15 พ.ค.2566 น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “ก้าวไกล แซงเพื่อไทย เพราะ ….?” มีรายละเอียดดังนี้
การที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีเสียงรวมกันได้ประมาณ 300 เสียงนั้น เป็นไปตามที่สำนักโพลหลักๆได้เคยนำเสนอตัวเลขไว้
แต่สิ่งที่พลิกทุกโพลแบบเหนือความคาดหมายเลย คือการที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนเบียดกับเพื่อไทยจนถึงขั้นแซงเป็นที่หนึ่ง
ข้อเท็จจริงคือ ทุกโพลทำการสำรวจก่อนวันที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลทำการปราศรัยใหญ่ ”ครั้งสุดท้าย”
และการปราศรัยครั้งนั้นเอง คือ “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้ “โพลพลิก” ทั้งกระดาน
ในวันนั้น “เพื่อไทย” พูดถึงอดีต และ “ก้าวไกล” พูดถึงอนาคต แน่นอนว่า คนที่ไม่คิดจะเลือกทั้งสองพรรคนี้อาจไม่เปลี่ยนใจไปเลือกอยู่แล้ว แต่ในหมู่คนที่ยังลังเลระหว่างสองพรรค การปราศรัยในวันนั้นคือ “Game changer”
ลองทบทวนว่าทั้งสองพรรคพูดอะไรบ้าง …
เพื่อไทยพูดถึงวีรกรรมการต่อสู้ และมีการ “โต้” สิ่งที่เคยถูกพรรคก้าวไกลกล่าวหาตลอดการปราศรัย
ดังนั้น แม้จะพูดถึงการต่อสู้ แต่ก็เป็นการพูดแบบ “ตั้งรับ” แถมบรรดาการต่อสู้ที่พูดถึง ยังเป็นการต่อสู้ของ “ตัวบุคคล” หรือ “กลุ่มคนเสื้อแดง” ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างเป็นทางการกับ “พรรคเพื่อไทย”
วันที่คุณณัฐวุฒิต่อสู้ร่วมกับคนเสื้อแดง เขาไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในพรรค วันที่คุณจาตุรนต์ต่อต้านอำนาจ คสช. เขาต่อต้านในฐานะตัวบุคคล ไม่ใช่เพราะพรรค และมีนักการเมืองอีกเพียงไม่กี่คนในวันนั้นจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้แสดงออกต่อต้านอำนาจรัฐประหารอย่างชัดเจนจริงๆ แม้ในช่วงการรณรงค์ Vote No รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. พรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยมีการแสดงออก “ในนามพรรค” ที่จะช่วยผลักดันให้การรณรงค์โดยภาคประชาชนมีเสียงดังขึ้น ยิ่งตัวคุณอุ๊งอิ๊งยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตลอดเกือบสองทศวรรษของการต่อสู้โดยประชาชน ก็ไม่เคยมีการแสดงออกใดๆที่ส่งเสริมการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย .. ให้เห็น แม้แต่ครั้งเดียว
เนื้อหาการปราศรัยในวันนั้น จึงไม่ใช่การชู “จุดเด่น” ของพรรคเพื่อไทย หากทำได้เพียงปลุกใจ “คนเสื้อแดง” ที่สุขใจกับการได้ย้อนอดีตเท่านั้น หาได้ช่วยทำให้คนที่ยังลังเลอยู่เกิดความมั่นใจ หรือขยายฐานเสียงใหม่ใดๆได้เลย
มีหนำซ้ำ อีกสองวันก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถให้ “ความชัดเจน” ว่าใครกันแน่คือ “แคนดิเดทหมายเลขหนึ่ง” มีแต่ให้คนงมกันเองเดากันเองผ่านการจัดวางข้อความบนฉากหลังเวทีเท่านั้น และสปีชในส่วนที่เป็นไฮไลท์ที่สุดบนเวทีของคุณอุ๊งอิ๊ง ก็คือส่วนที่พูดถึงการกลับมาติดคุกของอดีตนายก เร้าความรู้สึกให้คนรู้ว่าท่านอยากมาช่วยคิดช่วยพัฒนาบ้านเมือง … พาให้หลายคนคิดไปว่า ทั้งที่เป็นพรรคการเมืองใหญ่ มีคนมากมายอยู่เต็มพรรค ก็ยังหวังพึ่งร่มเงาอดีตนายกในวัย 74 ปี
Theme หลักในการปราศรัยของพรรคเพื่อไทยในวันนั้น จึงเป็นเรื่องของ “อดีต” โดยแท้
ในขณะที่พรรคก้าวไกล พูดเรื่อง “อนาคต”
การปราศรัยโดยคุณพิธาของพรรคก้าวไกล ถูกร่างโดยผ่านการทำ Market Segmentation แบ่ง “กลุ่มเป้าหมาย” ทางการตลาดมาเป็นอย่างดี
เนื้อหาตลอดการปราศรัย เป็นการพูดถึงคนทีละกลุ่ม ทีละกลุ่ม โดยฉายให้เห็นภาพว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถเปลี่ยนชีวิตและ pain point ของคนแต่ละกลุ่มในเรื่องไหนบ้าง และด้วยวิธีใด
ต้องย้ำว่า ใครที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบพรรคก้าวไกลก็คงไม่เลือกอยู่แล้ว
แต่สำหรับคนที่ยังลังเล เขาเห็นภาพ “อนาคต”
สุดท้าย พรรคก้าวไกลไม่เคยมีความกำกวม ว่าตั้งใจจะส่งใครเป็นนายกรัฐมนตรี คุณพิธาขึ้นปราศรัยด้วยความรู้สึกของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ไม่ใช่แค่คนที่ถูกเสนอชื่อในฐานะตัวจริงบ้างตัวหลอกบ้าง ที่ล้วนแล้วแต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจจริงๆทั้งสิ้น
องค์ประกอบเหล่านี้สร้าง “แรงบันดาลใจ” ที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของผู้ลงคะแนนที่ยังลังเลระหว่าง “พรรคแดง” กับ “พรรคส้ม” ในนาทีสุดท้าย
และนั่นคือ “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้ลำดับที่และสถานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล “ในรอบแรก” ของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลเกิด “สลับที่” กัน พร้อมปรากฏการณ์ซูเปอร์แลนด์สไลด์ของพรรคก้าวไกลใน กทม.
ขอบคุณข้อมูลเฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี