“จตุพร”อ่านหมากอำมหิตมีไอ้โม่งใหญ่คอยชักใยสกัด “พิธา” จับตาเปิดหน้าวันเลือกปธ.สภา-นายกฯ แนะกกต.เรียกคลิปเสียงประชุมไอทีวีมาตรวจสอบ หาความจริงให้ประชาชนหายคลางแคลงใจ ฟันธงหนีไม่พ้นม็อบลงถนน สุดท้สาย“ประวิตร”เต็งหนึ่งเป็นนายกฯ
14 มิ.ย. 66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "จับต้นชนปลาย?" ระบุปริศนาไอ้โม่งตัวใหญ่แค่เห็นมือถือดาบจ่อคอหอย ย่อมเห็นหน้าอำมหิตคอยสั่งการ ชักใยสกัดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ โดยเชื่อว่า วันประชุมเลือกประธานสภาฯ และนายกฯ จะเผยโฉมไอ้โม่งได้กระจ่างแจ้งขึ้น
นายจตุพร กล่าวว่า คลิปเสียงการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีผ่านสื่ออิเล็คทรอนิคส์ เมื่อ 26 เม.ย. 2566 ไปถึงฐปณีย์ เอียดศรีไชย นักข่าวช่อง 3 มิตินั้น สิ่งสำคัญฐปณีย์ เป็นนักข่าวไอทีวีมาก่อน ประชาชนเชื่อถือการรายงานข่าวตรงไปตรงมา ย่อมสร้างอารมณ์ความรู้สึกทางการเมืองได้ง่าย แต่โดยความจริงแล้ว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ ถือหุ้นไอทีวีจำนวน 4.2 หมื่นหุ้นมา 17 ปีในฐานะผู้จัดการมรดกคือ ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย
ส่วนเสียงในคลิปไม่ตรงกับการรายงานบันทึกการประชุมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า มีไอ้โม่งตัวใหญ่ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ต้องการให้เห็นร่องรอยเส้นทางการแต่งตัวให้นายพิธา ถือหุ้นสื่อเข้าข่ายมีคุณสมบัติต้องห้ามการสมัคร ส.ส.
อีกทั้ง เชื่อว่า ไอ้โม่งตัวใหญ่ออกแบบสร้างเรื่องกรณีถือหุ้นไอทีวี ต้องเป็นผู้เคยประกอบธุรกิจด้วยกัน มีสายสัมพันธ์ช่วยเหลือกันมาก่อน จนมีพระคุณจึงสามารถทำงานตามการร้องขอได้ ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นเพียงตัวเล็กๆ ในสถานการณ์นี้ แม้ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทย เป็นผู้เปิดประเด็นขึ้นก่อนก็ตาม
ดังนั้น กระดานทางการเมืองในเรื่องนี้ เมื่อพรรคก้าวไกลออกมาแถลงถึงร่องรอยความไม่ปกติ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะหน่วยงานไต่สวนการถือหุ้นสื่อต้องใช้อำนาจเรียกเอาหลักฐานที่เป็นทั้งคลิปวีดีโอ ภาพเต็ม คลิปทุกชนิดมาตรวจสอบหาความจริงให้เป็นที่ยุติโดยเร็ว
"ผมเชื่อว่า เป็นแผนซ้อนแผนหลายชั้น แต่มีประโยชน์กับการแกะรอยเส้นทางคนบงการ และเชื่อว่าจะมีคำตอบถึงไอ้โม่งตัวใหญ่ชักใย ซึ่งจะเปิดเผยตัวตนในวันเลือกประธานสภาฯ และนายกฯ ดังนั้นผลลัพธ์จะได้รับการพิสูจน์ คงรอกันอีกไม่นานความจริงจะปรากฎขึ้น"
นายจตุพร กล่าวว่า กลเกมสร้างเรื่อง แต่งหลักฐานการถือหุ้น คนที่อยู่ในวงการเมืองย่อมคิดได้ แต่จะพูดหรือไม่เท่านั้น เปรียบเหมือนกับเห็นมือไอ้โม่งถือด้ามดาบจ่อคอหอย ก็จำหน้าคนได้แล้ว ดังนั้น การจัดการทางการเมืองเรื่องนี้จึงอำมหิตมาก แต่ในข้อกฎหมายแล้ว หากนายพิธา เชื่อในความสุจริตใจ ก็ไม่มีเหตุใดต้องไปโอนหุ้นสื่อ เพราะแสดงถึงการออกอาการแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ การยืนกระต่ายขาเดียวเท่านั้นว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย
อีกทั้ง เห็นว่าคลิปเสียงการประชุมผู้ถือหุ้น แม้ได้อารมณ์ร่วมทางสังคม แต่เป็นสิ่งที่ง่ายแบบผิดปกติ จนสามารถตรวจสอบ แกะหาร่องรอยได้ ดังนั้น กกต.ต้องพิสูจน์ให้สังคมหายคลางแคลงใจ ด้วยการเรียกคลิปเสียง วีดีโอ มาเป็นหลักฐานการไต่สวน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม หากการเปิดคลิปวีดีโอนั้น หวังผลให้ ส.ว.เปลี่ยนใจโหวตหนุนเป็นนายกฯ แล้ว แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุบ่งชี้ว่า ส.ว.เปลี่ยนใจมาหนุนนายพิธา เพิ่มจำนวนเท่าไร ถึงที่สุดสิ่งที่ปรากฎมีเพียงอารมณ์ความรู้สึก ส่วนผลลัพธ์การโหวตให้เป็นนายกฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลง
นายจตุพร ประเมินว่า ความขัดแย้งในอนาคตนั้นจะกลายเป็นเรื่องมวลชนของพรรคการเมืองกับพรรคการเมืองด้วยกัน ถึงอย่างไรก็ตาม การลงถนนคงหนีไม่พ้นแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ เป้าการลงถนนจะอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ใช่ พล.อ.ประวิตร แต่ตนเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร จะได้เป็นนายกฯ
"ไม่รู้ว่าประเทศจะเกิดอะไรขึ้น แต่บทเรียนการเมืองรอบนี้มีศิลปะแยบยลซ่อนเงื่อน เมื่อผลลัพธ์ออกมาจะน่าขำก็ได้ ซึ่งต้องรอดูคงอีกไม่นาน ในวันเลือกประธานสภาฯและนายกฯ จะเผยโฉมหน้าการบ่งการ ชักใยออกมาได้แจ่มกระจ่างขึ้น"นายจตุพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี