"ศรีสุวรรณ"ยื่น กกต.สอบ"ก้าวไกล" ปล่อย"เอก-ป๊อก-ช่อ"จุ้นตั้งรัฐบาล ส่อผิดมาตรา 28 , 29 ถึงขั้นยุบพรรค ชี้"พิธา"เหมาะนั่งนายกฯ แต่นโยบายแก้มาตรา 112 เสี่ยงทำชาติขัดแย้งรุนแรง หวั่นเดินรอยตามยูเครน แนะกลับตัวใหม่ รับฟังความเห็นทุกฝ่ายให้เคลียร์ ยันไม่กลัวถูกทำร้าย-เพิ่มการ์ด เดินหน้าร้องเรียน-ไม่แจ้งล่วงหน้า พร้อมเปิดหน้ากากโชว์แผลที่ปากหาย โซ้ยน้ำพริกได้แล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เข้าเป็นบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้าข่ายครอบงำ ชี้นำการทำงานของพรรคก้าวไกล ขัดมาตรา 28 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่ โดยมีการ์ดคอยดูแลความปลอดภัยจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ เดิมมีการนัดหมายว่ายื่นเรื่องร้องเรียนเวลา 10.00 น.แต่เลื่อนออกไปเป็นเวลา 13.00 น.แทน ภายหลังจากที่ นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์ ผู้ที่เคยบุกชกนายศรีสุวรรณ พร้อมด้วย นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางมายื่นคัดค้านการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าอยากเจอหน้า
โดย นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค แต่ยังพบว่าบุคคลทั้ง 3 คน ซึ่งเคยเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ กลับมีการเคลื่อนไหวทั้งการตั้งคณะก้าวหน้า และมูลนิธิก้าวหน้า โดยมีสถานที่ตั้งเดียวกับพรรคก้าวไกล จากนั้นมีการรณรงค์ล่ารายชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่อ เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น ขณะที่พรรคก้าวไกลก็มีการล่ารายชื่อคู่ขนานไปในทางเดียวกัน แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกตีตกไม่ผ่านรัฐสภา แต่บุคคลทั้ง 3 คน ยังมีการขับเคลื่อนเชิงนโยบายผลักดันการกระจายอำนาจ ปฏิรูปท้องถิ่น เรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ก็เลี่ยงกฎหมายด้วยการไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง และออกหาเสียงทั่วประเทศให้กับพรรคก้าวไกล จนกระทั่งเมื่อเลือกตั้งเสร็จ พรรคก้าวไกลมีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่งกำลังจัดตั้งรัฐบาล บุคคลทั้ง 3 คน ก็ไปร่วมวงจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่น พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนว่าทั้ง 3 คน เข้าไปเกี่ยวพันกับพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง จึงอาจจะเข้าข่ายเป็นการชี้นำ ครอบงำ ก้าวก่าย การทำกิจกรรมของพรรค
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ นายธนาธร เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคุยฟ้าผ่า ทางช่องยูทูปว่า ได้สั่งให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล หาเสียงเพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า โดยพรรคก็ขานรับ ตนจึงเห็นว่าเป็นเหตุที่ กกต.ต้องวินิจฉัยตามกฎหมาย จึงนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงพร้อมถอดเทปมายื่นต่อ กกต.เพื่อชี้ให้เห็นว่าทั้ง 3 คน ไม่ได้มีการตัดขาดกับพรรคก้าวไกลเลย และหาก กกต.วินิจฉัยว่า ทั้ง 3 คน มีความผิดตามมาตรา 28 ในส่วนของพรรคก็จะเข้าข่ายยอมให้บุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคชี้นำ ครอบงำ ก็จะเข้าข่ายผิดตามมาตรา 29 เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองได้
นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า การร้องเรียนต่างๆ เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบตามที่กฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายรัฐธรรมนูญให้สิทธิ ซึ่งประชาชนกว่า 70 ล้านคน ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ประเด็นที่ตนร้องอาจจะไปขัดหู ขัดตาผู้ที่มีอำนาจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร เพราะจะให้คนรักทั้ง 100% ก็ไม่ได้ ก็เหมือนพรรคการเมืองที่มีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ แต่เรายืนยันว่าทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ต่อไปอาจจะไม่มีการแจ้งหมายงานต่อสื่อมวลชนล่วงหน้า เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน
ส่วนที่มีผู้มายื่นคัดค้านการร้องเรียนของตนนั้น มองว่าเป็นสิทธิที่เขาสามารถทำได้ อย่ามาร้องห่มร้องไห้ ตีหน้าเศร้าเพื่อรับเงินบริจาค ถ้าทำรับรองเจออีกคดีแน่ คนที่ทำร้ายตน กล้าทำผิดก็ต้องยอมรับผิด เป็นลูกผู้ชายหน่อย เพราะกฎหมายก็คือกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนร้องมาเป็นร้อยๆ เรื่องแล้ว จะให้สัดส่วนเรื่องที่ร้องเรียนของแต่ละฝั่งเท่าๆ กันคงเป็นไปไม่ได้
เมื่อถามว่า เหตุที่มาร้อง เพราะมองว่านายพิธา ไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ หรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นายพิธาเหมาะสมเป็นนายกฯ เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่นโยบายของพรรคบางเรื่องไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย โดยเฉพาะมาตรา 112 กระทบใจคนไทยมาก ซึ่งนายพิธา ก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องความเหมาะสมก็เรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 70 พรรค มีใครเหมาะสมเป็นนายกฯ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ไม่มีใครเหมาะสม ตนไม่เชียร์ใคร ตนทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเดียว พรรคก้าวไกลถ้าถอยเรื่อง 112 ได้ คิดว่าจะกลายเป็นฮีโร่ของคนไทยด้วยซ้ำ ถ้าเขาจะสง่างามควรถอยเรื่องนี้ จากนั้นให้ไประดมความคิดเห็นของคนที่เห็นต่างเพื่อให้ตกผลึกก่อนผลักดันเป็นนโยบาย เพราะหากยังดัน 112 ต่อ คนที่ไม่เห็นด้วย คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ทั้งในและนอกสภา ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง กลัวว่าประเทศไทยจะเป็นยูเครน 2
"ต่อไปการทำหน้าที่อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการ วันนี้มีการ์ดมาคอยดูแล เพราะถูกทำร้ายมา 2 รอบ ยอมรับว่าห่วงครอบครัว แต่ภรรยาก็เป็นคนคอยให้กำลังใจ และคอนชี้แนะ เพราะเป็นคนที่มีแนวคิดเดียวกัน ซึ่งต้องขอบคุณที่เขาคอยชี้แนะและเป็นกำลังใจให้" นายศรีสุวรรณ กล่าว
เมื่อถามว่า ไม่กลัวปากแตกอีกหรือ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้ากลัวก็ไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครหยุดศรีสุวรรณได้ มีแต่จะทำงานให้หนักขึ้น ตอนนี้ปากหายแล้ว กินน้ำพริกได้แล้ว หล่อแล้ว ส่วนกรณีนายวีรวิชญ์ ระบุว่าจะไม่จ่ายให้แม้แต่บาทเดียวนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา หากไม่มีเงิน ศาลมีคำพิพากษาเมื่อไหร่ ตนก็เอาหมายไปยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด แต่ก็กลัวว่าจะได้ไม่ถึง
ต่อข้อถามมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อเปิดทางให้มีการจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) นั้น ตนเองไม่มีความเห็นเรื่องนี้ ส่วนใครจะจับมือ เปลี่ยนขั้วอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของเขา อย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน หากทำผิดกฎหายเมื่อไหร่ ศรีสุวรรณร้องแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณ ยังได้เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต.กรณียื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย กรณี นายสมชาย แสวงการ ออกมาโพสต์คลิปนายทักษิณ สั่ง ส.ส.โอนเงินซื้อสิทธิขายเสียงเพื่อให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี