คนรุ่นใหม่เล่นการเมืองให้เป็น
‘เฉลิม’สอนมวย
ใจเย็นอย่าตื่นเต้น/จับจองเก้าอี้
ปธ.สภาฯต้องผ่านมติพรรค
‘เศรษฐา’รีบปราม‘อดิศร’
หยุดด้อยค่าพรรคก้าวไกล
‘ชลน่าน’ลั่นจบก่อน3ก.ค.
“หมอชลน่าน”แจงปมร้อนชิงเก้าอี้“ประธานสภาฯ”อ้างยังเป็นกระบวนการในพรรคสรุปสุดท้ายขึ้นอยู่กับเจรจา 2 พรรค ยันยุติก่อน 3 กรกฎาคมแน่นอน“สุทิน” โยนเผือกร้อน“ก้าวไกล”เจรจาดีลลดเงื่อนไขปมปธ.สภาฯเชื่อสส.ไม่ใช้เอกสิทธิ์สร้างปัญหา“ก้าวไกล”สะดุ้ง“เฉลิม”ฟาดสอนมวยคนรุ่นใหม่ เล่นการเมืองให้เป็น ยันปธ.สภาฯต้องผ่านมติพรรค-แข่งกันในสภา ลั่นประมุขนิติบัญญัติ ต้องเป็น
กลาง ไม่มีเป็นของพรรคใด ผวาดีลล่ม “เศรษฐา”โดดปราม“อดิศร”
หยุดด้อยค่า‘ก้าวไกล’ปมร้อนปธ.สภาฯ‘อดิศร’ยัน‘พท.’เกือบ100เปอร์เซ็นต์ค้านยก ปธ.สภาฯให้‘ก้าวไกล’ย้ำต้องแจ้งผลดีลที่ประชุมพรรค‘พีระพันธุ์’ลั่นไม่มีวันทิ้ง’ลุงตู่’ประกาศขออยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้าย‘เดชอิศม์’ถ่อมตัวหลังชื่อโผล่ลุ้นชิง‘หัวหน้าปชป.’คนใหม่ ชี้พรรคต้องเปลี่ยน360องศา‘บัญญัติ’รับปชป.ถึงเวลาต้องปฏิรูป
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า บรรยากาศการรายงานตัวของ ส.ส.ที่
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภาเป็นวันที่ 3 เป็นไปอย่างคึกคักเวลา10.00น.พรรคเพื่อไทย(พท.)นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส.ส.น่าน นำคณะส.ส.ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเดินทางมาโดยรถเมล์ EVจากที่ทำการพรรคมาถึงรัฐสภาซึ่งได้นำคณะไปสักการะพระสยามเทวาธิราช และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำรัฐสภาก่อนจะเข้ามาในอาคารรัฐสภา
‘พท.’รายงานตัว/ขอทำหน้าที่ราบรื่น
โดยนพ.ชลน่านกล่าวว่าไม่ได้ถือฤกษ์ถือยามอะไร เป็นไปตามจังหวะ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประกาศรับรองผลวันที่19มิ.ย.และวันที่20มิ.ย.ที่ไปรับหนังสือรับรองจากกกต.และขอให้สมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งรายงานตัวพร้อมกันในวันนี้โดยนายสุทิน คลังแสงรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวชัดว่าขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้คุ้มครอง การทำหน้าที่ของส.ส.โดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทยรวมถึงส.ส.ทุกคนให้ทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่น ปราศจากอุบัติเหตุ อุบัติภัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นภัยจากมนุษย์จากสัตว์หรือจากอะไรที่จะมาขัดขวาง การทำงานของสมาชิกให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง
ปมร้อนปธ.สภาฯเป็นขั้นตอนในพท.
จากนั้นนพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจากับพรรคก้าวไกลตำแหน่งกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าขั้นตอนการเจรจาพูดคุยที่มีข่าวออกมาต่างๆโดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทยเป็นกระบวนการภายในพรรคเพื่อนำข้อพิจารณาไปเจรจาต่อรองกับพรรคก้าวไกลผลสุดท้ายอยู่ที่การเจรจาของทั้ง2พรรค ซึ่งส่วนที่าพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือกังวลว่าสถานการณ์จะขัดแย้งบานปลายนั้น พรรคเพื่อไทยระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง แต่ขั้นตอนการพูดคุยภายในพรรค เราเปิดโอกาส เมื่อมีความเห็นของตัวแทนฝ่ายบริหารที่เรามอบให้เป็นคณะเจรจาไปกำหนดแนวทาง เมื่อได้หลักการเจรจาแล้วก็ต้องนำมารับฟังความคิดเห็นส.ส.ของพรรค
ตอกย้ำแคร์ความรู้สึกทุกฝ่าย
นพ.ชลน่านยอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นข้อมูลข้อคิดเห็นของบุคคล ในที่ประชุมสัมมนาที่เปิดโอกาสรับฟังที่ลุกขึ้นแสดงความเห็น ถือได้ว่าเสียงส่วนใหญ่มีความประสงค์ว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะเสนอขอตำแหน่งประธานสภาฯเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ร่วมประชุมทั้งหมด141คน มีประมาณ10กว่ารายที่ลุกขึ้นแสดงความเห็น
ส่วนกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยระบุพรรคต้องแคร์ความรู้สึกของสมาชิกพรรคเป็นหลักนพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีหลักการทำงาน เราแคร์ความรู้สึกทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและมอบให้เรามาเราต้องแคร์ความรู้สึกมากที่สุดเป็นอันดับ1รองลงมาคือแคร์ความคิดเห็นของส.ส.หรือสมาชิกพรรคเราและ8พรรคร่วมที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล เราต้องมองทุกมิติให้ครอบคลุมรอบด้าน
เชื่อส.ส.เคารพมติพรรค/ไม่ฟรีโหวต
เมื่อถามว่ามีส.ส.บางคนออกมาระบุว่ารับไม่ได้หากจะให้ตำแหน่งประธานสภาฯกับพรรคก้าวไกล จะขอใช้เอกสิทธิ์ฟรีโหวตในสภาฯ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าจริงๆแล้ว ส.ส.ทำหน้าที่ภายใต้ความคุ้มครองของรัฐธรรมนูญ มีเอกสิทธิ์ในการออกเสียง แสดงความคิดเห็น หรือลงมติ แต่ในระบบพรรคการเมืองในรัฐสภา ที่ยึดถือเสียงข้างมากเป็นหลัก เคารพเสียงข้างน้อย เราต้องมีการพูดคุยให้ได้ข้อสรุปในระบบพรรค เมื่อมีความเห็นต่างแบบนี้ ต้องหาความเห็นร่วมให้ได้ ก่อนไปเจรจาข้อกังวลที่จะมีฟรีโหวต เมื่อพรรคมีมติออกมาอย่างไรแล้ว ตนเชื่อว่าส.ส. หรือสมาชิกพรรคมีวินัย
“เราเสนอในหลักว่ามติพรรคเป็นแบบนี้แล้วจะตัดสินใจอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวท่าน เราไม่สิทธิ์ไปห้ามสิทธิของสมาชิกแต่ละคนที่จะเสนออะไรขึ้นมา แต่การจัดการของพรรคการเมือง เราต้องเคารพเสียงข้างมากที่ตัดสินออกมา ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเสียงข้างมากจะออกมามุมไหน การเจรจากับพรรคก้าวไกลจะออกมามุมใดมันอาจจะมีข้อยุติที่ดีก็ได้”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำ
เจรจา2พรรคยันยุติก่อน3ก.ค.แน่
เมื่อถามถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กับนายวันมูหะมัดนอร์ออกมาระบุในแนวทางเดียวกันว่า หากทั้ง2พรรคตกลงเรื่องประธานสภาฯกันไม่ได้ ฝ่ายประชาธิปไตยจบเห่แน่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นนั้น แต่ขอบคุณในความปรารถนาดีของผู้ที่มีประสบการณ์ทั้ง2 ที่เห็นภาพทางการเมืองมายาวนาน
“พรรคเพื่อไทยในฐานะที่มีส่วนได้เสียโดยตรงเป็นคู่เจรจา มั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนหวั่นไหว และคาดการณ์ มันจะไม่เกิดขึ้น เราต้องได้ข้อยุติในพรรคก่อน แล้วไปคุยกันระหว่าง2พรรคให้จบ ยืนยันว่า จะได้ข้อยุติก่อนวันที่3ก.ค.นี้แน่นอน”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ
เล็งเจรจาก.ก.ลดเงื่อนไขปมปธ.สภา
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในที่ประชุมสัมมนาส.ส.เพื่อไทยเมื่อวันที่ 21มิ.ย.เป็นกระบวนการรับฟังความเห็นสส.จะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบความเห็นอื่นๆ ประมวลที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชนและพรรคเพื่อตัดสินใจ ถือเป็นกุศลเจตนา ด้วยความหวังดีต่อพรรค ไม่มีวาระซ่อนเร้นอื่นเท่าที่ดูคงไม่ถึงขั้นต้องเปิดฟรีโหวตในการโหวตเลือกประธานสภาฯแนวทางสุดโต่งเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น ต้องหาวิธียืดหยุ่นเข้าหากัน อาจจะต้องไปพูดคุยด้วยหลายเหตุผลกับพรรคก้าวไกล อาจต้องโยก หรือปรับเงื่อนไขที่เคยคุยกันไว้เล็กน้อย ยังไม่รู้จะปรับอย่างไรเป็นเรื่องที่คณะเจรจาจะไปพูดคุยกันอะไรที่มันตึงมาก อาจต้องขยับนิดหน่อยก็ลงตัวได้”นายสุทิน ย้ำ
เมื่อถามว่าจะถึงขั้นให้พรรคก้าวไกลยอมสละตำแหน่งประธานสภาหรือไม่นายสุทินตอบว่าขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล ถ้าเขายืนยันหลักการเดิม แล้วเราเห็นว่าจะไปไม่ได้ก็ต้องมาพูดคุยจะปรับลดอะไรลงได้หรือไม่ ชุดเจรจาบอกว่า มีทางลงตัวได้ ทุกอย่างจะลงตัวก่อนวันโหวตประธานสภาฯแน่นอน ในวันโหวตทุกอย่างจะลงตัวด้วยดี เชื่อว่าทุกคนก็คำนึงถึงเรื่องนี้ว่า หากสิ่งที่อยากได้ ทำให้เจอทางตัน แต่ถ้าเรายืดหยุ่นเล็กน้อยก็ทำให้เดินต่อไปได้ ถ้าคุยกันแล้วน่าจะไปต่อได้
เชื่อส.ส.ไม่ใช้เอกสิทธิสร้างปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคเพื่อไทยมีมติเรื่องการโหวตประธานสภาฯออกมา แต่ส.ส.ขอใช้เอกสิทธิส่วนตัวในการโหวต จะทำอย่างไร นายสุทิน ตอบว่าพรรคเคารพเอกสิทธิสมาชิกแต่เราต้องทำความเข้าใจให้ทุกคนคงใช้เอกสิทธิในทางเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชนและพรรค แม้จะเป็นการลงมติลับแต่ผลโหวตที่ออกมาต้องเป็นประโยชน์ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางออกที่ดี ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลและกระทบการตั้งรัฐบาล
‘เฉลิม’ฟาดสอนมวยคนรุ่นใหม่
ทางด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์หลังการรายงานตัวว่าการเมืองวันนี้แปลกๆ บางคนบอกว่าคนรุ่นเก่าเหมือนยาหมดอายุ ต้องคนรุ่นใหม่ ถามว่าถ้าคนรุ่นเก่ายังมีสติปัญญามีความรู้ ดีกว่าคนรุ่นใหม่ แล้วจะเอาคนรุ่นเก่าไปไว้ที่ไหน ต้องผสมผสานกัน อย่าดูแคลนกัน ทุกคนมีจิตสำนึก รักบ้านเมืองเหมือนกัน ไม่ใช่อยู่พรรคนี้รักบ้านเมืองกว่า อยู่ตรงนี้ใครไปแตะอะไรก็ทัวร์ลงนี่ไม่ใช่ลักษณะของการเมืองการเมืองต้องว่ากันด้วยวิสัยทัศน์ดูการอภิปราย ดูการทำงานในสภาดูการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง
ลั่น‘ประมุขนิติบัญญัติต้องเป็นกลาง
“ขอยกตัวอย่างเลยอย่างกรณีพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มีตัวแทน8พรรค ได้ปรึกษาหารือกัน แล้วถ้าเลือกใครเป็นประธานสภาฯเพื่อไทยก็เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยไป ผมย้ำว่าเป็นตัวแทนไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเมื่อได้ข้อตกลงต้องกลับมาที่พรรคเพื่อไทย มาถามเฉลิมบ้างสิว่าที่ตกลงกันแบบนี้เห็นด้วยมั้ย แล้วถามผู้แทนฯทั้งหมดด้วยว่าเขาเห็นด้วยมั้ย ไม่ใช่ไปกัน7-8 คนแล้วไปตกลงคนนู้นออกมาก็จะขอ คนนี้ก็จะขอ คนนั้นก็บอกขอประธานสภาฯเพื่อทำกฎหมายของพรรคตัวเองมันไม่ได้ ประธานสภาฯต้องเป็นกลางของทุกพรรคการเมืองที่สังกัดในรัฐสภา”ร.ต.อ.เฉลิม ย้ำ
เมื่อถามถึงสเปคของประธานสภาฯหากอายุน้อยจะเหมาะหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า“อยู่ที่ความชำนาญ ความมั่นคง ทำตัวเป็นกลางประธานสภาฯ พรรษาน้อยไม่เป็นปัญหา ถ้าเก่งเป็นได้ แต่อย่าพูดว่าประธานสภาเป็นของพรรคของผม หรือของพรรคไหน แบบนี้ไม่รู้การเมือง เลอะเทอะ ทำให้คนสับสน เขาเป็นประธานของสภาฯ ประธานรัฐสภาเป็นของทุกพรรคไม่ใช่ของผม จะเอาแต่พรรคผม การเสนอกฎหมาย คนเดียวกฎหมายก็ไม่ผ่าน ซึ่งที่พูดมานั้นโง่”
เล่นการเมืองให้เป็นอย่าตื่นเต้น
เมื่อถามถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ เหมาะสมจะเป็นนายกฯหรือไม่ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าตนไม่เคยบอกเพราะเขาอยู่คนละพรรคกับตน ตนไม่กลัวทัวร์ลง ตนจะไปเห็นพรรคอื่นเป็นนายกฯได้อย่างไร ตนต้องเห็นคนของพรรคเพื่อไทย
“เล่นการเมืองต้องเล่นให้เป็นไม่ใช่อิ๊แอ๊อิ๊แอ๊ นิดหน่อยก็ไปตื่นเต้น ถ้าผมไปเห็นนายพิธาดีกว่าคนของพรรคเพื่อไทยผมก็ไม่ใช่เฉลิม อยู่บำรุง”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ซัดคนไม่รู้ชอบอวดดีพูดจนปวดหัว
ส่วนกรณีที่นายกฯและประธานสภาฯเป็นของพรรคเดียว ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่าไม่มีความเห็น เรื่องแบบนี้ของง่ายทำให้ยาก คนไม่ค่อยรู้ชอบอวดดี ถือเด่น พูดจนคนปวดหัว ที่จริงไม่มีอะไรหาก พรรคไหน ส่งคนแข่งขัน แล้วสมาชิกเลือก คนนั้น ก็ได้เป็น
เมื่อถามว่าไม่อยากเป็นรัฐมนตรีหรือ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า“ผมก็อยากเป็นรัฐมนตรี แต่พรรคไม่ให้ หรือไม่ ไม่รู้ หากไม่ให้ก็เป็นไม่ได้ ส่วนที่มีโผออกมาบอกว่า จะให้ตำแหน่งรมช.กลาโหม ผมไม่รับ”ร.ต.อ.เฉลิมยังย้ำทิ้งท้ายด้วยว่าการกลับเข้าสภาฯรอบนี้ สภาฯไม่เหงาแน่นอนแต่จะไม่กลับมาทวงตำแหน่งดาวสภาฯแต่หากยกให้ก็ชอบ
‘อดิศร’ย้ำ100%ค้านยกปธ.สภาให้กก.
นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวหลังรายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯให้สัมภาษณ์ถึงที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ค้านจะยกตำแหน่งประธานสภาฯให้พรรคก้าวไกลว่า การประชุมภายในของพรรคมีประเด็นแลกเปลี่ยนลักษณะเช่นนี้ตลอดมา เมื่อมีปัญหาก็มาถกเถียงกัน เพราะเป็นพรรคประชาธิปไตย ประเด็นประธานสภาฯข้อมูลอาจจะไม่ตรงกัน ส.ส.ทั้ง141คน ของพรรค ตอนแรกบอกว่ารัฐมนตรี14 +1 ก้าวไกลได้นายกฯ เพื่อไทย14 +1ได้ประธานสภา ถ้าเป็นไปตามนี้พวกเราก็มีความสุข แต่อยู่ๆก็ไปยกตำแหน่งประธานสภาฯให้กับพรรคอันดับ1 โดยไม่สอบถามส.ส.หรือที่ประชุมพรรคจึงมีปัญหาทำให้ถกเถียงกันอาจจะรุนแรงไปหน่อยหากพาดพิงไปถึงพรรคอื่นก็กราบขอโทษด้วย
“เป็นเรื่องธรรมดา คนที่มีหน้าที่ ไปเจรจากับพรรคก้าวไกลและพรรคร่วม ก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึก ส.ส.เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ของพรรคเพื่อไทยว่า มีความคิดเห็นลักษณะเช่นนี้ แล้วไปพูดกับพรรคก้าวไกลว่า เขาจะมีท่าทีอย่างไรผมไม่อยากให้ประธานสภาฯมาขัดขวางการเจริญเติบโตของรัฐบาลผสม ที่ใกล้เข้ามาแล้ว ขอภาวนาให้เจรจาจบลงเร็วๆ และในพรรคมีความเห็นแบบนี้เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะคะแนนเราอาจจะห่างกันไม่มาก”นายอดิศร กล่าว
ย้ำเจรจาแล้วต้องแจ้งที่ประชุมพรรค
เมื่อถามว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้จะมีการโหวตแข่งกันหรือไม่นายอดิศรกล่าวว่า ถ้ามีปัญหาถกเถียงกันก็ต้องใช้ที่ประชุมตัดสินเป็นเรื่องธรรมดาของสภาฯเพราะที่นี่ไม่ใช่สภาฯของพรรคใดพรรคหนึ่ง เนื่องจากไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่งสักพรรคเดียว อยากให้เจรจากันให้จบโดยเร็ว ถ้าตกลงกันอย่างไรก็ให้มีการเสนอในที่ประชุมพรรคฯและตนจะร่วมแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง ส่วนที่ถ้ามติพรรคฯออกมาว่ามอบตำแหน่งประธานสภาฯให้พรรคก้าวไกลก็ต้องมีเหตุผลประกอบ เพราะทั้งสองพรรคต่างมีเอฟซีก็เชียร์ไม่เหมือนกันอยากให้เอฟซีอยู่ในสถานที่ตั้งที่มั่นคงรอดูการเจรจากัน คิดว่าประชาชนมอบให้เพื่อไทยกับก้าวไกล เป็นปลาท่องโก๋ ต้องจัดตั้งรัฐบาลและมีนายกฯชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ได้
‘เศรษฐา’เบรก‘อดิศร’พาดพิง‘ก้าวไกล’
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ทวีตตอบคำถามที่มีคนสอบถามในทวิตเตอร์ ซึ่งถามว่าที่นายอดิศร มาพูดดูถูกเขาว่า เอาเณรเอาพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาสจะไม่ยอมนี้ มันสมควรไหม อยากให้ตอบ คนเป็นส.ส.ที่ดี ดูถูกคนแบบนี้ถูกต้องหรือและคนนี้เป็นผู้ใหญ่ได้ไหมโดยนายเศรษฐา ระบุว่า “ผมเห็นว่าเราควรจะพูดเรื่องความไม่ใช่คน และผมไม่เห็นด้วยในการด้อยค่าเพื่อนร่วมอาชีพด้วยประการทั้งปวงครับ”
‘สรีพิศุทธ์แนะ2พรรคใหญ่รักษาคำพูด
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารายงานตัวถึงตำแหน่งประธานสภาฯว่าทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างก็เป็นพรรคใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย และมีเป้าหมายแต่งตั้งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก.ก.เป็นนายกฯ ซึ่งต้องยอมรับว่าตลอดเวลาก็มีปัญหาไม่ว่าปัญหาเรื่องส.ว.หรืออะไรก็ตามก็อยากให้ยึดมั่นตามเป้าหมายเชื่อมั่นว่าทั้ง2พรรคยังทำงานด้วยกันได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรขัดแย้ง ส่วนมีปัญหาตำแหน่งประธานสภาฯคิดว่าทั้ง 2 พรรคตกลงกันได้แล้ว แต่เรื่องตำแหน่งนายกฯยังไม่มีใครไปคัดค้านนายพิธา เมื่อตกลงกันได้แล้วเชื่อว่าทุกคนจะรักษาคำพูด และทำงานให้ประชาชน
หวั่นเกิดขัดแย้งทำเผด็จการคืนชีพ
“วันนี้พูดแบบนี้ พรุ่งนี้พูดอีกอย่างมันไม่ดี เราต้องรักษาคำพูด ไม่อย่างนั้น การที่จะไปสู่เป้าหมาย มันลำบาก จะทำให้เผด็จการฟื้นคืนชีพกลับมาอีก เราจะเอาอย่างนั้นกันหรือ จึงอยากฝากบรรดาลูกพรรคทั้งหลาย อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยเดินหน้าทำงานให้พี่น้องประชาชนให้ได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย้ำ
‘พีระพันธุ์’โต้ลั่นไม่มีวันทิ้ง’ลุงตู่’
ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันไม่มีวันทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามที่มีกระแสข่าวแน่นอน มีเนื้อหาดังนี้“เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย. 66)มีการรายงานข่าวทางสื่อมวลชนบางฉบับว่าผม “ทิ้งลุงตู่”หรือพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ก็ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์และมีการสอบถามผมมาอย่างเข้าใจผิดมากมายว่าผม“ทิ้ง”ท่านนายกรัฐมนตรีทำไมผมขออนุญาตเรียนให้ทราบกันครับว่าคนอย่างผมไม่มีวันที่จะทิ้งคนดีๆอย่างท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเด็ดขาด วันนี้ผมยังอยู่กับท่านและยังคงทำงานให้ท่านในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีตามปกติทุกวัน
ประกาศอยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้าย
“ผมพูดอยู่เสมอว่าผมมีความสุขที่ได้ทำงานกับท่านและมันก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น การได้เจอคนดีนับเป็นโชคดีของชีวิต การได้เจอและได้ทำงานกับคนดีๆยิ่งต้องถือว่าทั้งโชคดีและเป็นกำไรของชีวิตที่ได้ซึมซับและได้เรียนรู้เรื่องดีๆจากคนดีๆ ยิ่งเป็นคนดีที่รักชาติบ้านเมืองรักสถาบันยิ่งชีวิตก็ยิ่งต้องถือว่าเป็นโชคมหาศาลของชีวิต ผมขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันนะครับว่า ผมเลือกที่จะอยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้ายของท่านในการทำงานและการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของคนไทยและประเทศไทยตามนี้นะครับ”
‘เดชอิศม์’ถ่อมตัวชื่อชิงหน.ปชป.
เวลา13.00 น.ที่รัฐสภา นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดูแลภาคใต้ เข้ารายงานตัวเป็นสส.กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ว่า เรากำหนดวันเลือกตั้งแล้วคือวันที่ 9 ก.ค. นี้ เรากำลังหารือกันอยู่ เป็นการภายในยังไม่มีข้อสรุป ส่วนที่มีชื่อนายเดชอิศม์อยู่ในโผที่จะได้รับการสนับสนุนเป็นหัวหน้าพรรคฯคนใหม่นั้น ในพรรค มีคนที่เก่งกว่าตนหลายท่าน เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถมากกว่าตน ส่วนที่มีชื่อว่าจะถูกสนับสนุนให้เป็นเลขาธิการพรรคด้วยก็ยังไม่มีการคุยอะไรกันมาก ตอนนี้ในพรรค เรายังไม่ได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรค คุยเฉพาะส.ส.เขตที่เราเจอกันบ่อยมาก ดังนั้นต้องคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคให้ครบทุกคนด้วย
ชี้พรรคต้องเปลี่ยน360องศา
เมื่อถามว่ามองว่าคนที่จะนำพรรคปชป.คนต่อไปควรเป็นคนลักษณะใดนายเดชอิศม์ กล่าวว่าต้องเป็นคนที่กล้าเปลี่ยนแปลงพรรค ทุกวันนี้โลกเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนวิธีคิดของประชาชนก็เปลี่ยนไปเยอะดังนั้นประชาธิปัตย์ต้องปรับตัวและเปลี่ยนให้ทันด้วย ถ้าเราปรับตัวและเปลี่ยนไม่ทันรอบหน้าเราอาจจะไม่ชนะอีกส่วนตัวคิดว่าน่าจะเอาคนที่ใหม่ๆ ความคิดและความเห็นใหม่ๆ ทุกวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากแล้ว เรารู้ตัวเที่ยวนี้ว่าเราควรปรับแบบ 360 องศาเลย
‘บัญญัติ’รับปชป.ถึงเวลาต้องปฏิรูป
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้ารายงานตัวเป็นส.ส. ถึงการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่9ก.ค.นี้ ควรจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นเก่าว่า ก็คงผสมผสานกันไปประชาธิปัตย์จะพูดอยู่เสมอว่าเราเป็นพรรคของคนทุกรุ่น เข้าใจว่ากรรมการบริหารหน้าใหม่ที่จะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกเข้ามาก็คงผสมผสานกัน
เมื่อถามว่าถึงเวลาที่พรรคปชป.ต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า ยอมรับว่าเรื่องการปรับเปลี่ยนต้องปรับเปลี่ยนอยู่แล้วหรือจะเรียกว่าปฏิรูปก็ได้ ปรับเปลี่ยน คงฟังดูน่ากลัวไปหน่อยซึ่งความเป็นจริง ก็ทำกันมาเรื่อยๆ ครั้งนี้ต้องทำกันจริงจังมากขึ้นซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่ารอบนี้เราถดถอยลงไปเยอะ เหมือนกัน คิดว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะได้จะทำให้พรรคมีความหวังมากขึ้น
ก.ก.ฟิตจัด เวิร์กชอปส.ส.ยื่นกฎหมาย
วันเดียวกัน ในการจัดสัมมนา ส.ส.ของพรรคก้าวไกลเป็นวันที่ 2 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประชุมสภาฯ ช่วงเช้าได้ประชุมเชิงปฏิบัติการ(เวิร์กชอป)ระดมความคิดเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายก้าวไกลจำนวนกว่า 40 ฉบับที่จะยื่นทันทีเมื่อเปิดประชุมสภาฯโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวพูดถึงความสำคัญของเรื่องนี้ว่าปัจจุบันประเทศไทยเสมือนอยู่ในเกมชักเย่อ ในทางหนึ่งเรามี‘ระบบ’ที่ล้าหลังที่ไม่อนุญาตให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นรัฐธรรมนูญ2560ที่ขยายอำนาจของสถาบัน และกลไกทางการเมืองที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน แต่อีกทางหนึ่งเราก็มีสังคมที่ก้าวหน้า ประชาชนมีความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงสูง สะท้อนอย่างชัดเจนผ่านผลการเลือกตั้งที่พรรคจากขั้วฝ่ายค้านเดิม ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น จนทำให้พรรคการเมือง อันดับ 1 และอันดับ 2มาจากซีกฝ่ายเดียวกันในสภาชุดที่แล้วซึ่งมักไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพื่อตอบรับต่อความคาดหวังของประชาชนที่ขึ้นสูงมาก พรรคก้าวไกลต้องมีบทบาทเป็นเหมือน กังหันลม’ ที่แปรสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ ให้ก้าวไปข้างหน้า
พร้อมเปลี่ยนประเทศใน3ด้าน
โดยภารกิจหลักในสภาฯของพรรค คือ การผลักดันกฎหมายเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและสร้างความเปลี่ยนแปลงใน 3 ด้าน หรือ ‘3 เปลี่ยน’ได้แก่(1) การเปลี่ยน ‘กฎหมาย’ คือการทำให้กฎหมายที่ก้าวหน้าผ่านสภาฯและร่วมกันผลักดันกับภาคประชาชน (2) การเปลี่ยน ‘ความคิด’ โดยอาศัยกลไกและเวทีสภาฯ ในการรณรงค์และสื่อสารสาระสำคัญของกฎหมายกับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจในสังคม และคลายข้อกังวลของผู้เห็นต่าง (3) การเปลี่ยน’วัฒนธรรมการเมือง’โดยทำให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับจากการมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับงานสภาฯ ทั้งในการขับเคลื่อนนโยบายและการให้ความร่วมมือกับกลไกตรวจสอบถ่วงดุลโดยพริษฐ์ได้ย้ำว่าการผลักดันกฎหมายกว่า 40 ฉบับนี้ เป็นเพียงชุดแรกที่จะถูกเสนอโดยผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลในสมัยนี้ และจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างประเทศที่ดีกว่าเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี