พรรคใหญ่เปิดเวทีทิ้งทวนหาเสียง
โค้งสุดท้ายเดือด
14พ.ค.วัดใจปชช./ชี้อนาคตปท.
‘บิ๊กป้อม’ปราศรัยใหญ่ไทย-ญี่ปุ่น
ประกาศนั่งนายกฯภารกิจสุดท้าย
‘บิ๊กตู่’ปลุกช้างศึกเลือก‘รทสช.’
เศรษฐายํ้าไม่ร่วมรัฐบาลกับ2ลุง
‘สุดารัตน์’ชูรถไฟ‘จีน-ไทย-มาเลย์’
“บิ๊กตู่” เตรียมขึ้นรถแห่ทั่ว กทม. 13 พฤษภาคมนี้ หาเสียงโค้งสุดท้ายกับชาวกทม. “เอกนัฏ” มั่นใจได้สส.เกิน 25 ที่นั่งแน่นอน “บิ๊กป้อม”นำทัพพปชร.ทิ้งทวนปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้ง ปล่อยหมัดเด็ด “ครั้งนี้ภารกิจสุดท้ายรับใช้แผ่นดิน” พาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่วุ่นวาย สัญญา “เป็นนายกฯทุกนโยบายจะทำให้สำเร็จ” “ธนกร” มั่นใจคนใต้เลือก “ลุงตู่” เวทีปราศรัยเมืองคอนแตกคนหลายหมื่นแห่ฟัง โวแคนดิเดตนายกทุกพรรคสู้ “พี่ตู่” ไม่ได้ ทั้งมีผลงาน มีประสบการณ์บริหารประเทศและซื่อสัตย์สุจริต “ลุงป้อม” ก้าวข้ามความขัดแย้งสู่นายกฯคนที่ 30 “ท็อป” ควง “แม่แจ่มใส-หนูนา” ลุยหาเสียงสุพรรณบุรี “เศรษฐา” เปิดใจเหตุเล่นการเมือง ลั่นสละนายกฯถ้าต้องร่วมรัฐบาลกับ “ประวิตร-ประยุทธ์” “สว.กิตติศักดิ์” ลั่นไม่เอาแคนดิเดตนายกฯพรรคแก้มาตรา112 จับตานัดถกนอกรอบ 23 พฤษภาคมนี้
เมื่อวันที่ 12พฤษภาคม 2566 นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงไม้เด็ดที่จะทำให้คนที่ยังลังเลมาเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า เหลือเวลาอีก 24ชั่วโมงในการหาเสียงเลือกตั้ง แม้จะเหลือไม่มาก แต่เป็นระยะเวลาที่สำคัญที่สุ คิดว่าวันที่12-3พ.ค.จะได้สื่อสารประชาชนให้ตัดสินใจ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกอนาคตประเทศ สำหรับพรรครทสช.มีการนำเสนอนโยบายและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนไปแล้วว่า เราอยากได้ ประเทศไทยแบบไหนและเดินหน้าไปแบบไหน ซึ่งจะใช้เวลาให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสื่อสารไปยังประชาชน
‘บิ๊กตู่’ขึ้นรถแห่ทั่วกทม.13พ.ย.ทิ้งท้าย
ส่วนการหาเสียงโค้งสุดท้ายในพรรคจะใช้เวลาให้คุ้มค่า โดยให้ผู้นำของพรรคโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงแกนนำพรรคขึ้นรถแห่ ไปทั่วกรุงเทพฯตั้งแต่เวลา 08.00น.วันที่ 13พฤษภาคม เริ่มต้นจากฝั่งธนบุรี ใกล้วงเวียนใหญ่ วนไปแถวสะพานปิ่นเกล้า ช่วงบ่ายจะขึ้นรถแห่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ขณะที่วันอาทิตย์ที่ 14พ.ค.ก็จะตั้งวอร์รูมฟังผลที่ที่ทำการพรรค โดยแกนนำพรรคทุกคนจะทยอยเดินทางเข้าไปที่ทำการพรรค กรณีที่โซเชียลมีการใช้ภาพของพล.อ.ประยุทธ์ แนบหมายเลขพรรคการเมืองพรรคอื่นนั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า กลเม็ดอย่างนี้จะทำอย่างไรก็ทำได้ แต่ตนเชื่อว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศวันนี้ทราบดีอยู่แล้ว ลุงตู่อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ เราเปิดแคมเปญหาเสียงด้วยการปล่อยเพลง ซึ่งทุกคนก็ร้องได้ทั่วทั้งประเทศ และทุกคนทราบดีว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ โดยมีการชี้แจงอย่างชัดเจนว่าบัตรเลือกตั้งสีใดตรงหมายเลขอะไรพรรค ฉะนั้นไม่ว่าจะไปตัดต่อใส่หมายเลขอื่นอย่างไรตนเชื่อได้ว่าประชาชนจะไม่เชื่อเนื่องจากว่าทราบอยู่แล้ว เมื่อถามว่าจนถึงวันนี้ยังมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง นายเอกนัฎ กล่าวว่า จะต้องได้จำนวนมากที่สุด เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแกนนำพรรคจะไม่มีการคิดหน้าคิดหลัง จะใช้เวลาให้คุ้มค่า เพื่อหาเสียงสื่อสารให้กับประชาชน และหวังว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทั่วประเทศ เพราะมั่นใจว่าจะได้คะแนนเสียงสนับสนุน ส.ส.เกิน25ที่นั่งอย่างแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ขอคิดเรื่องตัวเลข แต่จะพยายามทำให้ดีทึ่สุด
‘ธนกร’มั่นใจภาคใต้ได้สส.ตามเป้าหมาย
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรครทสช.พร้อมแกนนำพรรคมาปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 11พ.ค.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขอขอบคุณประชาชนที่มาฟังพรรคปราศรัยใหญ่ที่สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช จำนวนหลายหมื่นคน รวมถึงประชาชนที่มาฟังปราศรัยในทุกจุดที่จ.นครศรีธรรมราชและทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ จะเห็นได้ว่า ทุกพื้นที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปปราศรัยหาเสียงจะมีประชาชนมารอต้อนรับให้กำลังใจจำนวนมาก ทั้งนำดอกไม้มามอบ ขอถ่ายรูปและตะโกนเชียร์ให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป อย่างที่เคยกล่าวไว้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกระแสความนิยมในภาคใต้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะไปที่ไหนประชาชนก็จะออกมาเชียร์เบอร์22 เพราะตลอด 8ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ทำสิ่งต่างๆ มากมายให้ประชาชน ทั้งเรื่องแก้ปัญหาโควิด-19 เศรษฐกิจ ถนนหนทาง รถไฟรางคู่ โครงสร้างพื้นฐานที่เต็มรูปแบบ ซึ่งสามารถเห็นด้วยตาและจับต้องได้
ฉะนั้นวันนี้พื้นที่ภาคใต้เลือก พล.อ.ประยุทธ์และพรรคมั่นใจพื้นที่ภาคใต้ พรรครวมไทยสร้างชาติกวาดเก้าอี้ส.ส.เข้าเป้าแน่นอน สิ่งสำคัญต้องเลือกสส.รวมไทยสร้างชาติทุกเขตเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกสมัย ต้องเลือกทั้ง 2ใบ อย่าแบ่งใจไปให้ใคร ต้องลุงตู่เท่านั้น เพราะหากเปรียบเทียบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกพรรค ไม่มีใครดีที่สุดเท่า พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งภาวะผู้นำ มีประสบการณ์บริหารประเทศ มีผลงานชัดเจนทำสำเร็จมาแล้ว ที่สำคัญมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
8พรรคการเมืองใหญ่จัดปราศรัย12พ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 12พฤษภาคมนี้ จะมีการปราศรัยใหญ่ของ8พรรคการเมือง 8จุด ดังนี้1. พรรคพปชร.ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กทม.เวลา 14.00น.2.พรรคภูมิใจไทย ปราศรัยที่ห้างสรรพสินค้า โชว์ ดีซี ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง เวลา15.30น.3.พรรครวมไทยสร้างชาติ ปราศรัยที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย เวลา 16.00น.4.พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยที่ลานคนเมือง เขตพระนคร เวลา 17.00น.5.พรรคเพื่อไทย ปราศรัยที่อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เวลา 17.30น.6.พรรคก้าวไกล ปราศรัยที่อาคารกีฬาเวสน์1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง เวลา 18.00น.7. พรรคชาติพัฒนากล้า ปราศรัยที่ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ เวลา18.00น. 8.พรรคไทยสร้างไทย ปราศรัยที่ลานกิจกรรม ปาร์ค พารากอน เขตปทุมวัน เวลา 18.00น.
‘ลุงป้อม’ก้าวข้ามขัดแย้งสู่นายกฯคนที่30
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยใหญ่นัดสุดท้ายวันที่ 12พฤษภาคมนี้ ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (กรุงเทพ 2) ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.พร้อมด้วยผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง กทม.และต่างจังหวัด รวมถึงสมาชิกพรรคและกลุ่มแฟนคลับลุงป้อม รวมพลังโค้งสุดท้าย ก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 14 พ.ค. 66 ซึ่งครั้งนี้จะมีการเปิดเซอร์ไพรส์แคมเปญเชิงรุกใหม่ ด้วยการถอดรหัส ทำไมต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ที่ พล.อ.ประวิตร และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าของสโลแกน ได้วางเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน เพื่อการเดินหน้าประเทศ ไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคง มีงานทำ มีรายได้ การค้าขายเจริญรุ่งเรือง เพื่อคุณภาพชีวิตคนไทยที่ดีขึ้น โดยเวทีปราศรัยจะเริ่มเวลา 14.00-16.00น. โดย นายสกลธีภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จะขึ้นเวทีคนแรก จากนั้นตามด้วย นายวราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองพรรค และปิดท้ายด้วย พล.อ.ประวิตร ปราศรัยเชิญชวนประชาชนโค้งสุดท้ายเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งปี66
ปชช.เข้าเวที’พปชร.’รอฟัง’บิ๊กป้อม’
เวลา 12.30น.บรรยากาศที่บริเวณ อาคารกีฬาเวสน์2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่จัดปราศรัยปิดของพรรค พปชร.ประชาชนทยอยเดินทางเข้ามารอฟังการปราศรัยที่นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ซึ่งจะเริ่มเวลา 14.00น.ขณะเดียวกัน มีกําลังเจ้าหน้าที่ตํารวจประมาณ 1กองร้อย มาดูแลรักษาปลอดภัยในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากในบริเวณใกล้กันที่อาคารกีฬาเวสน์1จะถูกใช้เป็นสถานที่ปราศรัยปิดของพรรคก้าวไกล ซึ่งจะเริ่มในเวลา 18.00น.นอกจากนี้ ยังพบว่าเจ้าหน้าที่ได้นําราวเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวระหว่างพื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 และอาคารกีฬาเวสน์ 2 ไม่ให้เดินข้ามถึงกันได้ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงมีการคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาร่วมฟังการปราศรัย โดยมีเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัยและทีมงานรักษาความปลอดภัยของพรรค ประจําตามจุดต่างๆ ทั้งนี้ บรรยากาศยังเรียบร้อยดี ขณะที่แกนนำพรรคหลายคนเริ่มเดินทางถึงพื้นที่จัดงาน
ภารกิจสุดท้ายตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
พล.อ.ประวิตร ขึ้นปราศรัย เริ่มต้นทักทายว่า“พี่น้องเอ้ย พี่น้องเอ้ย พี่น้องเอ้ย พร้อมบอกว่า เสียงดังแบบนี้ค่อยใจชื้นหน่อย ซึ่งวันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะเป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนจะเลือกตั้ง พร้อมย้ำว่า ทุกนโยบายที่หาเสียง“ผมขอสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จ ผมไม่มีภาระ ไม่มีธุรกิจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง มีเพียงภารกิจเดียวสุดท้าย คือ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญให้ประเทศไทย 8ปีในการเป็นรัฐบาลของพรรคพปชร.สามารถพูดคุยทุกคน รับฟังความเห็นต่างทุกฝ่าย ไม่มีอคติใดๆและตลอดชีวิตตนมีหน้าที่ ปกป้องประเทศจากศัตรูในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะความมั่นคง ต่อสถาบันหลักของชาติ
“วันนี้ผมได้เห็นแล้วว่า ประเทศของเรายังมีปัญหาอีกมาก โดยเฉพาะปากท้องและความยากจน ไปจนถึงต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ผมและพรรคพลังประชารัฐ มุ่งมั่นจะเอาชนะปัญหาของประชาชน ให้ได้ พร้อมขอเสียงประชาชนที่ฟังปราศรัยว่า รับรองไหมครับว่า เราจะไปด้วยกัน ไปด้วยกันนะครับ ซึ่งก็มีเสียงเชียร์คึกคัก”
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าย้ำอีกว่า ทุกนโยบายที่รับปาก เมื่อตนทำหน้าที่เป็นนายกฯจะเดินหน้าทำทันที ให้ทุกคนเชื่อมั่น พร้อมขอเสียงผู้ฟังปราศรัยอีกครั้ง เชื่อมั่นไหมครับ ซึ่งก็มีเสียงตอบรับว่า เชื่อมั่น จากนั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า“ขอให้เชื่อมั่นในตัวผมจะนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง”ขอให้เลือกผม และพรรคพลังประชารัฐ ประเทศชาติจะไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจจะเดินหน้า ค้าขายจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป ก่อนถามว่า “เอาไหมครับ” ซึ่งมีเสียงว่าเอา เพราะฉะนั้นเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์37ทุกเขต
‘ท็อป’ควง’แม่แจ่มใส-หนูนา’ลุยสุพรรณฯ
เวลา 07.30 น. นายวราวุธศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชทพ.คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา นายสรชัด สุจิตต์ผู้สมัคร สส.เขต 1 พร้อมแกนนำพรรค เดินหาเสียงในตลาดเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นการปิดการหาเสียงเลือกตั้งของพรรค โดยเริ่มต้นที่สวนเฉลิมภัทรราชินี (หอคอยบรรหารแจ่มใส) เดินเข้าตลาดสดเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ได้รับความสนใจจากประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
นายวราวุธ กล่าวว่า ถือเป็นโค้งสุดท้ายการหาเสียง เราแบ่งกันหลายสายเดินในตลาดสดเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เดินขอคะแนนทั้งคนทั้งพรรค รวมทั้งเทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในโค้งสุดท้ายก่อนที่จะทำการลงคะแนนในวันที่ 14พ.ค.ผู้สมัครของเราทั้ง 5เขตของสุพรรณบุรี ทุกคนคนทำงานกันอย่างเต็ม สุพรรณบุรีถือเป็นบ้านใหญ่ของพรรคชทพ.ดังนั้นเราจึงไม่ประมาท ขอให้พี่น้องประชาชนไว้วางใจกับชาติไทยพัฒนาอีกครั้ง ลงคะแนนให้กับเบอร์18 เลือกทั้งคนทั้งพรรค ทั้งสองใบในสุพรรณบุรี
เลือก’ชทพ.’เข้ามาดูแลปชช.อีกครั้ง
“วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างได้เกิดขึ้น ช่วงการปราศรัยที่ผ่านมาทุกท่านจะเห็นจุดยืนของชาติไทยพัฒนา เราเน้นความยั่งยืน การสร้างมิตรทางการเมือง ไม่ทะเลาะเบาะแว้งไม่สาดโคลนไม่ต่อว่าใคร เราเดินหน้าทำงานเพื่อความสร้างสรรค์และแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ดังนั้น 14 พ.ค.นี้ถ้าท่านอยากเห็นการเมืองที่นิ่งสงบ ที่สร้างสรรค์ของประเทศไทยขอฝากชาติไทยพัฒนาเบอร์ 18 แล้วเราจะได้เข้ามาสร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆให้กับพี่น้องคนไทย มาดูกันว่าเราจะพัฒนาแผนการหาเสียงหรือจะพัฒนาแนวการสื่อสารของพรรคชาติไทยพัฒนาให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างไร เรามั่นใจว่าครั้งนี้เราจะได้เสียงเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ครั้งหน้าเราต้องได้มากกว่านี้” นายวราวุธ กล่าว
ด้าน น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้มีโอกาสดูแลพี่น้องประชาชนคนสุพรรณบุรี เหมือนที่ผ่านมา รวมทั้งจังหวัดอื่นด้วยที่มีความสำคัญเช่นกันและการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแบ่งกันอย่างรุนแรงเป็น 2ขั้ว จึงขอฝากประชาชนทุกคนจะเลือกพรรคไหนขอให้ดูนโยบายเป็นหลัก อย่าเลือกเพราะไม่ชอบพรรคนี้ก็เลยต้องรีบเทไปอีกพรรค เพราะกลัวอีกพรรคจะได้ ขอร้องว่าอย่าเลือกแบบนั้น แต่ขอให้ดูที่นโยบาย และพิจารณาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เราเน้นนโยบายไม่แบ่งแยกประเทศ และเน้นความยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลาน
‘เศรษฐา’ลั่นสละนายกฯถ้าร่วมรบ.‘ตู่-ป้อม’
นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ว๊อยซ์ออฟอเมริกา สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถึงกรณีโพลหลายสำนักระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่ในขณะนี้ว่า ตนขอสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ซึ่งทำรัฐประหารในปี 2557 หรือ พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ พันธมิตรของ พล.อ.ประยุทธ์ “ผมไม่เชื่อในการทำรัฐประหาร ผมไม่สามารถนึกภาพตัวเองทำงานร่วมรัฐบาล นั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรีกับพวก พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ได้ ผมอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่เพียงได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผมอยากเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้เศรษฐกิจและสังคมไทย หากสภาพแวดล้อมไม่อำนวยให้ผมสามารถทำได้ ผมยินดียอมสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า รู้จักกับนายทักษิณมาหลายสิบปี โดยทั้งสองครอบครัวต่างประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นความรู้สึกสิ้นหวังที่ชักนำให้เข้าสู่การเมือง เวลาที่นั่งอยู่บนยอดปิรามิด ตนจะเฝ้ามองดูว่าคนทั่วไปเขาใช้ชีวิตกันยังไง ตนรู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่เห็น เพราะความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมทั้งในด้านการศึกษา ระบบสาธารณสุข และปัจจัยพื้นฐานอย่างอาหารที่อยู่บนโต๊ะ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นในประเทศที่มีศักยภาพมากอย่างประเทศไทย แรงจูงใจที่กระตุ้นให้เข้าสู่การเมืองมากขึ้น คือการที่ประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 อย่างหนัก ซึ่งรายงานไอเอ็มเอฟระบุจีดีพีประเทศดิ่งลงถึง6.1% ในปี2563 ขณะเดียวกันผลสำรวจธนาคารโลกรายงานว่า 70%ของครัวเรือนประสบภาวะรายได้ลดลง และสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทย ก็เพราะพรรคมีหัวใจคือประชาชน พวกเขาได้ชักชวนให้มาร่วม จนในที่สุดก็มีความเห็นร่วมกัน
ประกาศฟื้นศก.พร้อมขจัดความยากจน
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล กรรมการ เลขานุการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ ร่วมแถลงข่าวฟื้นเศรษฐกิจประเทศหลังเลือกตั้งโดยรัฐบาล พท.โดย นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรค พท.ที่ประกอบด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ขอประกาศความพร้อมในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย เพื่อประโยชน์ประชาชนทุกกลุ่ม นโยบายของพรรค พท.เป็นประชาธิปไตยกินได้ เศรษฐกิจจะดีได้ประชาชนต้องมีเสรีภาพ ทั้งในการแสดงความคิดเห็นและโอกาสในการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างเป็นธรรม ที่ผ่านมาเราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ และมีความเชื่อมั่นในพรรค พท.เรามีความพร้อมแก้ปัญหา ก้าวผ่านวิกฤต นำประเทศไทยสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง ยืนยันว่านโยบายเหล่านี้พร้อมทำได้จริง ทำได้ทันที พรรคพท.สามารถฟื้นเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจเติบโต ฟื้นคืนเกียรติภูมิประเทศไทยในเวทีโลกอีกครั้ง สำคัญที่สุดคือพี่น้องประชาชนไทยจะได้รับการดูแล ได้รับประโยชน์สูงสุดก่อน เราพร้อมแล้วทุกด้าน ทั้งผู้นำ นโยบาย ทีมงาน ฉะนั้น เลือกพรรค พท.เพื่อสร้างความมั่งคั่ง ขจัดความยากจน เปลี่ยนความฝัน ให้เป็นความหวัง เลือกพรรค พท.ให้แลนด์สไลด์ เปลี่ยนประเทศทันที
เปิดโอกาสให้ประชาชนสร้างรายได้
ด้าน นายศุภวุฒิกล่าวว่า นโยบายของพรรค พท.อยู่บนพื้นฐานการหยิบยื่นโอกาสให้ประชาชนสามารถสร้างรายได้ สร้างความมั่งคั่ง ทำให้เศรษฐกิจโต เพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินเพียงพอในการดูแลประชาชนไม่ให้ตกหล่น เป็นพื้นฐานที่เรายึดถือมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ที่เข้ามาเป็นรัฐบาลในช่วงที่ประเทศเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ เศรษฐกิจภายในขาดความมั่นใจ ฟื้นตัวยาก จึงได้ดำเนินนโยบายอย่างครบถ้วน ครอบคลุม ตั้งแต่กองทุนหมู่บ้าน ให้สินเชื่อธุรกิจรายย่อย โครงการโอท็อป สร้างผลิตภัณฑ์และหาตลาด ลดภาระหนี้เกษตรกร พร้อมขับเคลื่อนการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ จนเกิดเป็นความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) และกำลังไปเจรจาการค้าเสรีกับสหรัฐ แต่ถูกปฏิวัติก่อน ผลจากการขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ในช่วงเวลา 6ปี ทำให้จีดีพีไทยโตเฉลี่ย5.4% เทียบกับเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ทหารเข้ามายึดอำนาจ ปี 2557-2562 ไทยมีจีดีพีโตเพียง3% ต่อปี
‘วิโรจน์’ โวเหลือแค่’ก้าวไกล’วัดใจกับ’ลุง’
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเพจWirojLakkhanaadisorn-วิโรจน์ ลักขณาอดิศร มีเนื้อหาดังนี้ [นครปฐมไม่ใช่แค่แตก แต่พลังแห่งประชาธิปไตยได้ระเบิดขึ้นแล้ว!!! ] ยิ่งทำคลิปไข่พะโล้มาโจมตีพรรคก้าวไกล ยิ่งระดมนักร้องตกยุคมารุมร้อง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่มีพรรคไหนโดนแบบก้าวไกล ไม่มีแคนดิเดตคนไหนโดนแบบพิธา ยิ่งใช้วิชามารกับพวกเราเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ประชาชนรู้ว่า ตอนนี้โค้งสุดท้ายเหลือแค่พรรคก้าวไกล พรรคเดียวเท่านั้นที่ถือธงนำในฝ่ายประชาธิปไตย ที่ปักหลักต่อสู้กับฝ่ายอนุรักษ์นิยมกินรวบประเทศ จนฝ่ายอนุรักษ์นิยมทุรนทุราย กลัวจนอกสั่นขวัญแขวน หัวซุกหัวซุน เหลือแค่พรรคก้าวไกล ยืนวัดใจกับ”ลุง แล้วและนี่ จึงทำให้ประชาชน มากมายมหาศาล ออกมาให้กำลังใจ และพร้อมเทคะแนนทั้งหมด กาพรรคก้าวไกล ให้จับมือประชาชนเข้าเส้นชัย ในวันที่ 14 พ.ค. นี้ ขอบคุณชาวนครปฐมทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี นี่ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง แต่พวกเรา กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ การเมืองหน้าใหม่ ให้เกิดขึ้นที่นครปฐม และประเทศไทยของพวกเรา ขอบคุณจากหัวใจครับ ขอบคุณประชาชนทุกคน ผู้เป็นเจ้านายของพวกเรา
‘มาร์ค’ลุยเพชรบุรีช่วย’อลงกรณ์’หาเสียง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์และนายอรรถพร พลบุตร ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงพื้นที่ อ.ชะอำ อ.ท่ายาง อ.เมือง และ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เพื่อหาเสียงช่วยผู้สมัคร สส.ของพรรคปชป.เขต1 นายอลงกรณ์ พลบุตร หมายเลข 7, เขต 2 นายกัมพล สุภาแพ่ง หมายเลข 7 และเขต3 นายอภิชาติ สุภาแพ่ง หมายเลข7 โดยมีประชาชนโบกมือให้การต้อนรับ และมอบพวงมาลัยดอกไม้ให้กำลังใจตลอดเส้นทาง นายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยกับประชาชนที่ตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรีว่า ได้เจอกับนายอลงกรณ์ ตั้งแต่ปี 2535 ในฐานะผู้สมัครหน้าใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน เราทำงานมาด้วยกัน โดยตนเชื่อมั่นว่านายอลงกรณ์เป็นคนมีผลงาน มีอุดมการณ์ และฝากฝีมือการทำงานไว้คนเพชรบุรีคงจำกันได้ดี เช่นเดียวกับนายอภิชาติ นายกัมพล และนายอรรถพร โดยคราวนี้ตนลงพื้นที่ทั่วประเทศ หนักมาก ต้องต่อสู้ทุกรูปแบบ เรายึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยสุจริต ขอประชาชนช่วยกันสนับสนุนนายอลงกรณ์และผู้สมัคร สส.ของพรรคใน จ.เพชรบุรี ทั้ง 3เขต หมายเลข7และพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข26
ทสท.ลั่นสร้างทางรถไฟจีน-ไทย-มาเลย์
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า พรรคมีแนวนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น“ศูนย์กลางขนส่งของโลก”(Golbal Gateway) โดยการผลักดัน“คลองไทย” เพื่อให้ไทยเป็นNew Economic Corridor ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก ละเร่งเชื่อมรถไฟความเร็วสูงBRIจากจีนลงมาถึงภาคใต้ เชื่อมมาเลเซีย ซึ่งไทยอยู่ในทำเลที่ที่ตั้งดีที่สุดของโลก ปัจจุบันการเจริญเติบโตอยู่ในฝั่งตะวันออกและไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ดังนั้น จึงตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการเดินทางและโลจิสติกส์ในอาเซียน เชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย
“ถ้าทสท.ได้เป็นรัฐบาลจะไปพบประธานาธิบดีจีนเพื่อเจรจาเริ่มเส้นทางรถไฟจากหนองคายไล่ลงมา เร่งให้เสร็จใน2ปี เราจะผลัดดันการขุดคลองเชื่อมขนส่งมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิก ร่นเวลาเดินทางได้หนึ่งอาทิตย์ และไม่ใช่แค่เส้นทางขนส่งอย่างเดียว แต่จะทำให้เป็นเขตอุตสาหกรรมพิเศษใหญ่กว่าอีอีซีเป็นสิบเท่า เป็นแหล่งลงทุนของโลก ที่ต้องย้ายฐานการผลิตที่เกิดจากความขัดแย้งในพื้นที่ เราจะเป็นศูนย์กลางขนส่งของโลก สินค้าจะขึ้นเหนือส่งผ่านรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่ ไปตะวันออก ตะวันตกผ่านเรือ เราต้องหาจุดขายของประเทศให้ไปอยู่กับแผนที่การแข่งขัน”คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
‘สว.กิตติศักดิ์”ไม่เอานายกฯพรรคแก้ม.112
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงท่าที สว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้ง 14พ.ค.ว่า เป็นเรื่องที่ฝ่าย สส.เมื่อรู้ผลการเลือกตั้งต้องไปรวบรวมเสียงให้ได้สส.เกินกึ่งหนึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่ในขั้นตอนการเลือกนายกฯเนื่องจากรัฐธรรมนูญปัจจุบันในบทเฉพาะกาลบัญญัติว่าบุคคลที่จะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯต้องได้เสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภามากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส.และสว.รวมกัน ก็คือต้องได้มากกว่า 376เสียง ที่ขั้นตอนดังกล่าวนี้ สว.ถึงจะเข้าไปมีส่วนพิจารณาตรงนั้น แต่ทั้งหมด สว.เราจะไม่เข้าไปยุ่ง ต้องขอดูก่อนว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลกันแล้ว พรรคการเมืองไหนเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ชื่อที่เสนอมาคือใคร เราขอดูตรงนั้นก่อน ตามหน้าที่และอำนาจของ ส.ว. โดย ส.ว. อาจพิจารณาคุณสมบัติว่า ผู้จะมาเป็นนายกฯ ประเทศไทยมีความรู้ความสามารถหรือไม่ และเราต้องขอคุณสมบัติว่าต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่มีประวัติทุจริตมาก่อน เราขอดูตรงนี้ก่อนเพื่อพิจารณา เมื่อถามว่า หากแคนดิเดตนายกฯมาจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา112 แบบนี้ไม่เอาใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ ระบุว่า “อันนี้คงจะไม่ได้ คงจะไม่เอา”
นั่งนายกฯต้องดูปท.ลุกเป็นไฟหรือไม่
ส่วนที่มีการมองกันว่า สว.อาจจะทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปก่อน หลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรนั้น นายกิตติศักดิ์ ตอบว่า เรื่องนี้ เราไม่เล่นด้วยแน่นอน พูดตรงๆ เลย อย่างบางคนบอกว่า ส.ว. มีธงตั้งไว้ว่า นายกฯ ต้องเป็น 2ลุงเท่านั้น ตรงนี้เราคงไม่เห็นด้วย เพราะมันจะเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ บ้านเมืองจะไม่สงบ เราคงไม่เอาด้วย สมมติว่า อย่างตอนนี้ที่บอกกันว่ามีสองฝั่ง ซึ่งหากฝั่งหนึ่งมีเสียงข้างมาก แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ แล้วก็มีอีกฝั่งเป็นเสียงข้างน้อย แต่ว่าเขาพยายามจะตั้งรัฐบาลขึ้นมา ตรงนั้น สว.จะไม่เข้าไปยุ่งด้วย เพราะเราไม่ได้มองแค่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ใครจะมาเป็นนายกฯ แต่เราดูว่าบ้านเมืองจะไปได้ไหม มันจะเกิดความวุ่นวาย ความรุนแรงอะไรหรือไม่ เรามองตรงนั้นมากกว่า
จับตาสว.นัดถกนอกรอบ23พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วุฒิสภาจะมีการประชุมนัดพิเศษ วันที่ 23พ.ค.ที่เป็นการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ ที่มีวาระสำคัญหลายเรื่องเช่น ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติคนใหม่ เป็นต้น ทำให้คาดว่า ทาง สว.จะมาร่วมประชุมวันดังกล่าวจำนวนไม่น้อย และ ส.ว.บางส่วนคงได้มีการร่วมหารืออย่างไม่เป็นทางการ ตามวงกาแฟ วงสนทนาการเมืองของ ส.ว. ถึงท่าทีของ ส.ว.ต่อการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งถึงตอนนั้น จะเริ่มรู้แล้วว่าฝ่ายไหนจะตั้งรัฐบาลได้เกิน 250 เสียงได้สำเร็จก่อน ระหว่างฝ่ายพรรคการเมือง ขั้วรัฐบาลปัจจุบันกับพรรคการเมืองขั้วอดีตพรรคฝ่ายค้านเดิมที่นำโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี