กกต.แจงรับรอง‘พิธา’ไปก่อน
ไว้สอยทีหลัง
รู้ว่าลงสมัครสส.ไม่ได้ยังฝืน
ยันไม่ห่วงสังคมกดดัน
ชี้รับรองสส.เร็วกว่าปี’62
‘สมศักดิ์’ยันระเบียบใหม่
ไม่เอื้อ‘ทักษิณ’กลับบ้าน
ประธานกกต.ยันไม่กังวลสังคมกดดัน เร่งประกาศรับรองสส.ไม่รับคำร้อง “พิธา” ปมหุ้นไอทีวีชี้สอบปมหุ้นสื่อไม่มีผลต้องแขวน “พิธา”สัปดาห์ชัดเจนกรอบเวลา แง้มสั่งนับคะแนนใหม่เพิ่มบางหน่วยรอที่ประชุมถกเคาะ เลขาฯกกต.ชี้ต้องรับรอง “พิธา” เป็นสส.ไปก่อนพิจารณาหุ้นสื่อ เหตุไร้ช่องดำเนินการทำได้ แต่คดีอาญา ม.151 รู้ว่าสมัครไม่ได้ยังฝืน ด้านเลขาฯ ป.ป.ช.ไม่หวั่น “ก้าวไกล” ขู่รื้อองค์กรอิสระ ชี้ขึ้นอยู่กับมุมมอง ให้ดูที่ผลงาน วิเคราะห์ที่มาที่ไปก่อนอย่าให้สิ่งที่ทำมาสูญเปล่าเสียของเปลืองงบประมาณ “พิธา” เคยยื่นแจ้ง’หนี้ค้ำประกัน-หุ้นไอทีวี แล้ว ขอตรวจสอบใช่ที่เป็นข่าวหรือไม่ อำนาจชี้คุณสมบัติอยู่ที่กกต. “เศรษฐา” เข้า “เพื่อไทย” หลังพักผ่อนอังกฤษ ไม่คิด “พิธา” จะเจออุบัติเหตุตกสวรรค์ ได้แต่ให้กำลังใจ โนคอมเม้นท์ “ครอบครัวชินวัตร” เบรก “ทักษิณ” กลับไทย เชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” เหมาะนั่งนายกฯ
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดพิธีบวงสรวงศาลพระพรหม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ25ปี กกต.พร้อมชูแนวคิด“เส้นทางการจัดการเลือกตั้ง สู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน”โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.พร้อมคณะที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญและคณะเข้าร่วมพิธี
นับคะแนนใหม่ไม่มีผลต่อจำนวนสส.
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีคำสั่งให้นับคะแนนใหม่47 หน่วยเลือกตั้งใน16จังหวัดว่า เป็นมติที่ประชุม กกต.เนื่องจากจำนวนบัตรออกเสียงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิตรงกัน แต่คะแนนที่นับออกมาไม่ตรงกัน อาจจะมีสาเหตุจากการขีดคะแนนผิดพลาด จึงจำเป็นต้องนับคะแนนใหม่ใน 47หน่วย ซึ่งกระบวนการนับใหม่จะต้องทำโดยไม่ล่าช้า คิดว่าไม่เกิน 5วัน ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นก็จะต้องส่งผลการนับคะแนนมาให้ กกต.อีกครั้ง การนับคะแนนใหม่จะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวนสส.ที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ เพราะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น
เมื่อถามว่า กฎหมายให้อำนาจกกต.วินิจฉัยว่า ถ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับส.ส.ไม่ต้องนับใหม่ ประธานกกต.กล่าวว่า มาตราดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกรณีที่พบว่า บัตรออกเสียงเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับที่เหตุ กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ ขณะนี้ยังมีกรณีที่สำนักงาน กกต.จะเสนอเรื่องเกี่ยวกับการนับคะแนนใหม่ หรือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้กกต.พิจารณา ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่า จะมีความเห็นว่าอย่าง ซึ่งจำนวนไม่มาก แต่อาจไม่มีอะไรเลยก็ได้
ประธานกกต.กล่าวต่อว่า ในเรื่องประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง สส.ทาง กกต.ไม่สามารถทยอยประกาศรับรองผลได้เหมือนการเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ95 จะทยอยประกาศไม่ได้ อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่า ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมาได้รับการเลือกตั้งมาโดยสุจริตหรือไม่ หากกกต.พิจารณาเห็นว่า มีเรื่องร้องเรียน โดยขั้นตอน หากมีการร้อง สำนักงานกกต.จะพิจารณาว่า เป็นเรื่องที่มีมูลควรสั่งรับคำร้องหรือไม่ หากรับก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนและดำเนินการสืบสวนไต่สวนไป ฃ
“ถ้าหากดำเนินการไม่ทันภายในเวลา 60วัน กกต.ก็จะประกาศรับรองผลไปก่อน แล้วไปดำเนินการในภายหลัง คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนว่า จะประกาศรับรองผลได้เมื่อไหร่ แต่เชื่อว่า กกต.จะประกาศรับรองผลได้เร็วกว่า 60วัน เร็วกว่าเมื่อปี2562 แน่ๆ เพราะกกต.ไม่อยากให้ล่าช้า”นายอิทธิพร ย้ำ
ประธาน กกต.ยังกล่าวถึงกรณีคำร้องการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐ มนตรีพรรคก้าวไกล(ก.ก.) ว่า มีการยื่นคำร้องมา 3คำร้อง อยู่ในขั้นตอนสำนักงานกกต.พิจารณาว่า จะรับเป็นคำร้องหรือไม่ หากไม่รับเป็นคำร้อง จะรับเป็นความปรากฏต่อ กกต.หรือไม่ หากรับก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน มาดำเนินการสืบสวนไต่สวนและเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำ ซึ่งกระบวนการสอบสวนสามารถทำควบคู่ไปกับการประกาศรับรองผลก็ได้
คุณสมบัติ’พิธา’อยู่ระหว่างการพิจารณา
เมื่อถามต่อว่านายพิธาได้เซ็นรับรองส่งผู้สมัครสส.ในฐานะหัวหน้าพรรคจะส่งผลให้ไม่ประกาศรับรองสส.พรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่าไม่ถึงขนาดนั้น
เมื่อถามต่อว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการกำหนดให้สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วหากนายพิธาถูกชี้ว่าผิดจะส่งผลต่อการได้รับการรับรอง สส.พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา การให้ความเห็นเบื้องต้น ทำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องที่กกต.ต้องพิจารณาร่วมกัน และยังต้องใช้เวลาอีกมาก แต่เรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสื่อทั้งหมด ซึ่งการเชิญนายพิธา มาชี้แจงก็ดำเนินการหลังมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว
ไม่กังวลถูกกดดัน-ย้ำทำตามกม.
ประธานกกต.ยังระบุว่าไม่ได้รู้สึกกังวลกับการที่สังคมกดดันให้เร่งรับรองผลเลือกตั้งหรือไม่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ นายพิธา เรารับทราบความเห็นของประชาชน แต่เราต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้ ส่วนที่ นายพิธา ระบุว่า หากได้เป็นนายกฯจะโละองค์กรอิสระที่ไม่อิสระนั้น ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็นและผลักดันให้เป็นไปตามนั้น เราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ
รับรอง’พิธา’ไปก่อน-รอสอบฟันหุ้นสื่อ
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า เรื่องนี้มีปัญหาทางเทคนิคอยู่ คือผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง 2วัน ซึ่งกรณีมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ต้องร้องภายใน 7วัน ก่อนวันเลือกตั้ง สำนักงานก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ร้องมีเหตุ มีมูลที่จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ และเสนอให้ กกต.พิจารณา ซึ่งทางกกต.มีความเห็นว่าให้ทำให้รอบคอบและเสนอขึ้นไปใหม่ ส่วน กกต.จะรับไว้พิจารณาหรือไม่เป็นอีกประเด็นและถ้ารับแล้วจะผิดหรือถูกก็เป็นอีกประเด็น ดังนั้นเรื่องนี้จึงยังอยู่ในขั้นตอนของสำนักงาน
เชือดม.151รู้สมัครไม่ได้แต่ยังฝืนสมัคร
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า มีการดำเนินการข้อหารู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังคงลงสมัคร นายแสวง กล่าวว่า เรื่องการมีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครหากเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งต้องส่งศาลฎีกาวินิจฉัย แต่หลังเลือกตั้งก่อนการประกาศผล ยังเป็นช่องโหว่อยู่ ซึ่งสำนักงานก็คิดว่าหากมีการยื่น จะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งสามารถทำคดีอาญาตามมาตรา151 ได้ ส่วนเมื่อประกาศรับรองผลไปแล้ว การให้พ้นจาก ส.ส. ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 คือ สมาชิกรัฐสภาหนึ่งใน 10 เข้าชื่อ ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกกต.ก็สามารถยื่นได้ แต่เราต้องมีพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง
เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้ กกต.กำลังพิจารณาควบคู่ ระหว่างคดีอาญาตามมาตรา151และคดีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า คดีคุณสมบัติยังพิจารณาไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็น ส.ส. ตอนนี้พิจารณาได้เฉพาะคดีอาญา ตามมาตรา151
เตรียมส่งเรื่องต่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัย
“ตามคำร้องร้องว่า คุณไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัคร สส.เพราะคุณมีลักษณะต้องห้าม ที่กฎหมายกำหนด เมื่อคุณไม่มีคุณสมบัติก็จะไปสู่ข้อหารู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติ แต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 151 แต่เรื่องของการพ้นจาก ส.ส. เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา82 ซึ่งตอนนี้ยังเป็นอนาคตที่มาไม่ถึง ยังไงก็ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส.ไปก่อน เพราะพ้นระยะเวลาช่วงการยื่นของศาลฎีกามาแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจไม่ประกาศ แต่สามารถพิจารณาคดีอาญาได้”นายแสวง กล่าว
เลขาฯปปช.ไม่หวั่นก.ก.ขู่รื้อองค์กรอิสระ
ด้าน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ในฐานะโฆษกสำนักงาน ปปช.กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีระบุว่าหากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จจะรื้อองค์องค์กรอิสระที่ไม่อิสระจริงๆว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของสภา ไม่สามารถให้ความเห็นได้ เขามีอำนาจจะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือปรับปรุงอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระอย่างไร ส่วนที่ นายพิธา มองว่า องค์กรอิสระถูกครอบงำนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่อยากให้ดูผลงานของแต่ละองค์กรว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการกระทำดังกล่าวต้องมีการวิเคราะห์ถึงที่มาที่ไป ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ทำมาแล้วจะสูญเปล่า โดยเฉพาะงบประมาณที่ใช้ไป
‘พิธา’เคยยื่นแจ้ง’หนี้ค้ำประกัน-หุ้นไอทีวี
นายนิวัติไชย ยังกล่าวถึงกรณีการค้ำประกันหนี้สิน 460ล้านบาท ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่า เท่าที่ตรวจสอบ ยังไม่เห็นว่า มีคำร้องในประเด็นอะไรบ้าง แต่เท่าที่ นายพิธา ยื่นบัญชีทรัพย์สินมา มีการยื่นบัญชีหุ้นไอทีวีและเรื่องกู้ค้ำประกันอยู่ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่า ใช่ตัวเดียวกันกับที่ปรากฏเป็นข่าวหรือไม่ แต่การค้ำประกันหนี้ยังถือว่า ไม่มีหนี้ที่เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงสิทธิของลูกหนี้ ที่หากผิดนัดก็สามารถไปเรียกร้องกับผู้ค้ำประกันได้ ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ต้องนำไปพิจารณาต่อว่านายพิธาต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งถ้ายื่นไปแล้ว แล้วมาค้ำก็ไม่ต้องแจ้ง แต่เราจะดูทรัพย์สินที่ยื่นในวันดำรงตำแหน่งและวันพ้นจากตำแหน่งและถ้ามีการร้องเรียน ปปช.ก็จะไปตรวจสอบที่มาของรายได้ว่า มีการค้ำจริงไหม หนี้สินของใคร มูลค่าเท่าไหร่ จำเป็นต้องยื่นหรือไม่ เพราะเป็นสถานะที่ยังไม่มีตัวหนี้สินจริงๆ ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ อยู่ที่อำนาจของ ปปช.
ปปช.เช็คแค่ทรัพย์สิน-ไมเกี่ยวคุณสมบัติ
เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของ ปปช.พบเจอความผิดปกติในบัญชีทรัพย์สิน นายพิธาหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ข้อมูลที่ปรากฎเป็นข่าว ทาง ปปช.จะนำมาประกอบการพิจารณาอีกทีหนึ่ง ส่วนกรณีหุ้นไอทีวี ตนก็ยังไม่แน่ใจ เพราะเท่าที่เห็นในใบหุ้นที่แจ้งเข้ามา นายพิธา มีหุ้นอยู่ในบริษัทไอทีวี 42,000หุ้น จึงต้องดูว่า เป็นการยื่นในฐานะอะไร เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ เราต้องตรวจสอบว่า มีจริงและเป็นเจ้าของจริงหรือไม่ ถ้าหากเป็นเจ้าของ ตามกฎหมายก็ต้องยื่น
ส่วนที่นายพิธา เพิ่งจะมายื่นเรื่องนั้นจะมีความผิดหรือไม่ นายนิวัติไชย ย้ำว่าต้องดูระยะเวลา เจตนา เพราะนายพิธา ก็ยื่นมาแล้ว ตอนเข้ารับตำแหน่ง สส.ปี2562 แต่ครั้งนี้เป็นเพียงการยื่นเพิ่มเติมทีหลัง ส่วนการพิจารณาหน้าที่และคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของรายบุคคล ไม่ใช่หน้าที่ของปปช.เพราะปปช.มีหน้าที่แค่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน แต่ถ้าหากเขาจงใจไม่ยื่นก็ไม่ใช่หน้าที่ของ ปปช.ที่จะตัดสินให้ขาดคุณสมบัติ เพียงแต่ประสานองค์กรข้างเคียง เช่น กกต.ที่คาดว่า ก็น่าจะมีข้อมูลแล้ว
‘พิธา-โรม’นำว่าที่ส.ส.ขอบคุณชาวภูเก็ต
เวลา 12.04น.ที่สนามฟุตบอลหน้าที่ว่าการอำเภอกะทู้ จ.ภูเก็ต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม และว่าที่ ส.ส.ภูเก็ต ทั้ง 3 เขต คือ นายสมชาติ เตชถาวรเจริญ ว่าที่ ส.ส.เขต 1 นายเฉลิมพงศ์ แสงดี ว่าที่ ส.ส.เขต 2 และ นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ว่าที่ ส.ส.เขต 3 เดินทางมาพบปะและขอบคุณประชาชนที่มารอรับประมาณ 1,000คน ขณะเดียวกันก็มีพ่อค้าแม่ค้าที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลนำสินค้าต่างๆ มาวางจำหน่ายให้กับผู้สนับสนุน หรือด้อมส้มใน จ.ภูเก็ต เป็นจำนวนมากด้วย
ขณะนายพิธาขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณพลังเสียงชาวภูเก็ต ได้รับเสียงกรี๊ดจากประชาชนดังทั่วบริเวณ โดยนายพิธากล่าวขอบคุณ จ.ภูเก็ต ที่สนับสนุน เลือกผู้สมัครของพรรคครบทั้ง 3 เขต รวมทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน จนผู้สมัครของพรรคก้าวไกลได้รับการเลือกตั้ง
นายพิธากล่าวว่าภูเก็ต Are you ready ชาวภูเก็ตที่เคารพรักทั้งหลาย พวกเราชนะแล้ว (เสียงเฮ) บอกแล้วทั้งประเทศไทย ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ เราได้ด้อมส้มยกจังหวัด วันนี้ลงมาขอบคุณในความไว้วางใจของชาวภูเก็ตด้วยตัวผมเอง ความไว้วางใจที่ชาวภูเก็ตให้กับพวกเราในปี 2566 ทำให้ได้คะแนนมามากกว่าเลือกตั้งปี 2562 จำนวน1เท่าตัวเต็มๆ วันนี้ภูเก็ตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
‘เศรษฐา’ยันรีแบรนด์‘เพื่อไทย’คืบ
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าพรรค พท.หลังเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษครั้งแรกให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนจะเข้ามารายงานการทำงานให้พรรคเกี่ยวกับการรีแบรนด์ของพรรคให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายของพรรคและนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และขอคำแนะนำจากคนที่อยู่ในพรรคมานานว่า วิธีการที่เราทำงานแบบใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ยืนยันว่าการรีแบรนด์พรรคมีความคืบหน้าตามลำดับ ขอให้ใจเย็น ถ้ามีความคืบหน้าที่จะสามารถแถลงได้เราจะทยอยมาเปิดเผย จากนั้นจะประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจของพรรค
เมื่อถามว่า8พรรคร่วมรัฐบาลได้ทาบทามให้ไปร่วมทำงานหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่มีครับ ผมไม่ได้โฟกัสเรื่องการฟอร์มรัฐบาล ผมโฟกัสแค่พรรคเพื่อไทยอย่างเดียว”เมื่อถามว่ามองภาพรวมการฟอร์มรัฐบาลครั้งนี้อย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้มองเพียงแต่ให้กำลังใจการฟอร์มรัฐบาลครั้งนี้สำเร็จ เพราะเราเป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน
เชื่อ‘อุ๊งอิ๊ง’เหมาะนั่งนายกฯ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวครอบครัวชินวัตร อยากให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชะลอการเดินทางกลับประเทศไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องเลย
เมื่อถามต่อว่ากระแสข่าวยังระบุด้วยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรคและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยยังไม่เหมาะเป็นนายกฯตอนนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร มีความเหมาะและได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เชื่อว่าสื่อมวลชนก็เห็น ตอนนี้ น.ส.แพทองธาร อายุ 37ปีแล้ว เชื่อว่ามีวุฒิภาวะและที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มีความเห็นชอบให้เป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว
ไม่คิด‘พิธา’เจออุบัติเหตุการเมือง
เมื่อถามว่าขณะนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ถูกยื่นเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.หาก นายพิธา เกิดอุบัติเหตุ จะไปรับหน้าที่ตรงนั้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าไม่ได้คิดตรงนั้น เลย เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกล เขามีขั้นตอนของเขา เพราะเขาเป็นพรรคอันดับ1 ก็ต้องให้เกียรติเขาเป็นคนจัดการ เมื่อถามย้ำว่า พรรคก้าวไกลมีแคนดิเดตนายกฯแค่คนเดียว นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้เขาเป็นคนจัดการ เพราะเขาเป็นพรรคอันดับ1 เราเป็นพรรคอันดับ 2 และตนไม่เกี่ยวข้องกับการฟอร์มรัฐบาล ตนทำแต่เรื่องพรรค พท.อย่างเดียว
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคพท.เตรียมฟ้องนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่ร้องเรียนพรรค พท.เกี่ยวกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1หมื่นบาท นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องถามฝ่ายกฎหมาย เพราะตนไม่มีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้
‘สมศักดิ์’แจงระเบียบใหม่ไม่เอื้อทักษิณ’
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าช่วยออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการปฎิบัติต่อผู้ถูกกักกัน เพื่อเอื้อต่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการปฎิบัติต่อผู้ถูกกักกัน ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับใคร เพราะการกักกัน ไม่ใช่การจำคุกนอกเรือนจำ ตามที่มีคนบางกลุ่มพยายามชี้นำให้สังคมเข้าใจผิดและพยายามเชื่อมโยงตนกับอดีตนายกฯทักษิณ ซึ่งในระเบียบก็ระบุชัดเจนว่า ผู้ถูกกักกัน คือ ผู้กระทำผิดติดนิสัย เกี่ยวกับคดีที่ศาลเคยลงโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 6เดือน มาแล้วไม่น้อยกว่า 2ครั้ง จะต้องถูกควบคุมตัวไว้ภายในสถานที่กักกัน เพื่อป้องกันทำผิดและปรับนิสัย พร้อมฝึกหัดอาชีพ แต่หากผู้ถูกกักกันมีโทษจำคุก ก็ให้รับโทษจำคุกให้ครบก่อน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า อดีตนายกฯทักษิณ ไม่ได้เข้าเงื่อนไขระเบียบใหม่นี้เลย จึงเป็นการบิดเบือน เพื่อให้สังคมเข้าใจตนผิด
ช่วยไม่ให้มีการกระทำความผิดซ้ำอีก
“ระเบียบใหม่นี้ จะช่วยเฝ้าระวังกับคนที่ทำผิดซ้ำๆ อย่าง คดีฆ่าข่มขืน หรือ ฆาตกรต่อเนื่อง อย่าง นายสมคิด พุ่มพวง หรือ ไอซ์ หีบเหล็ก จึงต้องถูกกักกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย โดยขณะผมเป็น รมว.ยุติธรรม ก็ได้ช่วยผลักดันกฎหมายป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ เพื่อเฝ้าระวังบุคคลอันตราย ที่ชอบก่อเหตุซ้ำๆ ซึ่งในกฎหมายฉบับนี้ ก็กำหนดให้กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับผิดชอบในการบังคับตามคำสั่งคุมขังภายหลังพ้นโทษ หรือคำสั่งคุมขังฉุกเฉินตามที่ศาลกำหนด โดยให้นำพรบ.วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2510 มาใช้บังคับโดยอนุโลม” นายสมศักดิ์ กล่าว
‘อนุทิน’ยันไร้คนดีลร่วมรบ.ขออยู่เฉยๆ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กกต.ให้นับคะแนนใหม่ 47หน่วย มีของพรรคภูมิใจไทยรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบ ตนก็ติดตามข่าวเหมือนสื่อมวลชน เมื่อถามว่าถึงขณะนี้มีพรรคการเมืองไหนมาดีลกับพรรคภูมิใจไทยบ้างหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี ตอนนี้คุยเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอกเพราะเราต้องทำตามมารยาทและพรรคภูมิใจไทยก็เคยพูดไปแล้วว่า พรรคที่ได้อันดับ1 ต้องจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยได้ที่3 ไม่ใช่ที่2 เราก็ต้องอยู่เฉยๆ
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยวางหลักเรื่องโหวตประธานสภาฯอย่างไรนายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่วางเพราะต้องรอการรับรอง สส.จาก กกต.ถ้าถามว่า กกต.ช้าไหม หากเทียบกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้วถือว่าไม่ช้า และหากเทียบกับรัฐธรรมนูญก็ให้เวลา 60วัน ถือว่า ยังอยู่ในเวลา ฉะนั้น หาก กกต.ยังไม่ประกาศผลก็ถือว่ายังไม่ประกาศผลเป็นทางการ เดี๋ยวก็มีนับใหม่ เดี๋ยวก็มีเช็กคุณสมบัติ เลือกใหม่อีก เราก็ไม่รู้ว่าใครเบอร์1 เบอร์2กันแน่ แต่เราก็ไม่กังวล เพราะคงไม่ตกมาถึงเบอร์3 คงไม่ตัดสิทธิ์อะไรจนพรรคที่ได้ 71 เสียงอย่างภูมิใจไทยได้เป็นพรรคอันดับ1 เราจึงไม่กังวล แต่ถ้าเราอยู่พรรคอันดับ2 ค่อยมานั่งคิดเพราะเราอยู่อันดับที่ 3
กกต.ทำงานไม่ช้า-ปิดปาก‘แม้ว’กลับ
เมื่อถามว่าที่บอกว่าพรรคอันดับ2 อาจขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ1 เป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนอยากให้ไม่มีปัญหาดีที่สุด พรรคภูมิใจไทยไม่เคยทำอะไรให้เป็นปัญหาเลย เราไม่พยายามที่จะเคลื่อนไหวหรือไปว่ากล่าววิพากษ์วิจารณ์อะไร เราเคารพกติกาและทำตามมารยาททางการเมืองที่ควรจะทำ
เมื่อถามว่า สรุปแล้ว กกต.ไม่ได้ทำงานช้าไปใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนพูดไม่ได้ ถ้าถามคนทำงานก็ยังอยู่ในกรอบเวลา
เมื่อถามถึง กระแสข่าว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะกลับไทยเดือนก.ค.แต่ถูกครอบครัวเบรกไว้ ในฐานะที่เคยทำงานร่วมกันมองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนก็เคารพนายทักษิณเสมอ แต่เรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว เราไม่ใช่คนในครอบครัว ต้องเคารพการตัดสินใจของครอบครัว ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า การกลับมาหรือไม่กลับของนายทักษิณ ทำให้ทิศทางการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนพรรคภูมิใจไทยคิดว่า คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ภายใต้กฎหมายอยู่แล้ว
‘สนธิญา’ยื่น กกต.จี้ถามพท.ปมงินดิจิทัล
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นต่อ กกต. เพื่อให้สอบถามไปยังพรรคเพื่อไทยในกรณีที่พรรคขอชะลอนโยบายแจกเงินดิจิทัลจำนวน 10,000บาท แก่ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป
โดยนายสนธิญา กล่าวว่า อยากให้ กกต.สอบถามไปยังพรรคเพื่อไทยว่าการชะลอนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทนั้น จะชะลอไปถึงปีไหนหรือถึงชาติไหน จะแจกหรือไม่แจก เพราะเป็นนโยบายหลังของพรรคเพื่อไทยที่มีการโฆษณาให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และตนเชื่อว่าคนไทยหลายล้านคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยเพราะด้วยนโยบายเหล่านี้ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะชะลอนโยบายนี้
ตนจึงมาท้วงถามที่ กกต. เพื่อสอบถามไปยังพรรคเพื่อไทยด้วยว่านโยบายนั้นที่เป็นความหวังของประชาชนจะยังดำเนินการต่อได้เมื่อไหร่ และหากพรรคเพื่อไทยบอกว่านโยบายนี้ไปทับซ้อนกับนโยบายของพรรคก้าวไกลตนเองก็อยากถามตรงไปยังพรรคก้าวไกลว่า หากพรรคเพื่อไทยชะลอแจกเงิน 10,000 บาท แล้วพรรคก้าวไกลจะทำนโยบายแจกเงิน 3,000 บาทให้ผู้สูงอายุหรือไม่ ขอให้ กกต.ถามกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น เป็นที่แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทย จะต้องมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อจากก้าวไกล จึงให้กกต.ถามไปยังพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าได้กลับมาเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทนั้นพรรคเพื่อไทยจะหยิบยกมาเป็นนโยบายแรกหรือไม่
ยก’คุณหญิงพจมาน’เซียนเหนือเซียน’
ส่วนกรณีครอบครัวชินวัตร ส่งสัญญาณเบรก“ทักษิณ”กลับไทย อยากให้ทอดเวลาออกไปก่อน แต่ตัวของนายทักษิณเอง อยากเดินทางกลับมาเลย ซึ่งทางครอบครัวยังไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอกหรือไม่ และใจจริงก็อยากให้กลับมาหลังตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว หรือ มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย
ล่าสุด นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า...เหยียบหิมะไร้ร่องรอย นี่คือเซียนตัวจริง เห็นข่าวนี้แล้วยอมรับว่าคุณหญิง“พจมาน” คือเซียนเหนือเซียนที่เหยียบหิมะไร้ร่องรอยจริงๆ คุณหญิงอ่านเกมส์การเมืองขาดทะลุปุโปร่ง รู้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ลูกสาว คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ยังไม่ถึงเวลาที่จะขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรี รู้ด้วยเซ้นต์ว่า ท่านอดีตนายก ทักษิณ ยังไม่สมควรที่จะกลับในยามนี้ รู้จักที่จะรอเวลา ที่ทำให้มั่นใจและเชื่อมั่นว่าเวลาของ“ชินวัตร”มาถึงแล้วแต่เวลานี้ยังไม่ใช่ ขืนบุ่มบ่าม ตอนนี้จะแพ้ทั้งศึกและสงครามดูจากผลเลือกตั้งก็รู้ได้ด้วยสัญชาติญาณ ต้องรอเวลาที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ให้พรรคเพื่อไทย กลับมาเป็น เบอร์1ก่อน ซึ่งคงใช้เวลาไม่นานนัก เพื่อจะใช้กระแสศรัทธาของเพื่อไทยล้วนๆมาเป็นกำแพงโอบล้อม ความปลอดภัย ความยุติธรรม ให้ท่านทักษิณ และเป็นผนังทองแดงที่พร้อมจะปกป้องคุณอุ๊งอิ๊ง ในทุกสถานการณ์ทางการเมือง คิดถูกแล้วครับ คุณหญิง อย่าไปฟังเสียงเชียร์ของ F C จนลืมเสียงของความเป็นจริงที่อันตรายต่อสามีและลูกเลยครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี