เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปราศรัยช่วยลูกพรรค
และย้ำว่า เกือบ 20 ปีที่การเมืองไทยจมปลักอยู่กับความขัดแย้ง มันทำให้ความก้าวหน้าที่ควรจะเป็น ถูกรั้งเอาไว้ แต่ประชาชนก็อดทนกันมาได้ แต่จากปัญหา 2 ทศวรรษ สถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราไม่ได้อดทนแต่เราต้องทนอดซึ่งมันไม่สมควรเกิดขึ้นจำได้ไหมครั้งหนึ่งประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม ชั่วโมงนั้นบ้านเมืองสงบคนไทยมีความสามัคคี ประเทศไทยพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจเติบโต แล้วย้อนกลับมาดูช่วง 20 ปี หลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ ทุกท่านตอบคำถามตรงนี้ได้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทย ต้องกลับมาจับมือช่วยกันผลักดันประเทศไปข้างหน้า ให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“ทั้งโลกรู้จักเราในฐานะของสยามเมืองยิ้ม มีการเข้ามาลงทุน เข้ามาท่องเที่ยวทำให้เรามีความเจริญรุ่งเรือง แต่พอเราทะเลาะกันสิ่งเหล่านี้ก็หายไป ตอนนี้เรายังกลับตัวทันประเทศไทยต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ต้องการเห็นคนไทยสามัคคี ซึ่งพรรคภูมิใจไทยอาสามาทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าเรามีโอกาสทำงานเราทำได้จริงแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขอให้กลับไปดูที่เนื้อในการทำงานของพรรคในสภาผู้แทนราษฎรเราไม่เคยเล่นเกมป่วนสภาที่สำคัญ ใครมีนโยบายดีๆ พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ เราขอเข้าไปสนับสนุนหมดไม่เคยคัดค้าน เพราะเราคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ กับประชาชน เรามุ่งมั่นตั้งใจทำงานหาทางทำให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี
ขอยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เรื่องของ กยศ.ก็เป็นรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยที่ผลักดันให้ผู้กู้กยศ.ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เรื่องโควิด-19 ช่วงที่กรุงเทพมหานคร มีการระบาดหนักกระทรวงสาธารณสุขได้เข้ามาช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่ ทั้งการเปิดศูนย์ฉีดวัคซีน ที่ สถานีกลางบางซื่อ ทั้งการเปิดโรงพยาบาลบุษราคัมเพื่อดูแลผู้ป่วย เมื่อพี่น้องวิตกกังวลกับปัญหาฝุ่น PM2.5 กระทรวงคมนาคมได้จัดหารถเมล์ไฟฟ้ามาให้บริการประชาชนนี่คือผลงานที่สัมผัสจับต้องได้