"เพื่อไทย" รับเป็นพรรคอันดับสอง ไม่ขอแข่งก้าวไกลตั้งรบ.โยนไปหา 376 เสียงเอง แต่พร้อมโหวต"พิธา" เป็นนายกฯ "อุ๊งอิ๊งค์"ย้ำจุดยืน ม.112 ไม่ยกเลิก  บอกไทม์มิ่ง"ทักษิณ" กลับบ้าน ยังคงเดิมเดือนก.ค.

เมื่อเวลา13.30 น. วันที 15 พ.ค.66 ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย(พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพท. นายประเสร็ฐ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรค

นพ.ชลน่าน  อ่านแถลงการณ์พท.ว่า คำแถลงพรรคเพื่อไทย เรื่อง ผลการเลือกตั้ง และการจัดตั้งรัฐบาล ผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฎแล้วว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง พท.เป็นพรรคอันดับสอง พท.ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง และร่วมสนับสนุนเลือกพท.และฝ่ายประชาธิปไตยอย่างท่วมท้น อันแสดงถึงความต้องการของพี่น้องประชาชนในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ในโอกาสนี้ พท.ขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับหนึ่ง

โดยกติกาประชาธิปไตย และโดยสัญญาประชาคมที่พท.ได้เคยแถลงต่อพี่น้องประชาชนไว้ พท.ขอแสดงความยินดี และยอมรับที่พรรคก้าวไกลเสนอตัวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และเห็นด้วยที่พรรคก้าวไกลจะเชิญพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลตามที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้แถลงไว้ พท.ขอยืนยันว่า ไม่มีแนวความคิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล พท.เห็นว่า ในการจัดตั้งรัฐบาล ประเด็นในการหารือ และกระบวนการต่าง ๆ  ให้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อช่วงเช้า น.ส.แพทองธาร  ได้มีการคุยกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลทางโทรศัพท์อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนคุยกันเมื่อช่วงเช้าก่อนที่นายพิธาจะแถลงที่พรรคก้าวไกล ซึ่งยังไม่ได้คุยเรื่องรายละเอียดใดๆ เพียงแต่แสดงความยินดีซึ่งกันและกัน และตนก็สนับสนุนที่ก้าวไกลได้เสียงข้างมากจากประชาชน ให้จัดตั้งรัฐบาล เราเคยทำงานในฝ่ายค้านด้วยกัน ฉะนั้นการที่ก้าวไกลจะได้ตั้งรัฐบาลอันดับเเรกก็เป็นเรื่องปกติ เราได้คุยกัน แต่ในเชิงรายละเอียด นโยบาย และข้อตกลงต่างๆเรายังไม่ได้คุยกัน จะคุยกันตอนที่มีกรรมการบริหารพรรค และได้แจ้งกันว่าผู้ประสานงานจะเป็นใคร ในการนัดหมายซึ่งต้องขอกรรมการบริหารพรรคก่อน

เมื่อถามว่า พท.พร้อมจะโหวดให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอน เพราะก้าวไกลเป็นพรรคอันหนึ่งได้เสียงมาจากประชาชน ฉะนั้น เราต้องเคารพเสียงของประชาชน

เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาล จะใช้เวลานานเท่าไหร่  นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำที่จะดำเนินการ เรายินดีและสนับสนุนเท่านั้น อยู่ที่พรรคก้าวไกลจะเริ่มดำเนินการอย่างไร ส่วนกระบวนการพูดคุยก็อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคที่จะพูดคุยกัน  

เมื่อถามว่า 309 เสียงจะโหวตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โดยนัยแล้ว300- 310 เสียง สามารถเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้ แต่ว่าจะโหวตนายกฯได้หรือไม่ ก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย ที่ระบุชัดเจนว่า การเลือกนายกฯต้องเลือกในรัฐสภา ต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วมคือ 376 เสียง ฉะนั้นก็ต้องอาศัยเสียงที่จะมาโหวตให้ได้ 376 เสียง

เมื่อถามว่าต่อว่า ขณะนี้มีการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย ว่าจะมาร่วมกันหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากแถลงการณ์ของเราชัดเจนว่าเป็นเรื่องของก้าวไกล ที่จะเป็นผู้ดำเนินการ 

ถามต่อว่า เงื่อนไขที่จะไปคุยกับก้าวไกล จะได้ข้อยุติเมือไหร่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กระบวนการเพิ่งเริ่มต้น แล้วจะเข้าสู่การพูดคุยระดับที่เป็นทางการ จากนั้นค่อยคุยเรื่องเงื่อนไขต่างๆกัน เรายังไม่กำหนดเวลาว่าจะสรุปเมื่อไหร่ ซึ่งต้องฟังพรรคแกนนำว่ามีการกำหนดประเด็น ข้อหารืออย่างไร  และตอนนี้ยังไม่ใครเห็นเอ็มโอยูของพรรคก้าวไกล เพราะยังไม่ได้เริ่มพูดคุยกันเลย 

เมื่อถามว่า จุดยืนการมาตรา 112  น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พท.มีจุดยืนที่มั่นคงว่าไม่สนับสนุนการยกเลิก แต่การคุยกันในสภาเราสนับสนุน ขณะที่ในส่วนกฎหมายต่างๆที่มีเยาวชนต้องถูกคุมขัง เราพร้อมที่จะพูดคุยและรับฟัง อันนี้เป็นสิ่งที่พท.ยืนยัน และเป็นหนึ่งในข้อที่ต้องคุยกันก้าวไกล ว่าเราไม่สนับสนุนการยกเลิก แต่ในพท.ยังไม่มีใครได้คุยกับก้าวไกล มีเพียงตนที่พูดคุยกันทางโทรศัทพ์ประมาณ 3-4 นาที ต่างคนต่างยินดีให้กัน และนายพิธาก็ชมว่าตนอุ้มท้องหาเสียง ก็แซวกันว่านายพิธาเขาใจ เพราะเป็นพ่อด้วย แต่ในรายละเอียดค่อยคุยกันอีกทีทระหว่างพรรค

เมื่อถามย้ำว่า ให้การโหวตนายกฯเป็นหน้าที่ของก้าวไกลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เขาเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นภาระหน้าที่ของก้าวไกลในการเดินประสาน กรณีที่เราเข้าไปร่วมก็เป็นพรรคหนึ่งที่ต้องสนับสนุนเขาเต็มที่ 

ถามว่า การตั้งรัฐบาลระหว่างพท.กับก้าวไกล จบลงด้วยดีใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราก็มุ่งหวังอย่างนั้น  เพื่ออนาคตประเทศ เพื่อความหวังประชาชน ถ้าทุกอย่างราบรื่นก็เป็นไปตามความต้องการของประชาชนที่ออกเสียงมา  

ถามว่า ตอนนี้พท.มีเงื่อนไขอะไรของตัวเองหรือไม่ ที่จะไม่สามารถร่วมกับก้าวไกลได้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราต้องดูรายละอียดในสิ่งที่ก้าวไกลเสนอมา เขาเป็นผู้กำนดประเด็นในการหารือ

เมื่อถามว่า ถ้ามองตัวเลขที่นายพิทาตั้งไว้คือ 309 เสียงคิดว่าสว.จะกล้าหักเสียงนี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นคำถามที่ถามเป็นความคิด การจะโหวตนายกฯได้ต้องมี 376 เสียง ตนตอบในหลักการเบื้องต้นว่าเป็นภาระหน้าที่ที่พรรคแกนนำต้องแสวงหาตรงนี้ให้ได้ และถ้าได้รับอาณัติมอบหมายจากประชาชนให้เป็นเสียงข้างมากขนาดนี้  โดยหลักการสว.น่าจะมาร่วมโหวตนายกฯ และยอมรับเสียงข้างมากประชาชน อันนี้เป็นแนวคิด แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดอย่างนั้นทุกอย่างก็ราบรื่น

เมื่อถามอีกว่า  พรรคก้าวไกลย้ำว่ามีเราไม่มีลุง ถ้าพท.ร่วมรัฐบาล ส.ส.ของพรรคจะร่วมกับเราได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพรรคหลักที่จพิจารณา เราเป็นพรรคอันดับสอง

ถามต่อว่าถ้าก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ มีโอกาสจะถูกโดดเดี่ยวหรือไม่  นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราอย่าไปคาดการณ์อย่างนั้น ภารกิจขณะนี้ ถ้าเรายินดี เราสนับสนุน เขาต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนอะไรจะเกิดเราไม่ควรไปคิดตรงนั้น

ถามต่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯได้พูดถึงผลการเลือกตั้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าไม่ได้พูด ตนไม่ทราบ

ถามต่ออีกว่า การที่พท.ได้อันดับสอง จะทำให้การกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯติดขัดหรือไม่  น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "การประกาศของคุณพ่อ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ถ้าตัวท่านเองยังไม่ได้ประกาศเลื่อนวัน ก็คงยังเป็นวันเดิม เป็นไทม์มิ่งเดิม คือเดือนกรกฎาคมที่แจ้งไว้ แต่จะเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร ถ้าท่านออกมาพูดก็ตามนั้น "

ถามว่า พท.ได้เป็นพรรคอันดับสอง มองว่าเป็นการพ่ายแพ้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “การเลือกตั้งก็เหมือนกีฬา  มีผู้แพ้ผู้ชนะ แน่นอนว่า  ผู้ที่แพ้หรืออันดับ 2 ถามว่ามีความผิดหวังบ้างไหม ก็มีบ้าง เพราะเราคิดว่าเราจะเป็นอัดดับหนึ่ง แต่เราก็ยอมรับ เพราะมันคือน้ำใจนักกีฬา ที่เมื่อพรรคก้าวไกลได้อันดับ 1 เราแสดงความยินดีด้วย แล้วเราก็เชียร์เพื่อประชาธิปไตย เพื่อประเทศชาติที่จะไปต่อได้ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของการเมือง ทุกคนต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน"

ถามอีกว่า จะมีการปรับปรุงอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นโยบายของพรรคค่อนข้างตอบโจทย์ประเทศชาติ   แต่เข้าใจสิ่งที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลมีจุดแข็ง พรรคเพื่อไทยต้องขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยในทุกพื้นที่  ขอแสดงความยินดีกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ได้เข้าสภา  ส่วน ส.ส.ที่ไม่ได้เข้าสภา  พรรคต้องขอขอบคุณด้วยเช่นกัน  เพราะที่ผ่านมาลงพื้นที่อย่างหนัก  ที่เกิดขึ้นเราต้องวางแผนว่าจะไปอย่างไร จะไปต่ออย่างไร เพื่อให้ประเทศชาติไปต่อ การชนะครั้งนี้ต้องไปข้างหน้าต่อไป อันนี้คือแผนที่ต้องคิด