‘บิ๊กตู่’นำทัพลุยใต้
ปักหลักค้างคืน-ไม่หวั่นชนหลายพรรค
ปชป.มั่นใจ‘สุราษฎร์-พังงา’กวาดยกจว.
‘สุดารัตน์’ชูอีสานมั่งคั่ง/แก้แล้ง/หายจน
พปชร.ดัน3ลดใช้จ่าย7เพิ่มเงินประชาชน
เอาใจเกษตรกรชูโครงการ‘ปุ๋ยคนละครึ่ง’
“บิ๊กตู่” ออกอาการล้า จับแขนทีมงานขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าหลังโหมงาน-ลุยหาเสียงหนัก ลั่นไม่หวั่นพร้อมแข่งทุกพรรค ชิงหาเสียงพื้นที่ภาคใต้ขออย่าขัดแย้งย้ำให้พิจารณาให้ดีในการจะเดินหน้าประเทศไทยไปข้างหน้าลั่นจะพยายามทำให้ดีที่สุด “ธนกร”เผยนายกฯ เตรียมลุยใต้ 29-30 เมษายน “ตรัง-พัทลุง-สงขลา” หลังความนิยมพุ่งไม่หยุด ตอกย้ำนโยบายทำจริง-ไม่ขายฝัน ด้าน “จุรินทร์”เตรียมล่องใต้
‘สุราษฎร์-พังงา’29-30 เม.ย.มั่นใจยกจังหวัด ‘พปชร.ประชุมใหญ่สามัญพรรค รับรองการดำเนินงานในรอบปี-งบการเงิน พร้อมรับรอง20นโยบายสำคัญ’3ลด ค่าใช้จ่าย7เพิ่มเงินปชช.เอาใจเกษตรกร8ล้านครัวเรือน ชู’ปุ๋ยคนละครึ่ง’รัฐช่วย50% พร้อมตั้ง กองทุนปุ๋ยประชารัฐ ลดต้นทุนการเพาะปลูก เพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวไร่-ชาวนา
เมื่อวันที่ 28เมษายน2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นช่วงไปพร้อมกับหลายพรรคการเมือง ถือเป็นการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นหรือไม่ว่า ไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ถือเป็นการแข่งขันกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่า รักใครชอบใคร ก็ฟังคนนั้นหาเสียง ช่วงนี้เป็นช่วงท้ายของการหาเสียงทุกคนก็ต้องมุ่งหวังที่จะนำพาพรรคไปสู่ชัยชนะ เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยก็ว่ากันไป ไม่ใช่ว่าใครไปจังหวัดนี้ แล้วคนอื่นจะไปไม่ได้ หลายคนพร้อมที่จะพบเจอกันก็ได้ แต่อย่าขัดแย้งกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ฝากถึงทุกพรรคที่กำลังหาเสียงว่า ขอให้ทุกคนมีความสำเร็จ มีความสุข ประสบความสำเร็จดังที่หวังตั้งใจไว้ นอกจากนี้ ขอให้พิจารณาให้ดีในการจะเดินหน้าประเทศไทยไปข้างหน้าและให้ดูว่า พื้นฐานมาจากอะไร สำคัญตรงไหน นอกจากประชาชนและประเทศแล้ว ต้องดูบริบทต่างๆของประเทศ ต่างประเทศและโลกด้วยว่า เขาเป็นอย่างไร ฉะนั้นเราต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับเขาหรือไม่ในการที่จะเป็นรัฐบาลใหม่ในการขับเคลื่อนประเทศของเราไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ดีกว่า ซึ่งตนจะพยายามทำให้ดีที่สุด
บิ๊กตู่ออกอาการล้าจับแขนทีมงานขึ้นตึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ มีสีหน้าอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จระหว่างที่นายกฯ เดินขึ้นบันไดตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯได้จับแขนทีมรักษาความปลอดภัยทั้ง 2 ข้าง ซ้าย-ขวา เพื่อก้าวขึ้นบันไดด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่27เม.ย.เวลา22.00 น.นายกฯได้ไปต้อนรับคณะคนไทยกลุ่มที่1ที่กลับมาจากซูดานที่โดยสารมากับเที่ยวบิน A340-500 จากท่าอากาศยานนานาชาติ King Abdulazizเมืองเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย จำนวน78 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมืองและช่วงที่ผ่านนายกฯลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่องหลายจังหวัดนอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับที่นายกฯ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ยอมรับว่าเครียด นอนไม่หลับและน้ำหนักลดลงไป 5 -6 กิโลกรัม จึงทำให้ไม่แข็งแรงเท่าเดิม
กกต.ยังไม่อนุมัติงบฯหมื่นล้านช่วยค่าไฟ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้อนุมัติการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือค่าไฟ หรือยัง หลัง ครม.มีมติขอใช้งบกลางประมาณ1หมื่นล้านบาทช่วยเหลือประชาชนว่า เขายังไม่ตอบกลับมา ถ้าพูดถึงสภาพอากาศก็ดีขึ้นหน่อยแล้ว เพราะมันเริ่มลดลงแล้ว ส่วนช่วงเดือนเมย.มันหนักเพราะ อากาศร้อนขึ้นและต้นทุนพลังงานมากขึ้น ซึ่งเราก็ลดไปหลายตัวแล้ว กลุ่มเปราะบางก็มีไปแล้ว
เตรียมลุยใต้29-30 เม.ย.ตรัง -พัทลุง-สงขลา
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ เปิดเผยว่า วันที่ 29-30เม.ย.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช.ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงภาคใต้ จ.ตรัง จ.พัทลุงและจ.สงขลา โดยวันที่ 29เม.ย.ช่วงเช้า ขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเทศบาลเมืองกันตัง และปราศรัยพบปะประชาชนที่บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติหน้าธนาคารกรุงไทย จากนั้นเดินทางไปยังวัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง เพื่อกราบสักการะพระสมเด็จวัดกะพังสุรินทร์ ก่อนขึ้นรถแห่รอบเทศบาลเมืองตรัง และปราศรัยพบปะประชาชนที่ศูนย์ประสานงานพรรค รทสช.จ.ตรัง เขตเลือกตั้งที่ 1
ขณะที่ ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปยัง อ.นาโยง เพื่อปราศรัยย่อยหน้าสำนักงานเทศบาลนาโยงและเวลา 15.00น.ถึงวัดเขาอ้อ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพบปะประชาชนที่มารอให้การต้อนรับที่บริเวณวัดเขาอ้อ จากนั้นขึ้นรถแห่ไปยังตลาดควนขนุน เพื่อพบปะประชาชนและเดินทางต่อไปยังสวนเฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองพัทลุง หาเสียงรอบเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ก่อนเดินทางไปยังโรงเรียนพัทลุงเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นเวทีปราศรัยในเวลา 18.00 น.ที่โดมอเนกประสงค์ โรงเรียนพัทลุง ทั้งนี้ หลังปราศรัยเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ จะพักค้างคืนที่โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทลแอนด์สปา ตะพะวง อ.เมืองสงขลา ถือเป็นการลงพื้นที่แบบนอนพักค้างคืนครั้งแรกในการหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์
เสียงตอบรับดี-นโยบายทำได้จริง-ไม่ขายฝัน
จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.พล.อ.ประยุทธ์ จะออกเดินทางด้วยขบวนรถแห่จากที่พัก ไปวัดน้ำกระจาย พบปะประชาชน ก่อนเดินทางไปตลาดทรัพย์สินฯและตลาดนัดวันอาทิตย์ ย่านเทศบาลสงขลา เพื่อพบปะประชาชน และเวลา 11.00น.พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีปราศรัยลานคนเมืองเทศบาลนครสงขลา ก่อนรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านข้าวสตูเกียดฟั่ง เวลา14.00น.พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปโรงเรียนบ้านเขาพระ อ.รัตภูมิ เพื่อพบปะประชาชนและเดินทางต่อไปไหว้พระที่วัดโคกเหรียง อ.คลองหอยโข่ง ก่อนที่ในเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ดินแยกสะพานดำ อ.หาดใหญ่ และเดินทางกลับถึงกทม.เวลา 21.00น.ภาคใต้ถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรค รทสช.จากการลงพื้นที่สัมผัสได้ถึงกระแสความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ ผู้สมัครสส.ของพรรคเดินหน้าลงพื้นที่อย่างหนัก โดยก่อนหน้านี้ ตนได้ลงมาเปิดเวทีปราศรัยย่อยช่วยผู้สมัครที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บวกกับนโยบายพรรคที่มุ่งหวังความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นซึ่งทำได้จริงทั้งหมด ไม่มีขายฝัน ไม่มีโกหกกับประชาชนเพื่อหวังผลคะแนน โดยวันที่ 14พ.ค.พรรครวมไทยสร้างชาติ หวังพี่น้องคนไทยให้โอกาสพรรคไปทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในสภาให้มากที่สุด กาทั้งคนทั้งพรรค หมายเลข 22 เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผลักดันนโยบายพรรคสู่พี่น้องประชาชน ตามสโลแกน”ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย
‘จุรินทร์’ล่องใต้สุราษฎร์-พังงา29-30เม.ย.
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย ทีมโฆษกประจำศูนย์เลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในวันที่ 29-30 เม.ย. นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป.พร้อมแกนนำพรรค เตรียมล่องใต้ ลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานีและจ.พังงา เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน พร้อมเปิดเวทีปราศรัย 3เวที โดยเริ่มต้นกิจกรรมตั้งแต่ ในช่วงเย็นวันที่ 29 เม.ย.เปิดเวทีปราศรัยบริเวณข้างโรงแรมวังใต้ ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และในวันที่ 30 เม.ย.ช่วงเย็น จะมีปราศรัยที่ อ.เมือง จ.พังงา และ ช่วงค่ำไปปราศรัยที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา บริเวณศาลเจ้าเล่งสั้นเก้ง (ศาลเจ้าท้ายเหมือง) สำหรับพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 7 เขตเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นอดีต สส.ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลงานและทำงานในพื้นที่ ทำให้พรรคเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งวันที่ 14พ.ค.นี้ พรรคจะยังคงรักษาแชมป์ครองเก้าอี้ครบทุกเขต ได้ที่นั่ง ส.ส. ยกจังหวัดอย่างแน่นอน ส่วน จ.พังงา การเลือกตั้งครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 เขต โดยเขต 1 พรรคส่ง นางกันตวรรณ ตันเถียร ซึ่งเป็น ส.ส.มา 5 สมัยและมีผลงานโดดเด่นทั้งในพื้นที่และการทำงานในสภา จึงคาดว่าจะยังรักษาที่นั่งไว้ได้ ขณะที่เขต 2 คือนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ก็ได้รับเสียงตอบรับดีขึ้นตามลำดับ
พปชร.ประชุมใหญ่รับรอง20นโยบายสำคัญ
เวลา 10.40 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดประชุมใหญ่สามัญพรรคประจำปี ครั้งที่ 2/2566 โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีกรรมการบริหารพรรค(กกบห.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค ผู้แทนสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค เกิน 250คน เข้าร่วมครบองค์ประชุมตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีที่ผ่านมา อาทิ การแก้ไขข้อบังคับพรรค และการคัดเลือก กก.บห.พรรค การประชุมสาขาพรรค และพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการเงินของพรรคการเมืองในรอบปีที่ผ่านมา
จากนั้นเวลา 11.30น.นายไพบูลย์ แถลงผลประชุมว่า หัวหน้าพรรคมอบหมายให้ตนทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมใหญ่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา43 ที่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องจัดทำรายงานพรรคการเมืองในรอบปีปฎิทิน เพื่อเสนอในที่ประชุมใหญ่ในรอบปี ภายในเดือนเม.ย.โดยที่ประชุมเห็นชอบการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองที่ดำเนินการตามที่เลขาธิการพรรคเป็นผู้นำเสนอ และเห็นชอบรายงานการเงินของพรรคในรอบปีตามที่เหรัญญิกพรรคเสนอ
เปิดแผน3ลดค่าใช้จ่าย7เพิ่มเงินประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับรองและเห็นชอบ เรื่องการนำเสนอ 20นโยบายสำหรับหาเสียงของพรรค พปชร.ที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต.เห็นชอบทั้ง 20นโยบาย ที่มีประเด็นสำคัญ แยกเป็น 3 นโยบายลด ค่าใช้จ่ายให้ประชาชน คือ 1.ลดค่าไฟฟ้า เหลือ2.50บาท เพื่อช่วยประชาชน และ2.70 บาท ช่วยภาคอุตสาหกรรม 2.ลดค่าน้ำมันเบนซิน เหลือลิตรละ 25.99บาท ดีเซลเหลือลิตรละ 28.07 บาท โดยยึดหลักให้ความยุติธรรม ไม่เพิ่มภาระประชาชน ไม่เห็นด้วยเก็บภาษีสรรพามิต และกองทุนน้ำมัน และ 3.ลดค่าแก๊ส 173 บาท เหลือ 253บาท
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วน 7นโยบายเพิ่มเงินในบัญชีให้ประชาชนโดยตรง ที่จะทำให้ประชาชน คือ 1.บัตรประชารัฐ700 พร้อมวงเงินประกันชีวิต 2แสนบาท 2.โครงการ แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ 3.เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 4.ให้ทุนการเพาะปลูกเกษตรกร 7.5ล้านครัวเรือน ที่ลงทะเบียน ครัวเรือนละ30,000บาท 5.สร้างอาชีพผู้ถือบัตรประชารัฐ 1 ล้านคน โดยให้ทุนรายละ 3หมื่นบาท 6.ลดต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนา ไร่ละ2,000บาท ไม่เกิน15ไร่ เป็นเงิน30,000บาทและ7.สนับสนุนปุ๋ยคนละครึ่ง โดยให้รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือประชาชนครึ่งหนึ่ง โดยที่ประชุมรับรองทุกประเด็นที่เสนอเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่านโยบายที่ออกมาจะเป็นประโยชน์ให้กับประชาชน
เอาใจเกษตรกร’ปุ๋ยคนละครึ่ง’รัฐช่วย50%
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยถึงนโยบายด้านการเกษตร ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ให้ความสำคัญกับเกษตรกรทุกกลุ่ม มีนโยบายด้านการเกษตรออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ จากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาปุ๋ยขยับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แม้ปัจจุบันปัญหาราคาปุ๋ยแพงจะคลี่คลายลงบ้าง จากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่เริ่มทยอยปรับลดลง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรเกิดความไม่มั่นใจและเป็นห่วงว่าราคาปุ๋ยเคมีที่แพงและผันผวนมากจะกระทบต่อต้นทุนการเพาะปลูกรวมถึงรายได้ของเกษตรกรอาจไม่เพียงพอต่อภาระค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ที่สำคัญ ปีนี้มีแนวโน้มว่าสถานการณ์ “ผลผลิตเกษตร” ของโลกลดลง จากปัญหา “ร้อน-แล้ง” และยังมีความ“ต้องการ” เพิ่มขึ้น ฉะนั้น เกษตรกรไทยจึงควรทำให้พืชผลทางการเกษตรมีศักยภาพในการแข่งขัน โดยรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยดูแลให้เกษตรกรมีต้นทุนการเพาะปลูกที่ต่ำ อีกทั้ง จำหน่ายผลผลิตเกษตรให้ได้ในราคาสูง
ล่าสุด พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบาย “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ออกมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกร ทำให้สามารถซื้อปุ๋ยได้ในราคาถูก เนื่องจากรัฐบาลจะช่วยอุดหนุน 50 % พร้อมกับจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ซึ่งจะครอบคลุมเกษตรกร จำนวน 8 ล้านครัวเรือน เพื่อลดต้นทุนการเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน พร้อมฝากประชาชน พิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน
“วิรัช”จี้กกต.รับร้องเรียนแจกเงินดิจิทัล
นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจกรรมและการปราศรัยหาเสียง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายจะแจกเงินดิจิทัล 10,000บาทให้คนที่ไทยเป็นเงิน 560,000 ล้านบาทว่า ตอนนี้หลายฝ่ายได้ไปยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยแล้ว เนื่องจากมีประเด็นทางข้อกฎหมายอีกหลายข้อ สอดคล้องกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ยืนยันว่า เงินดิจิทัลภาคประชาชนยังอยู่ในช่วงทดลองศึกษา โดยไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบ ขณะที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายพรรค พปชร. อดีต รมว.คลัง และอดีตรองผู้ว่า ธปท. ก็ออกมาให้ความเห็นว่า นโยบายนี้จะเข้าข่ายพ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 ซึ่งธปท. เป็นองค์เดียวที่มีอำนาจในการออกเงินตราได้ นอกจากนี้ เหรียญดิจิทัลจะออกแบบให้เป็นบล็อกเชน โดยมีการเก็บข้อมูลในการใช้จ่ายของผู้ใช้ จำนวนมากถึง 54ล้านคน โดยที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อน จึงมีความเสี่ยงที่จะรั่วไหล และถ้าเกิดรั่วไหลขึ้นมาจะเป็นอันตรายต่อประชาชน
สงสัยฝ่าฝืนพรป.เลือกตั้งสส.มาตรา73(5)
นายวิรัช กล่าวว่า การประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ในข้อกฎหมายด้วย เพราะเงินดิจิทัลจะถูกนำไปตีความในพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 ซึ่งจะเป็นอุปสรรคและเป็นประเด็นที่ควรจะต้องมีการปรึกษาเพื่อจะหาทางออกให้เรียบร้อยก่อนและยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า จะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (5) ฐานเป็นผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใดด้วยวิธีการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หรือไม่ อีกด้วย
“ผมมองว่า นโยบายแจกเงินดังกล่าว นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยหวังใช้เป็นกลยุทธ์ในการหาเสียงมากกว่า เหมือนแนวประชานิยมสุดโต่ง แจกเงิน หวังมัดใจคนไทยเพื่อออกไปเทคะแนนให้กับพรรคตัวเอง แต่ผมเชื่อว่า จะเกิดผลเสียตามมาในอนาคตแน่นอน เพราะเริ่มต้นก็สอนให้ประชาชนเคยชินแบมือขอจากรัฐ แทนที่จะสอนให้ประชาชนสามารถจับปลาได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดความมั่นคงของเศรษฐกิจในประเทศ คนไทยมีวิจารณญาณเพียงพอที่จะเลือกผ้แทนด้วยตัวเอง สามารถ คิด วิเคราะห์ แยกแยะได้ว่า นโยบายสร้างฝันเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริง หรือเป็นเพียงวาทกรรมในช่วงหาเสียงเท่านั้น พร้อมเรียกร้องกกต.เร่งรับเรื่องร้องเรียน เพราะเงินดิจิทัลที่จะแจกไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 มาตรา6 มาตรา9 และมีโทษตามมาตรา35หรือไม่ โดยต้องเร่งรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย”นายวิรัช กล่าว
“สนธิญา”ร้องผู้ตรวจฯส่งศาลรธน.วินิจฉัย
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายอาจณรงค์ พุ่มงาม ผอ.ส่วนตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกลาง สำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาและมีความเห็นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย (พท.) ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ก. (2)(3) หรือไม่
โดยนายสนธิญา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายหาเสียง 10 ข้อ ซึ่งในจำนวนนั้น มีการประกาศนโยบายเรื่องการถมทะเลจากกรุงเทพมหานคร ไปยังจังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร และตนเป็นคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องการถมทะเลของจังหวัดสมุทรสาคร พบว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงในการดำเนินโครงการต่างๆ จึงเชื่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายนี้ ยังไม่ได้ศึกษาเรื่องความคุ้มค่าในการดำเนินโยบาย ผลกระทบและความเสี่ยง ที่จะเกิดจากการดำเนินนโยบาย ขณะเดียวกัน ยังประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล10,000บาท โดยระบุใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 20% ของจำนวนงบประมาณแผ่นดิน และพบว่า เมื่อปี2554 สมัยที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นรัฐบาล ได้ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว และเกิดความเสียหาย เป็นเงินกว่า 8.84 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน การจัดทำงบประมาณของรัฐบาล ต้องมีการกันเงินราวๆ 3.5หมื่นล้านบาท ไปจ่ายให้กับธนาคาร เพื่อชดใช้ความเสียหายในโครงการดังกล่าว ซึ่งต้องจ่ายต่อเนื่องไปถึงปี2577 จึงเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินโรงการกระเป๋าเงินดิจิทัล และเกรงว่าจะทำให้เกิดความเสียหายซ้ำรอยโครงการจำนำข้าว
งบมาจากไหน-คุ้มค่า-มีความเสี่ยงหรือไม่
“ผมไม่เชื่อมั่นการทำงานของกกต.เพราะกกต.ก็ไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่า นโยบายเหล่านี้ของพรรคการเมือง มีการจัดทำเรื่องความคุ้มค่า ความเสี่ยง ที่มาของงบฯเป็นอย่างไร ขณะที่พรรคการเมืองเอง เมื่อประกาศนโยบายแล้วก็ไม่มีการให้รายละเอียดเรื่องนี้ต่อประชาชนอย่างชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักในการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ก. (2) ที่กำหนดให้การดำเนินการของพรรคการเมืองต้องเปิดเผย ตรวจสอบได้ และต้องมีกลไกที่กำหนดความรับผิดชอบของพรรคการเมืองในการประกาสนโยบายที่ได้มีการวิเคราะห์ ผลกระทบ ความคุ้มค่า และความเสี่ยงอย่างรอบด้าน จึงควรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย” นายสนธิญา กล่าว
นายสนธิญา กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะไปเข้าลักษณะตามมาตรา 21 มาตรา 22 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดให้กรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่ควบคุม ดูแลรับผิดชอบการดำเนินกิจกรรมและการดำเนินนโยบายของพรรคให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด เมื่อกรรมการบริหารพรรคไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ก็จะถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง โดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐบาลเป็นเหตุให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ตามมาตรา 92 ของกฎหมายเดียวกัน ในสัปดาห์หน้าจะไปทวงถามต่อป.ป.ช. กรณีที่ตนเคยยื่นขอให้มีการตรวจสอบ ส.ส.ที่ไม่เข้าประชุมสภาช่วงปี2564 -2565 จำนวน 17 ครั้ง จนเป็นเหตุให้สภาล่ม เนื่องจากขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่เข้าร่วมประชุมในช่วงเวลาดังกล่าว มาให้ตนตามที่ยื่นหนังสือขอไว้ พบว่า มีถึง 171คน ซึ่งตนเห็นว่า การไม่เข้าร่วมประชุมถือว่า เข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นความผิดที่ป.ป.ช.ควรเร่งดำเนินการสอบสวนและชี้มูลเอาผิดเพราะทั้ง 171 คนยังลงสมัคร ส.ส. หากป.ป.ช.ล่าช้า ตนจะไปร้องต่อศาลปกครอง เพราะถ้าคนเหล่านี้ได้กลับเข้ามาเป็นส.ส. ก็จะส่งผลเสียต่อการมาทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
‘เพื่อไทย’ตั้งศูนย์ปราบโกงเลือกตั้ง
ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยและผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวแต่งตั้ง กลุ่มงานกฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมเปิดตัว พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้า‘ศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง’ของพรรคเพื่อไทย
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งมี 3ภารกิจหลัก 1.ป้องกัน ปราบปราม ไม่ให้การเลือกตั้งส่อไปในทางทุจริต ให้ประโยชน์ แจกเงิน ซื้อเสียง ฝ่าฝืน กฎหมายและระเบียบของ กกต.2.การปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ และ 3.การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ เป็นไปโดยถูกต้อง วางตนเป็นกลางหรือไม่ วางตนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ โดยเฉพาะเข้าข้างเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือผู้อำนาจในขณะนี้
‘สุดารัตน์’ลุยอุบลฯปชช.เชียร์นั่งนายกฯ
ที่วัดป่าศรีมงคล เทศบาลตำบลบุณฑริก อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) หมายเลข32 พร้อมด้วย นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ เบอร์ 10 เขต 9 พรรคไทยสร้างไทย จัดปราศรัยใหญ่อุบลราชธานี โดยมีประชาชนสนใจฟังปราศรัยกว่า 20,000 คน รวมทั้งพร้อมใจกันตะโกนเชียร์ “นายกฯหน่อยๆ”ดังสนั่น ตลอดระยะเวลาการปราศรัย
ผลงานชัดเจน-ไม่ทุจริต-ไม่ทิ้งคนอีสาน
นางรำพูล กล่าวว่า ชาวอีสานโดยเฉพาะคนอุบลราชธานีรัก คุณหญิงสุดารัตน์ มาก อยากให้เป็นนายกฯลูกอีสาน เพราะคุณหญิง ไม่เคยทอดทิ้งคนอีสาน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนอีสานมาโดยตลอด เวลาพี่น้องเดือดร้อนคุณหญิงจะมาช่วยทุกครั้ง อย่างน้ำท่วมอุบลฯก็มาทุกปีถึง แม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ที่สำคัญ คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นคนทำงานจริงจัง มีผลงานมากมาย เช่น โครงการ 30บาทรักษาทุกโรค ที่พี่น้องได้ใช้มาถึง 22ปีและไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเรื่องการทุจริตเลย ถือเป็นนักการเมืองมือสะอาดและมุ่งมั่นตั้งใจทำให้พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ สร้างพรรค ทสท.เพื่อให้เป็นทางรอดของประเทศ โดยมีจุดหมายยุติสงครามการเมืองสองขั้วที่ต่อสู้แย่งอำนาจกันมา17ปี ทำให้ประชาชนยากลำบากอย่างแสนสาหัส คนอีสานจึงมองเห็นว่า พรรคทสท.คือทางรอดของประเทศไทยอย่างแท้จริง เพราะ คุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง มีจุดยืนชัดเจน ไม่เอาเผด็จการและจะสามารถเชื่อมประสานการทำงานเพื่อผลักดันนโยบายดีของพรรคไทยสร้างไทยได้สำเร็จ
นางรำพูล กล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะเป็นบำนาญประชาชนเดือนละ3,000บาท ปฏิวัติการศึกษาให้เด็กไทยเรียนอย่างมีคุณภาพ เรียนฟรีจบปริญญาตรี ลดเวลาเรียนลง3-4ปี แต่เพิ่มคุณภาพการศึกษา กองทุนเครดิตประชาชนให้กู้ถึง 50,000บาท ดอกเบี้ยเหลือเพียง1% ต่อเดือน จะช่วยล้างหนี้นอกระบบและทำให้คนตั้งตัวได้ เป็นต้น ที่สำคัญคนอีสานอยากให้มีพรรคการเมืองที่มีคนอีสานเป็นผู้นำอย่าง คุณหญิงสุดารัตน์
ชูแผน’อีสานมั่งคั่ง’แกแล้ง-แก้จน-มีที่ดิน
ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ได้วางแผนสร้าง“อีสานมั่งคั่ง”มุ่งแก้แล้ง แก้จน คืนที่ดินทำกิน นำโฉนดกลับบ้านให้ประชาชน ลดต้นทุนการผลิตปุ๋ย เร่งทำโครงการปุ๋ยเพื่อเกษตรกรไทย ลดราคาปุ๋ย เพิ่มผลผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และมุ่งสู่การผลิตอาหารorganic ไปป้อนขายคนทั้งโลก นอกจากนี้ ยังทำศูนย์เกษตรเศรษฐกิจทุกจังหวัด เพื่อสนับสนุนทุนและเครื่องมือในการแปรรูปสินค้าเกษตรเพิ่มมูลค่า รัฐบาลจะเป็นผู้การจัดการขายและการขนส่งโดยมีแพลตฟอร์มเข้ามาช่วย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรกำหนดราคาขายสินค้าเกษตรได้เองเป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศว่า ด้วยโครงการอีสานมั่งคั่งจะทำให้พี่น้องชาวอีสานหายจน หมดหนี้และมีรายได้ดีขึ้นภายใน3ปี