‘วิษณุ’ยันมีสิทธิ์ลต.ซ่อมทั่วปท.
คดี‘พิธา’พ่นพิษ
หากถูกศาลชี้ขาดคุณสมบัติสส.
เซ็นรับรองผู้สมัคร‘ก้าวไกล’
‘ชลน่าน’ย้ำหนุนก.ก.ตั้งรบ.
‘บิ๊กตู่’ฉะ‘พิธา’ล้วงลูกขรก.
สว.แนะตั้ง‘รัฐบาลแห่งชาติ’
“วิษณุ”เผย หากศาลชี้“พิธา”ขาดคุณสมบัติสส.จะเป็นนายกฯได้หรือไม่ อยู่ที่ถูกร้องประเด็นไหน ถ้าถูกร้องเรื่องเซ็นรับรองผู้สมัคร สส. ต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ พรรคร่วมคุยขรก.ประจำทำได้ แต่แนะทำให้เงียบๆเนียนๆอย่าอึกทึกครึกโครม กมธ.การเมืองวุฒิสภา จับตาตั้งรัฐบาล“เสรี”ซัด“ก้าวไกล”ปลุกมวลชนเป็นพลัง หวังกดดัน“กกต.-ศาล-สว.”ประเมินพท.ร่วมกอดคอ“ก้าวไกล”ตั้งรัฐบาล ไม่การันตี
’พิธา’นั่งนายกฯ‘สว.จเด็จ’ชี้ตั้ง‘รัฐบาลแห่งชาติ’ทำได้ รวม‘รทสช.-พปชร.’ทำงานเพื่อความมั่นคง อยู่ที่จะเอาหรือไม่ ด้าน’ชลน่าน’โวเสียงตอบรับ8พรรคร่วมดี ยันตั้งรบ.เลือกนายกฯให้ได้ ย้ำ2พรรคไม่ขัดแย้งปมประธานสภาปม’วิษณุ’ระบุ’พิธา’เป็นอะไร เลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ ย้ำไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยังทำงานร่วมกันเหมือนเดิม
เมื่อวันที่ 31พฤษภาคม2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าอาจมีการเลือกตั้งใหม่ หาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถูกศาลวินิจฉัยเรื่องขาดคุณสมบัติจากกรณีถือครองถือหุ้นไอทีวี ทำให้ขัดกับคุณสมบัติการเป็น สส.จะกระทบกับการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงการเซ็นรับรองผู้สมัคร สส.ของพรรค ก.ก.ที่ผ่านมาหรือไม่ ว่า ตนตอบไม่ถูก เรื่องนี้อยู่ที่ผู้ร้องว่า ร้องในประเด็นใด ถ้าร้องในประเด็นว่า ขาดจากการเป็น สส.นายพิธา ก็สามารถเป็นนายกฯได้ เพราะนายกฯ ไม่ต้องเป็น สส.ก็ได้ หรือถ้าร้องว่าขาดจากความเป็นนายกฯก็สามารถเป็น สส.ได้ แต่ถ้าคนร้อง ร้องทั้ง 2เรื่องศาลจะวินิจฉัยทั้ง 2เรื่อง หรืออาจจะกระทบไปอีกประเด็น คือการเซ็นรับรองสมาชิกพรรค ดังนั้นอยู่ที่คำร้องว่าจะร้องอย่างไร จะร้องทั้ง 3ประเด็นเลยหรือไม่ แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เอาทีละประเด็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ยังไม่ได้ทําอะไรเลย อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้าย อย่างไรก็ตาม การที่ตนพูดแบบนี้ ไม่ใช่มาแนะนำว่า จะต้องร้องอย่างไร เพราะอยู่ที่ผู้ร้องเองว่าร้องประเด็นไหน ศาลก็วินิจฉัยประเด็นนั้น ถ้าร้อง 3ประเด็น ศาลก็วินิจฉัยทั้ง 3ประเด็น
‘วิษณุ’ชี้’พิธา’เซ็นรับรองลต.ซ่อมทั้งปท.
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการร้องในประเด็นเรื่องเซ็นรับรองสมาชิกพรรคจะต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งหมดหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมด อย่างในอดีตที่ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของ นายทักษิณ ชินวัตร ไปกาลงคะแนนและมีคนไปถ่ายไว้ ซึ่งเกิดเหตุเพียงคูหาเดียว แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะทั้งประเทศ ดังนั้ กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน หากมีการเลือกตั้งซ่อมก็ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ
ภาพคุณหญิงเข้าคูหาหันหน้าผิดด้าน
นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ขยายความกรณียกตัวอย่างการเลือกตั้งในอดีตที่เป็นโมฆะ เพราะมีภาพการกระทำผิดพลาดเพียงหน่วยเลือกตั้งเดียว แต่ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ ซึ่งได้เอ่ยถึง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ว่า เมื่อการเลือกตั้งสส.ปี2549 มีการเผยแพร่ภาพข่าวขหน่วยเลือกตั้งหนึ่ง สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพบุคคลที่เป็นระดับคุณหญิงท่านหนึ่ง ขณะลงคะแนนเสียงในคูหา ซึ่งคูหาหันหลังผิดด้าน ทำให้สื่อมวลชนสามารถบันทึกภาพขณะลงคะแนนได้ ทั้งที่ปกติ ผู้กาบัตรลงคะแนนจะต้องเข้าไปอยู่ในคูหา ทำให้ส่องกล้องเข้าไปแล้วเห็นขณะที่กาบัตรได้ว่า ลงคะแนนให้ใคร การเลือกตั้งครั้งนั้นไม่เป็นการลับ ถ้าทำเช่นนั้นในหน่วยหนึ่งได้ ก็จะทำได้ในอีกทุกหน่วย“ผมไม่แน่ใจว่าเป็นภาพข่าวของคุณหญิงพจมานหรือไม่ แต่ในภาพข่าวนั้นเป็นคุณหญิงท่านใดท่านหนึ่ง จึงทำให้ผู้สื่อข่าวเกิดความสนใจไปถ่ายภาพ ทั้งที่คนอื่นก็เข้าไปกาบัตร แต่สื่อมวลชนก็ไม่ได้สนใจ แต่บังเอิญบุคคลนั้นเป็นคุณหญิง ผู้สื่อข่าวจึงสนใจ และผู้สื่อข่าวก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปจับภาพ แต่บังเอิญการจัดคูหาเช่นนั้นทำให้มองเห็นได้ จึงเกิดข้อสังเกตว่าถ้าทำอย่างนี้ได้หน่วยหนึ่ง ก็จะทำได้ทุกหน่วย ในคราวนั้นจึงทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่กันทั้งประเทศ” นายวิษณุกล่าว
คุยขรก.ทำได้แต่เงียบๆเนียนๆอย่าอึกทึก
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์กรณี8พรรคร่วมตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านขึ้นมา ว่า ตนไม่มองอย่างไร ไม่ทราบ ได้อ่านจากข่าวเท่านั้น ถือเป็นเป็นการดี เป็นการเตรียมตัว ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อแทรกแซงการทำงานบางส่วนของข้าราชการ นายวิษณุ กล่าวว่า เขาไมได้บอกว่า เขาจะตั้งขึ้นมาเพื่อการแทรกแซง แต่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำอะไรหลายอย่าง และการที่เขาจะขอความร่วมมือจาก ข้าราชการประจำไปชี้แจงหรืออะไร ถือเป็นการทำโดยสันถวไมตรีอันดีงาม ก็ทำได้ เพราะในอดีตมีการเคยทำ แต่ช่วยทำให้แนบเนียนหน่อย ไม่เช่นนั้นข้าราชการประจำเขาจะลำบากใจ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังทำงานอยู่กับรัฐบาลนี้ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ข้าราชการเขายังไม่รู้ว่า ใครจะเป็นรัฐบาล
เมื่อถามว่า ถ้า กกต.รับรองผลการเลือกตั้งได้เร็วขึ้น แล้วการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และโหวตนายกฯ จะทำได้เร็วขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเร็วอยู่แล้ว เลื่อนเร็วได้ แต่จะเร็วได้สักกี่วันตนไม่ทราบ เพราะไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ นั่นคือ การเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดประชุมสภา และตามมาด้วยการเลือกประธานสภาฯและการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานสภาฯ ดังนั้นที่ตนเคยกำหนดไทม์ไลน์ไปนั้น ไม่ได้กำหนดตายตัว เพราะหากตีความไม่ดี จะกลายเป็นว่าตนไปบังคับ กำหนด กะเกณฑ์
‘ชวน’มองพท.ต่อรองได้คะแนนสส.ใกล้กัน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภาและอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงคุณสมบัติของประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ ว่า ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมสภาฯ เพราะปกติพรรคที่ได้เสียงข้างมากจะได้เป็นประธานสภาฯ ซึ่งแตกต่างจากครั้งที่แล้ว ซึ่งตนได้ทำหน้าที่เป็นประธานสภาฯ เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลเต็มใจและไม่หักโควตารัฐมนตรีของพรรคปชป.สำหรับตำแหน่งประธานสภาฯ โดยทั่วไปถ้าเราย้อนกลับไปพรรคที่เป็นรัฐบาลจะมีเสียงข้างมากก็จะได้ตำแหน่งประธานสภาฯและนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อรายละเอียดพรรคที่มีเสียงใกล้เคียงกับรัฐบาลจะได้เป็นฝ่ายค้าน เช่น กรณีพรรคความหวังใหม่ ได้ 125เสียง พรรคปชป.ได้ 123เสียง ห่างกัน 2เสียงแต่ทั้ง 2พรรคไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ดังนั้นพรรคความหวังใหม่ก็ตั้งประธานสภาฯและนายกรัฐมนตรีเอง โดยมีพรรคปชป.เป็นฝ่ายค้าน จึงไม่มีประเด็นต่อรองตำแหน่งประธานสภาฯ แต่กรณีมีการถกเถียงคะแนนของพรรคที่มาร่วมรัฐบาล มีความใกล้เคียงกัน คือ151กับ141 จึงเป็นประเด็นใหม่ ดังนั้นการที่พรรคเพื่อไทยเสนอขอเป็นประธานสภาฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคะแนนไม่ห่างกันมาก
‘สุชาติ’ไม่บรรจุวาระแก้ม.112ทำถูกแล้ว
นายชวน กล่าวต่อว่า อีกส่วนคือกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พยายามเสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112 ขอถือโอกาสเรียนข้อเท็จจริงว่า ข้อมูลที่ออกมาพูดกันอาจจะคลาดเคลื่อน เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะในสภาฯยุคที่ตนเป็นประธาน การทำหน้าที่ของประธานและรองประธานสภาฯ มีการแบ่งหน้าที่กัน โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง รับผิดชอบ ร่าง พรบ.ที่เสนอเข้าสภาทุกฉบับ จะเห็นชอบไม่ชอบอย่างไรก็จบ โดยไม่ได้ผ่านประธานสภาฯ ขณะที่ นายศุภชัย โพธุ์สุ รองประธานสภาฯคนที่2 จะดูเรื่องญัตติและกระทู้ถาม นี่คือกระบวนการกระจายอำนาจ
“ดังนั้นร่างกฎหมายที่ก.ก.เสนอยกเลิกมาตรา112 จะมี นายสุชาติ เป็นผู้ดูแล และจากการปรึกษาฝ่ายกฎหมายของสภาฯพบว่า ขัดรัฐธรรมนูญ คือสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ ซึ่งท่านสุชาติ รอบคอบมาก นอกเหนือจากฝ่ายกฏหมายแสดงความคิดเห็นแล้ว ท่านยังให้ผ่านกระบวนการประสานงานที่ประกอบด้วยฝ่ายกฎหมายทุกฝ่ายของสภาอีกครั้ง ซึ่งทุกคนยังมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ นายสุชาติ ไม่ได้บรรจุในวาระและส่งกลับไปยังพรรคก.ก.เพื่อแก้ไข นี่คือที่มา จึงยืนยันได้ว่า ไม่มีการกลั่นแกล้ง เพราะมาไม่ถึงผม แต่จากที่พิจารณามองว่า ท่านสุชาติ ใช้ดูุลยพินิจถูกแล้ว จึงขอให้เข้าใจเรื่องนี้ว่า ที่มาวิจารณ์หรือตำหนิอาจจะไม่ทราบข้อเท็จจริง”นายชวน กล่าว
‘เสรี’ซัดปลุกมวลชนกดดันกกต.-ศาล-สว.
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมกรรมาธิการได้พิจารณาและติดตามสถานการณ์การเมืองเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การเลือกประธานสภาฯ การเลือกนายกฯ รวมทั้งกรณี 8พรรคร่วมมีมติตั้งคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่มี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธาน และการตั้งคณะทำงาน 7คณะเพื่อแก้ปัญหาประชาชน การแก้ปัญหาประเทศ และองค์กรต่างๆ ถือเป็นความพยายามสร้างมวลชนกดดันองค์กรต่างๆ ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่อยู่ระหว่างการรับรองสส.ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าวินิจฉัยประเด็นคุณสมบัตินักการเมืองวุฒิสภา
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลพยายามสร้างมวลชนเพื่อสู้กับนิติสงครามที่หัวหน้าพรรคเผชิญใช่หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ตนไม่ขอใช้คำรุนแรงแบบนั้น แต่ตอนนี้เห็นว่า เขาพยายามสร้างมวลชนเป็นแรงสนับสนุนและผลักดัน รวมถึงเป็นแรงกดดัน กกต.ที่ต้องรับรอง สส.ตรวจสอบข้อมูล ก่อนจะประกาศรับรองตามกระบวนการเลือกตั้ง เมื่อถามย้ำว่า พรรคก.ก.ใช้มวลชนเพื่อกดดันพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่ให้เป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ตนเชื่อว่ากดดันพรรคเพื่อไทยไม่ได้ เพราะพรรคนี้เขามีวิทยายุทธลึกล้ำและวางสเตปทางการเมืองไว้ว่า จะเดินอย่างไรและสร้างการแสดงออกที่สร้างความเชื่อมั่น เชื่อใจในกลุ่มตั้งรัฐบาล แต่ในอนาคตนั้นตนเชื่อว่า เขาเดาออกว่า จะเกิดอะไรขึ้นและเขารู้อยู่แล้ว
พท.หนุนก.ก.ไม่ใช่หนุนพิธานั่งนายกฯ
เมื่อถาม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศจะร่วมตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล มองว่าคือคำการันตีที่นายพิธา จะได้เป็นนายกฯหรือไม่ ประธานกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าวว่า“การันตีไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน สัญญาคือลมปาก สิ่งที่เพื่อไทยแสดงความเป็นสุภาพบุรุษว่า จะสนับสนุนพรรคที่ได้คะแนนมาก แต่เขาก็รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น สุดท้ายหวยก็ออกที่พรรคเพื่อไทย”เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เสนอแคนดิเดตนายกฯจากเพื่อไทยแทนนายพิธา ใช่หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า “เดากันไป”
เมื่อถามว่ามองว่าประเด็นคุณสมบัติ หรือการแก้มาตรา112 ที่จะทำให้ นายพิธา ไม่ได้รับการเสนอชื่อต่อที่ประชุมรัฐสภา นายเสรี กล่าวว่า ประเด็นแก้ไขมาตรา112 ที่พรรคก้าวไกลไม่ยอมถอยและมีเจตนาที่จะเสนอแก้ไข แม้ไม่ระบุไว้ในMOUพรรคร่วมรัฐบาล แต่มวลชนและเจ้าของพรรคก้าวไกลต้องการ ซึ่งตนไม่เข้าใจทำไม นายพิธา ต้องยืนหยัดที่จะแก้ไข ทั้งที่ไม่ใช่ปัญหาของบ้านเมือง ตนเชื่อว่าประเด็นนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้งของบ้านเมืองได้ในอนาคต
‘สว.จเด็จ’ย้ำมีกลุ่มไม่หนุนก.ก.แก้ม.112
นายจเด็จ อินสว่าง สว.กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลที่ล่าสุดมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาล จัดตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนว่า ตนไม่มีข้อกังวลอะไร ตนดีใจที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ตนยืนยันต่อจุดยืนที่ไม่ลงมติให้พรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพราะจุดยืนแก้ไขมาตรา112 ซึ่งความคิดของตนนั้นมีสว.ที่คิดเหมือนกันไม่น้อย ส่วนกรณีพรรคร่วมรัฐบาลตั้งคณะทำงานตนไม่ก้าวล่วง เพราะเป็นการเตรียมความพร้อมของพรรคการเมือง อีกทั้งหน้าที่ สว.มีหน้าที่เพียงเห็นชอบบุคคลที่เสนอชื่อให้เป็นนายกฯ เท่านั้น
แนะตั้ง’รัฐบาลแห่งชาติ’คือทางออก
เมื่อถามว่า ขณะนี้ในกลุ่มสว.พูดถึงแคนดิเดตจากพรรคชนะเลือกตั้งอับดับหนึ่งอาจไม่ได้เป็นนายกฯได้มองตัวเลือกอื่นจากพรรคอันดับสองไว้หรือไม่ นายจเด็จ กล่าวว่า ตนไม่มองพรรคอื่น แต่ตนมีแนวคิดที่อยากเสนอในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ฐานะเป็นรองประธาน กมธ.ว่า สิ่งที่ตอบโจทย์การเมืองได้ตอนนี้ คือ รัฐบาลแห่งชาติ แต่ละพรรคนำข้อดีมาร่วมทำงานเพื่อบ้านเมือง สร้างความแข็งแกร่งของสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ โดยโมเดลของตน คือ ให้ทุกพรรคนำส่วนที่ดีมาทำงานร่วมกัน ประสานประโยชน์ พุ่งเป้าที่ความมั่นคงของชาติ
เมื่อถามว่าขั้นตอนจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะตามกติกามีเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ทั้ง การโหวตนายกฯ นายจเด็จ กล่าวว่า “สามารถงดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่มีปัญหาได้ เพื่อเป็นทางออก ผมมองว่า การเมืองไทยไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้เพื่อประโยชน์ชาติ”เมื่อถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลแห่งชาติจะถูกพูดถึงเมื่อมีความขัดแย้ง หรือปัญหา แต่ขณะนี้ไม่มีสัญญาณขัดแย้งใดๆ นายจเด็จ กล่าวว่า“ไม่จำเป็นต้องให้เกิดความขัดแย้ง หรือรอให้เกิด การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม หากห้ามก็งดใช้ ผมเชื่อว่า มีหนทางทำได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่”
นำข้อดี’รทสช.-พปชร.’บริหารปท.
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลแห่งชาติ คือ การรวมทุกพรรค ทั้ง รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ เป็นรัฐบาลทั้งหมด ไม่มีฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายจเด็จ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ ให้นำส่วนที่ดีมารวมกันเพื่อรักษาประโยชน์ ประสานความคิด ไม่เบียดเบียน จะทำให้ประเทศไทยแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีจุดยืนและนโยบายมีลุง ไม่มีเรา จะทำให้โมเดลรัฐบาลแห่งชาติเกิดได้หรือ นายจเด็จ กล่าวว่า “คิดแบบนั้น จะไม่มีคุณ ไม่มีผมและไม่มีเรา ทางที่ดีต้องรวมกันเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทางการเมือง”นายจเด็จ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลแห่งชาติเป็นข้อเสนอที่จะเสนอในกมธ.หากสังคมมีมุมมองอย่างไรพร้อมรับฟังและขณะนี้ยังมีเวลาจนกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ช่วงเดือนสิงหาคม
พท.ยังไม่หารือชื่อปธ.สภาให้เกียรติก.ก.
นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคฯ โดยให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการในสภาว่า จะเป็นไปตามกรอบ 60วัน ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จะเร่งประกาศรับรอง สส.ส่วนตำแหน่งประธานสภา ในพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้พูดคุยกันและต้องรอไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกลเพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อน ในฐานะที่พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงโควตาตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีด้วยขณะที่มีกระแสข่าวออกมาว่า รายชื่อที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอเป็นตำแหน่งประธานสภา ปรากฏ 3รายชื่อ ประกอบด้วย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทยและนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำพรรคและยังเป็นอดีตรองประธานสภาคนที่1
‘ชลน่าน’ลั่นจับมือก.ก.ตั้งรบ.ให้ได้
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท.กล่าวหลังตั้งคณะทำงาน 7คณะของพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8พรรค ว่า หลังจากที่พูดคุยกันแล้ว บรรยากาศน่าจะดีขึ้น ในมุมสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่า เรามุ่งมั่นทำงานร่วมกัน เสียงตอบรับเป็นไปในทางที่ดี ทั้งนี้ จากที่เรากำหนดแนวทางการทำงาน สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ เราจะใช้วาระงานเป็นตัวกำหนดการทำงานหลังจากที่เราทำเอ็มโอยูร่วมกันแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 23ข้อ ซึ่งจะแปรเปลี่ยนเป็นวาระงาน โดยคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ที่มี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.เป็นประธาน จะเริ่มประชุมนัดแรกวันที่ 6มิ.ย.ที่พรรค พท.ส่วนคณะทำงานภารกิจ 7คณะ เราคาดหวังจัดทำเป็นตัวนโยบายของรัฐบาลที่คณะทำงานฯ จะรวบรวมเพื่อเสนอคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมต่อไปและส่งเข้าที่ประชุมหัวหน้าพรรคทั้ง 8พรรคเพื่อเป็นกำหนดเป็นแนวทางในการจัดทำนโยบายร่วมกัน
“เมื่อได้ตัวร่างนโยบายและภารกิจหลักที่เป็นชุดข้อเสนอเชิงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลใหม่ ถ้ามีข้อเสนอเชิงสังคมที่เป็นปัญหาเร่งด่วน เรามุ่งหวังว่าวิสัยทัศน์ที่เราเสนอเปรียบเทียบ จะเป็นเครื่องมือที่เราส่งต่อให้รัฐบาลรักษาการเข้าไปดูแลในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งนี้ การส่งต่อภารกิจจากรัฐบาลรักษาการก็จะเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งเราตระหนักตลอดว่า เรายังไม่มีหน้าที่และอำนาจในการเป็นรัฐบาล เพราะอยู่ในขั้นตอนเตรียมจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเราจะมีอำนาจจริงเราต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ตั้งสภาฯให้ได้ เลือกนายกฯให้ได้และตั้งครม.ให้ได้และสุดท้ายคือการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงจะทำหน้าที่ได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
เก้าอี้ประธานสภาไม่ใช่โควต้าพรรค
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า การประชุมวันที่ 6มิ.ย.เป็นการประชุมของคณะกรรมการประสานงานฯ ส่วนวันที่ 7มิ.ย.จะเป็นการประชุมในส่วนของหัวหน้าพรรคทั้ง 8พรรคที่พรรค พท.เช่นเดียวกัน เมื่อถามว่า จะได้ข้อสรุปเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯเมื่อไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทางคณะเจรจาเริ่มงานกันตั้งแต่วันที่ 30พ.ค.โดยได้เริ่มพูดคุยกันไปส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับในส่วนของฝ่ายบริหาร เราเห็นว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สังคมคาดหวังว่า จะต้องไม่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างพรรค ก.ก.และพท.โดยตำแหน่งดังกล่าวจะไม่ใช่โควตาพรรคใดพรรคหนึ่ง ให้คณะเจรจาพูดคุยเสมือนเป็นพรรคเดียวกัน
ยังไม่วางตัวบุคคลนั่งประจำกระทรวง
เมื่อถามว่า ภายในพรรคมีการพูดคุยกันแล้วหรือไม่หลังจากมีชื่อ นพ.ชลน่าน , นายจาจุรนต์ ฉายแสง และนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำพรรค พท.จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องตำแหน่งและตัวบุคคล ซึ่งน่าจะเป็นเพียงการเสนอความคิดเห็น รวมถึงตำแหน่งในครม.ก็ยังไม่ได้พูดคุยกัน เราจะใช้วาระงานเป็นตัวกำหนด หลังจากคณะทำงานและคณะกรรมการประสานงานฯพูดคุยกันได้ส่วนหนึ่ง ทางที่ประชุมของหัวหน้าพรรคที่กำหนดพูดคุยทุก 2สัปดาห์ จะมาหารือร่วมกันอีกครั้ง หลังจากนั้นจะได้พูดคุยเรื่องการแบ่งงาน รวมถึงตำแหน่งต่างๆ
‘พิธา’รับผิดชอบหรือไม่ต้องดูข้อกม.
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าหาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก.ก.ขาดคุณสมบัติการเป็น สส.ในประเด็นขาดคุณสมบัติในประเด็นถือหุ้นไอทีวี และถูกร้องเรื่องการรับรองผู้สมัคร สส.ของพรรค อาจต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศ ในเขตที่พรรคก้าวไกลชนะ ว่า ประเด็นนี้มีการพูดคุยกันอยู่ เพราะคุณสมบัติของหัวหน้าพรรคที่ไปลงนามรับรองผู้สมัครของพรรค มีคุณสมบัติครบหรือไม่ อย่างไร ต้องไปดูประเด็นนั้น ยกตัวอย่างกรณีตนเอง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย จ.นนทบุรี ถูกชี้ว่าคุณสมบัติไม่ครบ เพราะถูกจำกัดสิทธิ์ จากการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หลายฝ่ายมองว่า หัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบร่วมด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วการถูกจำกัดสิทธิ์ ไม่ใช่ลักษณะต้องห้าม ฉะนั้นไม่จำเป็นว่า หัวหน้าพรรคที่เซ็นไปลงสมัครรับเลือกตั้งต้องรับผิดชอบ พรรคจะรับผิดชอบเฉพาะกรณีที่ไปลงนามตัวผู้สมัครที่รู้อยู่ว่า ตัวเองไม่มีคุณสมบัติและมีคุณสมบัติต้องห้าม เมื่อเขามีคุณสมบัติต้องห้าม และยังลงนามให้เขาไปลงรับสมัคร ต้องรับผิดชอบทางอาญา
พร้อมทำงานกับก.ก.ตามที่มีกม.รองรับ
เมื่อถามว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับนายพิธา ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ยังคงให้โอกาสก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนยืนยันว่าเรามัดกันแน่นและยังคงทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะมีอะไรขึ้น ก็ยังคงทำงานกันต่อไป ส่วนรายละเอียด ก็ดูเป็นเรื่องๆไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มีข้อกฎหมายรองรับอะไร หรือไม่ อย่างไร
‘บิ๊กตู่’ยันปฎิรูปกองทัพต้องทำแบบไทยๆ
ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่5/2566 ว่า ไม่ได้สั่งให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขามีหน้าที่ตามกฏหมายอยู่แล้ว ทั้งทหารและตำรวจ ในการดูแลตามหน้าที่ ไม่ต้องกำชับอะไรทุกอย่างพัฒนาไปตามสถานการณ์ ในส่วนการปฏิรูปกองทัพเรามีแผนอยู่แล้ว ซึ่งการที่จะปรับจะต้องดูบริบทของประเทศไทยด้วย เพราะประเทศไทยไม่เหมือนชาติอื่น จะไปยึดแบบประเทศไหนมาใช้ก็อาจจะไม่เหมาะสม เราจะใช้วิธีการผสมผสาน เพราะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันในส่วนของของเราก็ต้องเป็นเรา ภายใต้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ เมื่อถามถึงกรณียังนั่งรักษาการนายกรัฐมนตรี แต่ 8พรรคร่วมรัฐบาลมีการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านมองอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีความคิดเห็นเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิทธิที่ท่านจะทำ ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้นั้น ทำแล้วไม่กระทบกับหน่วยงานราชการ ก็ไม่มีปัญหา แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุกคนเลยมองว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจอะไรทำนองนี้ แต่ก็ทำไป
ย้ำ’พิธา’เชิญขรก.ไปหารือนอกรอบเอง
ส่วนกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า ข้าราชการติดต่อไปเองนั้น นายกฯ กล่าวว่า“ก็ไม่รู้ ผมถามข้าราชการว่า เขาขอมาหรือไม่ เขาก็บอกว่า ไม่มี ผมก็ต้องถามคนของผม ใครจะพูดอะไรก็ตามอย่าเชื่อทั้งหมด ต้องหาข้อมูลข้อเท็จจริง”เมื่อถามอีกว่าจะกระทบกับสิ่งที่นายกฯได้สั่งข้าราชการว่าให้เตรียมข้อมูล เพื่อส่งมอบงานให้รัฐบาลชุดต่อไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เราต้องสรุปงานทั้งหมด เพื่อส่งมอบให้รัฐบาลชุดต่อไปว่า 4ปีที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง ปัญหาและอุปสรรคคืออะไร เมื่อถามว่าจะให้กำลังใจคนที่จัดตั้งรัฐบาลอย่างไร นายกฯกล่าวว่า คาดหวังว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่ดีได้ เพียงแต่มันยังมีอีกหลายขั้นตอน เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีการรับรอง ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ แต่ถ้าเขาผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรอง ถึงจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกลไก
ค้านแก้ม.112-หวังปท.สงบ-ปลอดภัย
เมื่อถามต่อว่าในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถ้าใครมาแก้มาตรา112 จะขวางใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ถามก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะมันอยู่ในหัวใจของทหารตำรวจและข้าราชการทุกคนและประชาชนอีกจำนวนมาก เขาก็ไม่เห็นด้วยตรงนี้ก็แค่นั้น แล้วถามว่า ทำๆไม เมื่อถามถึงกรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯในฐานะฝ่ายกฎหมาย ระบุว่า นายพิธา ถูกดำเนินคดีถือหุ้นสื่ออาจต้องเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องกฎหมาย ให้ไปถาม นายวิษณุ เมื่อถามย้ำว่า พรรครทสช.และพล.อ.ประยุทธ์ จะสู้ต่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พรรคก็ยังอยู่ ส่วนหวังอะไรกับรัฐบาลใหม่มากที่สุดที่กำลังจะเข้ามาไม่ว่าใครก็ตาม นายกฯ กล่าวว่า อยากให้บ้านเมืองสงบ ปลอดภัย มีการพัฒนาที่ยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี