"ก้าวไกล"เรียกประชุมภายในก่อนคุยพรรคร่วมพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) พร้อมเสนอตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลก่อนลงมือทำงานจริง ยันไม่มีเรื่องเอา ก.พลังงานไปแลกประธานสภาฯ เผยสูตรการแบ่งเค้กตามสัดส่วนที่นั่งส.ส. ส่วนเก้าประธานสภาฯคุยกับเพื่อไทยแล้ว ขอให้ทั้งสองฝ่ายยุติการให้ข่าวผ่านสื่อ แล้วหาข้อยุติเป็นการภายใน อ้างความเห็น"วันนอร์"เป็นโควตาของพรรคอันดับหนึ่ง
29 พ.ค.66 มีรายงานว่า พรรคก้าวไกลได้เรียกประชุมแกนนำเป็นการภายในเพื่อเตรียมหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลร่วมประชุม
โดยนายพิธา เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมภายในปกติและไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ
ขณะที่นายชัยธวัช เปิดเผยว่า จะพูดคุยกันภายในของพรรคก้าวไกลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปประชุมกับว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ โดยมีวาระเกี่ยวกับแนวทางการทำงานร่วมกันหลังจากนี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีข้อเสนอให้ตั้งคณะทำงานในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลหรือ transition Team เพื่อเตรียมความพร้อม เพราะไม่อยากให้ช่วงเวลา 1-2 เดือนก่อนเข้าไปบริหาร หมดไปโดยไม่ได้เตรียมพร้อม แต่อยากให้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาทางเฉพาะหน้าและระยะยาว จึงต้องทำการบ้านและวางแผน โดยเฉพาะเรื่องการใช้งบประมาณ ให้สอดคล้องกับแนวทางและนโยบาย ของรัฐบาลที่จะทำ
“ต้องพูดคุยกันถึงเรื่องของการแบ่งความรับผิดชอบและนำไปสู่จุดลงตัว เรื่องการลงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วย โดยมีแนวทางหลักคืออาจจะต้องแบ่งกันตามสัดส่วนที่นั่งส.ส. แต่ไม่ถึงกับแบ่งเป็นเกรด A เท่ากับกระทรวงเกรด B 2 ที่นั่งเหมือนในอดีต แต่จะเอาเรื่องของวาระการทำงานเป็นหลัก ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการเอากระทรวงพลังงานไปแลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรกับพรรคเพื่อไทย และเรื่องโควต้ารัฐมนตรี ยังไม่ได้แบ่งกระทรวงกันชัด แต่การพูดคุยมีแนวโน้มที่ดี” เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าว
นายชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งที่ต้องพูดคุยในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) คือปัญหาต่าง ๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ค้างจากรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาราคาน้ำมัน เป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ค้างจากรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ทิ้งเอาไว้จากการบริหารผิดพลาดของรัฐบาล จึงต้องหารือกันในทีมเปลี่ยนผ่านรัฐบาลว่าจะทำอย่างไร เมื่อรัฐบาลเข้ามาสู่ตำแหน่งบริหารจริง ๆ รวมถึงยังมีประเด็นอื่น ๆ ทั้งเรื่องรถไฟฟ้า ที่จะต้องพูดคุยกันเนื่องจากมีความเห็นที่หลากหลาย
ส่วนกระแสข่าวรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กัน เพราะการประสานงานกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นไปได้ด้วยดี และเมื่อวันศุกร์ ที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมาตนได้ประสานไปยังพรรคเพื่อไทยว่าเรื่องของตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เราควรจะยุติการให้ข่าวหรือให้ความเห็นผ่านสื่อมวลชนและมาพูดคุยกันภายใน น่าจะสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้ยังมีระยะเวลาพอสมควร ที่จะหาข้อยุติได้ผ่านการทำงานร่วมกัน และเรื่องนี้น่าจะเป็นการพูดคุยกันภายในระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เสนอว่าโดยปกติตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของพรรคที่ได้อันดับ 1 และพรรคอันดับ 2 และ 3 ได้รองประธานสภาไปตามลำดับ
นายชัยธวัช กล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยกับสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) เพื่อขอเสียงสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีว่า หลังจากที่ได้ลงนามและแถลง MOU ไปแล้ว ได้ประสานพบปะพูดคุยกับทางส.ว.มากขึ้น และเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจาก MOU มีความชัดเจน ทำให้สามารถประกอบการตัดสินใจของส.ว.ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ส.ว.หลายคนอาจจะได้รับข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือบิดเบือนบ้าง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายด้านต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้พูดคุยกันแล้ว ช่วยให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น และหลังจากนี้แกนนำจะหาโอกาสไปพูดคุยให้มากขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์โพสต์ว่าการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะพลิกล็อก เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรายังยึดหลักว่าหากทำงานร่วมกันการใให้เกียรติและความไว้วางใจซึ่งกันและกันดีที่สุด หากเรามัวแต่กังวล จะทำงานร่วมกันยาก ดังนั้นต้องยืนอยู่บนพื้นฐานความเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน จึงไม่ถามพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี