้พรรคอย่าง “รวมไทยสร้างชาติ” ที่มี“ลุงตู่” ชูโรง หรือแม้แต่กระทั่ง “พลังประชารัฐ” ของ “ลุงป้อม” อาจรวมทั้ง “ภูมิใจไทย”ที่ก็มีแม่ทัพภาคใต้ อย่าง “เจ๊นาที รัชกิจประการ” กุมบังเหียน หมายมั่นปั้นมือสานต่อคว้า สส.ใต้ให้ได้ต่อเนื่องเช่นกัน หรือจะเป็นที่ “ตรัง” จังหวัดบ้านเกิดของอดีตหัวหน้าพรรคอย่าง “นายหัวชวน หลีกภัย” ก็หวังที่จะทวงบัลลังก์ สส.กลับคืนมาทั้ง 4 เขต
แต่ที่ “พัทลุง” จังหวัดนี้ต้องยอมรับว่าเป็น “โซน” ของ “รัชกิจประการ” แห่งพรรคภูมิใจไทย เรียกได้ว่า “ของแข็งเขี้ยวลากดิน” ถึงกระนั้น ประชาธิปัตย์ก็พร้อมสู้ เพียงแต่อาจต้องสู้กันอย่างหนักและเหนื่อยเอาเรื่อง เพราะไม่ง่ายเลยที่จะเจาะฐานที่มั่นของภูมิใจไทยในพัทลุง แต่ขุนพลภาคใต้ ปชป. ก็มั่นใจว่า “เขต 1” และ “เขต 3” เป็นของประชาธิปัตย์แน่นอน เหลือเพียง “เขต 2” ที่ยังต้องลุ้นหนักทั้งในส่วนของผู้สมัครและของพรรค สุดท้ายแล้วขอ “เหยียบจมูก” ถิ่นภูมิใจไทย ด้วย “ยกจังหวัด” ทำไมจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้
“วันนี้ประชาธิปัตย์ ภาคใต้ เราคาดหวังว่าจะเป็น แลนด์สไลด์ของภาคใต้ เราไม่ได้หยุดอยู่ที่ตัวเลข 40 หรือ 45 อย่างที่เคยตั้งความหวังไว้ แต่เราตั้งเป้าไว้ที่ 50 ที่นั่งเหลือเพียง 10 ที่นั่ง ให้กับพรรคคู่แข่ง ซึ่งทุกพรรคที่เป็นคู่แข่งกับ ประชาธิปัตย์ ต่างมีปัญหาภายในพรรคเช่นกัน นี่จึงเป็นจุดแข็งในการที่ประชาธิปัตย์จะได้ สส.ภาคใต้ แบบถล่มทลาย จากการเลือกตั้งครั้งนี้” เดชอิศม์ พ่อทัพขุนพลใต้ ปชป. ลั่นทิ้งท้าย
แถมให้อีก 1 จังหวัด ในแถบชายแดนภาคใต้ อย่าง “ยะลา” ที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งความหวังไว้กับ “ณรงค์ ดูดิง” ผู้สมัคร สส.เขต 3 ของพรรค ที่ชูสโลแกน “คนบ้านเรา พัฒนาบ้านเรา” ขอทวงเก้าอี้คืน เพื่อพี่น้องโดยเฉพาะชาว “อำเภอเบตง” มาขอความไว้วางใจให้ประชาธิปัตย์ โดย ณรงค์ ได้หมายเลข 1 ในการสู้ศึกเลือกตั้ง เดินหาเสียงในช่วง “เดือนรอมฎอน” ทักทาย “สลาม” พี่น้องชาวไทยมุสลิม “สวัสดี” พี่น้องชาวไทยพุทธทั้ง พ่อค้า-แม่ค้า นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย
การลงพื้นที่พบปะประชาชนชาว อ.เบตง ในครั้งนี้ ถือเป็นพื้นที่ “บ้านเกิด”ของ ณรงค์ ในยุทธวิธี คนพื้นที่อย่างไรก็เข้าใจ เข้าถึง และใช้ความได้เปรียบตรงนี้ แสดงความมั่นใจว่า “มัดใจ” ชาวบ้านปักธงซิวชัยในครั้งนี้ ด้วยผลงานสำคัญอย่าง “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ผลักดันระเบียงเศรษฐกิจไทย-มาเลเซีย ให้เดินหน้าต่อ ภายใต้บทบาทที่เคยเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย-มาเลเซีย การค้า-การท่องเที่ยวชายแดนใต้เรียกได้ว่าเป็น “ของถนัด” ที่จะสานต่องาน
อีกทั้งยังเร่งขยายถนน 410 ยะลา-เบตง รองรับการเติบโตธุรกิจการท่องเที่ยว เศรษฐกิจและการขนส่งของเมืองชายแดน แก้ปัญหาสนามบินเบตง ที่ยังคงไร้เที่ยวบินพาณิชย์ แม้จะยังเปิดบริการปกติ รองรับเครื่องบินส่วนบุคคล และเครื่องบินของหน่วยราชการ พร้อมสนับสนุนด่านด่านการค้าชายแดนให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในเรื่องของความมั่นคง ชูเดินหน้าการเจรจาเพื่อสร้างสันติสุข พร้อมเปลี่ยนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้เป็นพื้นที่ “ความมั่นคงทางอาหาร” เปลี่ยนนาร้างเป็นนาข้าว ดันอาหารฮาลาล ผลิตอาหารให้กับชาวมุสลิมทั่วโลก
โดยสรุปแล้ว...แม้พรรคประชาธิปัตย์จะแสดงความพร้อม-ความมั่นใจ ทวงบัลลังก์คืนในครั้งนี้ แต่ก็ต้องต่อสู้อย่างหนักกับคู่แข่ง ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันมาในรอบที่แล้ว ซึ่งแต่ละพรรคก็มีความเขี้ยวลากดิน ไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าไม่ใช่งานง่าย และทุกอย่างจะ “ตอบโจทย์” หลังหย่อนบัตร “14 พ.ค. 2666” นี้ เท่านั้น!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี