“จตุพร” คลี่กระดานการเมือง ส่องหาทางตั้งรัฐบาลใหม่ มั่นใจมีทางเดียว “เพื่อไทย”ต้องหักหลังมิตร ย้ายข้าง 312 เสียงไปจับมือกับ 188 เสียง กำจัด"ก้าวไกล"ไปฝ่ายค้าน แลกกับดีลกลับบ้าน เตือนมีราคาประเทศวุ่นวายต้องจ่าย คาดอะไรจะเกิดต้องเกิด บอก ปชช.เตรียมรับมือ
4 มิ.ย.66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "เตรียมรับมือ" โดยส่องทางตั้งรัฐบาล เชื่อมีทางเดียวพรรคเพื่อไทยต้องหักหลังเพื่อนไปจับมือ 188 เสียงจึงจะได้ ส.ว. 376 เสียงมาหนุนผ่านนายกฯ และได้ตั้งรัฐบาล แต่หนทางนี้กลับมีราคาต้องจ่ายด้วยความวุ่นวาย รุนแรงของประเทศ
นายจตุพร เชื่อว่า แม้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตของพรรค ไม่ถูกร้องเรียนถือหุ้นสื่อก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ถึง 376 จาก 750 เสียงของที่ประชุมสองสภาอยู่ดี จึงไม่ได้เป็นนายกฯ ดังนั้น โอกาสตั้งรัฐบาล 312 เสียงย่อมเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง โดยสิ่งนี้คือ สถานการณ์ที่เป็นจริงของเสียง ส.ว.
อีกทั้งเห็นว่า นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. จู่ๆก็เสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์วิพากษ์วิจารณ์ ส.ว.ไม่โหวตให้นายพิธา เป็นนายกฯ ดังนั้น การเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งไม่เคยมีอยู่จริงในไทย จึงต้องการให้เกิดเรื่อง และที่สำคัญเราไม่ต้องการให้บ้านเมืองไปถึงจุดเลือดนองท้องช้างอีก
นายจตุพร เสนอว่า การตั้งรัฐบาลนั้น หากพรรคเพื่อไทยซื่อสัตย์ อยู่กันตลอดไปก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็อยู่กันเรื่อยไปเพราะ 312 เสียงตั้งรัฐบาลไม่ได้เมื่อไม่มีพรรคอื่นมาร่วม และ ส.ว.ไม่โหวตให้ถึง 376 เสียง ดังนั้น จึงมีเพียงกรณีเดียวที่จะตั้งรัฐบาลได้ คือ พรรคเพื่อไทยต้องหักหลังเพื่อน 312 เสียง แล้วข้ามขั้วไปตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียงเท่านั้น
"ถ้า 8 พรรค 312 เสียงเป็นคนจริง รักและต้องการอยู่ร่วมกันตลอดไปก็อยู่ไปอย่างนั้น อีกทั้งเมื่อฝ่าย 188 เสียงก็เป็นคนจริง ก็อยู่กันไป ผลก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็อยู่เป็นรัฐบาลรักษาการกันไป แต่สถานการณ์ชณะนี้ยังไม่เห็นแววว่าจะตั้งรัฐบาลได้จริงกันเมื่อไร เพราะ ส.ว.ก็เป็นคนจริง ไม่โหวตให้ใครเป็นนายกฯ ด้วย ดังนั้น หนทางเดียวที่จะตั้งรัฐบาลได้คือ ต้องมีพรรคหนึ่งต้องหักหลังเพื่อน แยกตัวออกไปเท่านั้นจึงตั้งรัฐบาลได้"
นายจตุพร วิเคราะห์ว่า เมื่อพรรคก้าวไกล ไม่เอาพรรค 188 เสียงมาร่วมแล้ว จึงอยู่ที่พรรคเพื่อไทยต้องนำ 141 เสียงแยกวงไปร่วมกับฝ่าย 188 เสียงท่านั้นจึงจะตั้งรัฐบาลได้ โดยมีพรรคภูมิใจไทย กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาร่วมวงด้วย รูปแบบเช่นนี้ ย่อมมีโอกาสได้เสียงจาก ส.ว.มาร่วมหนุนให้ผ่าน 376 เสียงไปได้ค่อนข้างสูง
พร้อมทั้งมั่นใจว่า ในขณะนี้ขั้นตอนย้ายขั้วหักหลังเพื่อนไปจับมือกับฝ่าย 188 เสียง จะเห็นได้ชัดที่สุด เพราะการทาบทามโน้มน้าว ส.ว.ให้โหวตหนุนนายพิธานั้น มีเพียงยาหอมกลับมา ดังนั้น สถานการณ์แนวรบ ส.ว.จึงไม่เปลี่ยน คือเสียง ส.ว.หนุนไม่ถึง 376 แน่นอนและชัดเจน
"เมื่อ 312 เสียงจับกันแล้วไม่มีทางได้ตั้งรัฐบาลแน่ แต่ถ้าหักหลังเพื่อนย้ายขั้วก็ตั้งรัฐบาลได้เป็นจริง แนวทางนี้พร้อมจะเกิด และแนวทางนี้เขาก็พร้อมจะพังเช่นกัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขาพร้อมจะแลกเพื่อให้ได้กลับบ้าน ดังนั้น กระดานทางการเมืองที่เป็นจริงขณะนี้คือ จะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จต้องหักหลังกันอย่างเดียว"
นายจตุพร ประเมินว่า การทรยศหักหลังเพื่อน ประชาชนจะยอมรับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หนทางตั้งรัฐบาลสูตรไหนก็ตาม พรรคก้าวไกลจะเจ็บปวดที่สุด ดังนั้น การข้ามฟากไปหา 188 เสียงจะเป็นเกมที่ต้องแลกกับความวุ่นวาย แต่ก็เป็นหนทางเดียวที่จะตั้งรัฐบาลได้ ถึงที่สุด การดีลย้ายขั้วเพื่อตั้งรัฐบาล ย่อมแลกด้วยการกลับบ้าน แต่ก็มีราคาความวุ่นวายในประเทศที่ต้องจ่ายด้วยเลือดเนื้อ บาดเจ็บอีกตามเดิม
"การเดินเกมเพื่อจะแลกกับการกลับบ้าน เขาจึงยอมทำทุกสิ่งทุกอย่าง การเร่งสถานการณ์ให้รุนแรง แล้วนำชีวิต เลือดเนื้อ บาดเจ็บ พิการของคนเสื้อแดงไปแลกก็ทำมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะอีกฝ่ายไม่เชื่อถือ ในสถานการณ์อยากกลับบ้านครั้งนี้ การตั้งรัฐบาลด้วยการหักหลังเพื่อนจึงเร่งให้เกิดขึ้นในช่วงระหว่างหลัง 13 ก.ค.ที่รับรอง ส.ส.แล้วกับวันเกิด 26 ก.ค. ซึ่งอยู่ช่วงสถานการณ์เลือกประธานสภาและตั้งรัฐบาลกัน ดังนั้นตัวเร่งจะบีบให้เกิดการย้ายขั้วเพื่อตั้งรัฐบาล ทำไมจะทำไม่ได้"นายจตุพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี